สิ่งหนึ่งที่กำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในอุตสาหกรรมความงามของเกาหลีคือนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่กำลังเติบโต ผู้คนยังชอบที่ส่วนผสมจากธรรมชาติที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวไม่ว่าจะเป็น จากหอยทาก จิงจูฉ่าย สารสกัดจากไผ่ และอื่น ๆ เมื่อไม่นานมานี้ส่วนผสมหนึ่งที่กำลังเป็นที่นิยมมากที่สุดในวงการความงามเกาหลี ซึ่งก็คือพลูคาวนั่นเอง พลูคาวถูกใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ความงามหลายชนิด ทั้งคลีนเซอร์ โทนเนอร์ เซรั่ม เอสเซ้นส์ ครีม แผ่นมาส์ก การลดเลือดจุดด่างดำ เป็นต้น
พลูคาวคืออะไร
พลูคาวเป็นพืชที่มีใบรูปหัวใจ อยู่ในตระกูล Saururaceae นอกจากกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ของพลูคาวแล้ว พลูคาวเป็นพืชที่สวยงาม ด้วยรูปทรงที่เป็นรูปหัวใจมีใบสีเขียว เหลือง และแดง คาวพลูเติบโตในที่ชื้น และร่มใบประเทศแถบเอเชีย รวมไปถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดียเหนือ เกาหลี ญี่ปุ่น จีน และอื่น ๆประโยชน์ของพลูคาว
ก่อนที่พลูคาวจะถูกใช้เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม ผู้คนในเอเชียรับประทานใบ ก้าน และรากของมันในอาหาร และเครื่องดื่ม แม้แต่ปัจจุบัน พวกเขาก็ยังใช้ในอาหารต่าง ๆ เช่น อาหารอินเดีย อาหารจีน และอาหารเวียดนาม พลูคาวสามารถกินได้ทั้งแบบดิบในสลัด และแบบที่สุกกับผักอื่น ๆ ปล หรือเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่น และเกาหลี ผู้คนใช้ใบพลูคาวแห้งเพื่อต้มเป็นน้ำชา นอกจากนี้ พลูคาวมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย พืชพื้นบ้านของเอเชียนี้มีคุณค่าของคุณสมบัติทางการแพทย์ และถูกใช้ในการรักษาอหิวาตกโรค โรคบิด โรคน้ำตาลในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง เลือดไม่พอ ไอ ไข้ อาหารไม่ย่อย และท้องผูก นอกจากนี้ พลูคาวยังสามารถใช้รักษางูกัด และความผิดปกติของผิวได้อีกด้วย ทำอย่างไรเมื่อถูกงูกัด อ่านต่อที่นี่ประโยชน์ต่อผิว
สารประกอบทางชีวภาพที่มีอยู่ในคาวพลูคือฟลาโวนอยด์ ฟลาโวนอยด์ที่พบในพืชชนิดนี้คือ เควอเซทิน เควอซิทริน ไฮเปอโรไซด์ รูทิน อัฟเซลิน และอะพิเจนิน ฟลาโวนอยด์เหล่านี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพที่ช่วยขับไล่อนุมูลอิสระ และมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ นอกจากสารประกอบที่กล่าวถึงด้านบนแล้ว คาวพลูยังมีพอลีแซคคาไรด์ เช่น กรดกาแลคทูโรนิค กาแลคโตส อะราบิโนส กรดกลูคูโรนิค เป็นต้น ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง พอลีแซคคาไรด์มีหน้าที่เป็นตัวกักเก็บความชุ่มชื้น ทำให้ผิวนุ่ม และยืดหยุ่น นอกจากนี้ ยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพอีกด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
คาวพลูเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีฟลาโวนอยด์ พอลีเเซคคาไรด์ กรดอะมิโน และกรดไขมัน ซึ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ทั้งยังต่อสู้กับสารอนุมูลอิสระที่เกิดจากมลภาวะทางอากาศ รังสียูวี ควัน นอนน้อย การรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ แอลกอฮอล์ และความเครียด ผิวหน้าเป็นบริเวณที่ถูกแสงยูวีมากที่สุด การที่ผิวโดนรังสียูวีบีจะทำให้ผิวถูกทำลาย ทำให้ผิวไหม้ อักเสบ ขาดน้ำ สีผิวเปลี่ยน ผิวแก่กว่าวัย มะเร็งผิวหนัง และอื่น ๆ รังสียูวีจะไปกระตุ้น reactive oxygen species ที่ไปทำลายเซลล์ผิว จากงานวิจัยพบว่า เควอซิทรินปกป้องผิวโดยการลด reactive oxygen species ที่ถูกสร้างจากการสัมผัสรังสียูวีบี นอกจากนี้ สารต้านอนุมูลอิสระยังช่วยลดริ้วรอยต่าง ๆ ได้อีกด้วย แม้ว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ใช้เฉพาะที่อาจจะช่วยเป็นเกราะปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ แต่มันก็จะไม่ได้ทำให้เราอ่อนเยาว์ลงเหมือนเป็นเด็กอีกครั้ง อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ: ครีมบำรุงผิวได้ที่นี่ต้านแบคทีเรีย และต้านการอักเสบ
หนึ่งในหลายเหตุผลที่ผู้มีแนวโน้มเป็นสิวใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมนี้เพราะคุณสมบัติต้านแบคทีเรียของคาวพลู สารสกัดจากคาวพลูเป็นสารต้านแบคทีเรียที่สามารถต่อสู้กับแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวได้ ซึ่งก็คือ Propionibacterium acnes และ Staphylococcus epidermidis แบคทีเรียเหล่านี้เป็นสาเหตุให้เกิดการอักเสบซึ่งทำให้เกิดสิวที่ผิวหนัง ซึ่งคาวพลูสามารถช่วยได้ จากการศึกษา ส่วนผสมนี้สามารถลดการอักเสบได้ อย่างไรก็ตาม ยังต้องทำการศึกษาเพิ่มเติมอีกว่าคาวพลูสามารถช่วยในกลไกไคโคไคน์ได้หรือไม่ ในการศึกษาปี 2019 พบว่าการอักเสบจากสิวลดลงจากแปดสัปดาห์ที่ใช้สมุนไพรนี้ นอกจากนี้ คาวพลูยังมีผลต่อการรักษาโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่เกิดขึ้นที่หน้า คอ แขน และขาได้อีกด้วย Staphylococcus aureus เป็นแบคทีเรียที่พบในโรคผิวหนังอักเสบ ฤทธิ์ต้านการอักเสบของคาวพลูช่วยบรรเทาอาการของผิวหนังอักเสบเรื้อรังได้ อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ: ผิวหนังอักเสบได้ที่นี่ทำให้ผิวกระจ่างใส
เมลานินเป็นสารที่ทำให้เกิดสีของผิว การสัมผัสกับแสงแดด และการอักเสบของผิว เช่น การเป็นสิว ทำให้เมลานินนั้นถูกสร้างออกมามากเกินไป ผลลัพท์ทำให้เกิด ฝ้า กระ และจุดด่างดำต่าง ๆ หรือบางครั้งก็อาจเกิดจากอนุมูลอิสระ และ tyrosinase สารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยป้องกัน และทำให้การเปลี่ยนของสีผิวเกิดขึ้นช้าลงโดยการต่อสู้กับอนุมูลอิสระ และทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้นคาวพลูในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
ในปัจจุบันคุณจะสามารถพบส่วนผสมคาวพลูในเกือบจะทุกผลิตภัณฑ์ในท้องตลาด หากคุณสงสัยว่าผลิตภัณฑ์ไหนที่จะให้ประโยชน์จากคาวพลูมากที่สุด ก็จะมีทั้งในรูปแบบเซรั่ม เอสเซ้นส์ และครีม ทุกคนสามารถได้รับประโยชน์จากคาวพลุได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย และมีผิวแพ้ง่าย นอกจากจะมีประโยชน์ต่อผิวมากมายแล้ว คาวพลูยังอ่อนโยนต่อผิว และสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยทั้งกลางวัน และกลางคืน การศึกษาพบว่าไม่มีสารพิษ หรืออาการแพ้ให้ผลิตภัณฑ์จากคาวพลู เหมือนอย่างสารสกัดจากพืชชนิดอื่น หากคุณสนใจที่จะลองคาวพลู คุณควรลองทาลงบนผิวในบริเวณเล็ก ๆ ก่อน หรืออาจสอบถามแพทย์ผิวหนังกับเรื่องที่กังวลได้ สุดท้าย คุณอาจส่งสัยว่าคาวพลูนั้นเหมือนกับใบบัวบกหรือไม่ พืชส่วนมากมีประโยชน์ต่อผิว ปกติแล้ว พืชจะมีวิตามิน สารต้านอนุมูลอิสระ และสารสกัดที่ออกฤทธิ์ทางชีวภาพ หรือสารพฤษเคมี แม้ว่าคาวพลู และใบบัวบกจะไม่ได้อยู่ในตระกูลเดียวกัน ทั้งคู่ก็มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ต้านแบคทีเรีย และต้านการอักเสบสำหรับทุกสภาพผิวสูงเหมือนกัน โดยเฉพาะผู้ที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย และมีผิวแพ้ง่าย การที่ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจะมีประโยชน์ต่อผิวเราหรือไม่นั้น ผู้ใช้ควรต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเองให้มากที่สุดพลูคาวกับการต้านอนุมูลอิสระ และการต้านการอักเสบ
พลูคาวมีสาระสำคัญที่มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด น่าจะเป็นด้วยกลไกของการต้านอนุมูลอิสระ ทำให้มีผลต่างๆ ตามมา ดังนี้ ในปี 2006 มีงานวิจัยว่า สารสกัดจากพลูคาวในรูปของการฉีดมีฤทธิ์ต้านการอักเสบได้ เป็นการวิจัยในหนูทดลอง ที่ทำให้เยื่อหุ้มปอดอักเสบ ด้วยการฉีดสารเคมีที่ระคายเคืองคือ คาราจีแนน (Carrageenan) เข้าไปทำให้ระคายเคืองต่อเยื่อหุ้มปอด ในปีเดียวกันมีงานวิจัยทำนองคล้ายกัน พบว่า ด้วยกลไกต้านอนุมูลอิสระ สารสกัดจากพลูคาวสามารถลดการเกิดเนื้อเยื่อพังผืดในปอดของหนูทดลอง (Pulmonary fibrosis) ที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดการอักเสบโดยยาบลีโอมัยซินได้อีกเช่นกัน ในปี 2007 มีงานวิจัยว่า สารสกัดจากพลูคาวช่วยปกป้องไตเสื่อมในหนูทดลองที่เป็นเบาหวาน ในปี 2009 มีงานวิจัยว่า พลูคาวเป็นหนึ่งในสมุนไพรห้าชนิดที่มีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระสูงที่ สุด จากสมุนไพรไทย 30 ชนิด ที่มีใช้ในตำรับยารักษาโรคเบาหวาน
พลูคาวกับการทดสอบความเป็นพิษ
พบว่าสาร decanoyl acetaldehyde ซึ่งแยกได้จากพลูคาวในขนาดประมาณ 1.6 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กก. เป็นขนาดที่ทำให้หนูถีบจักรตายไปครึ่งหนึ่ง (LD 50) เมื่อฉีดเข้าหลอดเลือดดำสุนัข ในขนาด 38-47 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทำให้สุนัขตาย และเมื่อกรอกเข้ากระเพาะอาหารของสุนัขวันละ 80-160 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ติดต่อกัน 1 เดือน จะทำให้สุนัขมีน้ำลายออกมาก และระยะแรกมีอาการอาเจียน โดยที่ไม่พบความเป็นพิษอื่นอีก นอกจากนั้นพบว่า พลูคาวมีการกระตุ้นให้เกิดการแพ้แสง (Phyto toxic dermatitis) เป็นรายงานผู้ป่วยหญิงที่บริโภคพลูคาวในรูปแบบที่เป็นน้ำและผงแห้งติดต่อกัน 20 วัน เกิดรอยด่างสีม่วงแดงที่แก้มทั้งสองข้าง และผิวหนังร้อนแดงที่หน้าผาก ลำคอ คาง แขน และฝ่ามือหัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น