ไวรัสตับอักเสบเอ (Hepatitis A) : อาการ สาเหตุ การรักษา

ผู้เขียน Dr. Wikanda Rattanaphan
0
ไวรัสตับอักเสบเอ

ไวรัสตับอักเสบ (Hepatitis A)  คือ การอักเสบของตับอันเนื่องมาจาก การสัมผัสสารพิษ หรือการดื่มสุรามากเกินไป โรคภูมิต้านทานเนื้อเยื่อตัวเอง หรือการติดเชื้อ ซึ่งโดยส่วนมากแล้วจะมีสาเหตุมาจากไวรัสต่าง ๆ

ไวรัสตับอักเสบเอเป็นหนึ่งในโรคไวรัสตับอักเสบชนิดอื่น ๆ ที่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดเอ ซึ่งการติดเชื้อชนิดนี้จะมีอาการในระยะสั้น ๆ ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำการรักษา

จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก แต่ละปีมีผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบเอประมาณ 1.4 ล้านคนทั่วโลก ไวรัสตับอักเสบชนิดนี้แพร่กระจายได้ง่ายมากผ่านทางอาหารและน้ำที่ปนเปื้อน โดยปกติแล้วเป็นโรคที่ไม่รุนแรงและไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว เมื่อติดเชื้อแล้ว สามารถหายเองได้

อาการของไวรัสตับอักเสบเอคืออะไร

เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ปี จะไม่แสดงอาการเมื่อได้รับเชื้อ ในเด็กที่โตกว่า วัยรุ่น และผู้ใหญ่จะมีอาการไม่รุนแรง ดังนี้:

โดยปกติแล้ว ผู้ป่วยจะแสดงอาการ 15 ถึง 50 วันหลังจากได้รับไวรัส

ไวรัสตับอักเสบเอมีสาเหตุมาจากอะไร และติดต่อได้อย่างไร

ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอหลังจากได้รับไวรัส ไวรัสชนิดนี้จะติดต่อได้จากการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนไวรัส เมื่อได้รับเชื้อแล้ว ไวรัสจะแพร่กระจายเข้าสู่ระบบเลือดและเข้าสู่ตับ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดการอักเสบและบวม

นอกเหนือจากการรับประทานอาหารและดื่มน้ำที่มีไวรัสแล้ว การมีสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่ติดเชื้อไวรัสก็สามารถทำให้ติดเชื้อได้เช่นกัน และผู้ที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบเอสามารถแพร่เชื้อให้สามาชิกในครอบครัวได้

คุณสามารถติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอได้จาก:

  • การรับประทานอาหารที่คนทำติดเชื้อไวรัส
  • การรับประทานอาหารที่ทำจากผู้ที่ไม่ล้างมือก่อนทำอาหาร
  • การรับประทานปลาดิบที่มาจากแหล่งน้ำที่มีการปนเปื้อน
  • ไม่ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ
  • ดื่มน้ำที่มีสารปนเปื้อน
  • การสัมผัสกับอุจจาระที่ปนเปื้อนไวรัสตับอักเสบเอ
Hepatitis A

หากได้รับเชื้อไวรัสแล้ว ผู้ป่วยจะแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้ถึงสองสัปดาห์ก่อนที่อาการจะเริ่มปรากฎ และหลังจกที่อาการปรากฎ 1 สัปดาห์ก็จะไม่สามารถแพร่เชื้อได้อีก

ใครมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ

ไวรัสตับอักเสบเอนั้นติดต่อจากคนสู่คน ทำให้มีการแพร่ระบาดสูง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบางอย่างทำให้โอกาสที่จะติดเชื้อสูงขึ้น ดังนี้:

  • อาศัยอยู่ในพื้นที่ ๆ พบการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอได้ทั่วไป รวมไปถึงประเทศที่มีมาตราฐานสุขอนามัยต่ำ และมีน้ำที่สะอาดปลอดภัยไม่เพียงพอ

  • การฉีดหรือการใช้สารเสพติด

  • อยู่ในบ้านกับผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ

  • มีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ป่วยเป็นไวรัสตับอักเสบเอ

  • เป็นโรค HIV

องค์กรอนามัยโลกรายงานว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของเด็กที่อาศัยอยู่ในประเทศที่มีมาตราฐานทางด้านสุขอนามัยต่ำเป็นโรคไวรัสตับอักเสบเอในอายุประมาณ 10 ปี

การวินิจฉัยโรคไวรัสตับอักเสบเอ

หลังจากที่ซักประวัติแล้ว แพทย์จะสั่งให้ตรวจเลือดเพื่อดูการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย การตรวจเลือดจะแสดงให้เห็นว่าไวรัสตับอักเสบเอนั้นมีอยู่หรือหายไปแล้ว

ผู้ป่วยบางคนมีอาการเพียงเล็กน้อยและไม่มีอาการของโรคดีซ่าน เมื่อไม่มีอาการของโรคดีซ่าน จึงทำให้ยากที่จะตรวจหาไวรัสตับอักเสบเจอด้วยการตรวจร่างกาย เมื่ออาการน้อย จะไม่สามารถตรวจหาไวรัสตับอักเสบเอได้ และอาการแทรกซ้อนจากการตรวจหาไม่พบนั้นมีน้อยมาก

โรคแทรกซ้อนจากไวรัสตับอักเสบเอ

ในกรณีที่พบได้ยากมาก ไวรัสตับอักเสบเอสามารถส่งผลให้ ตับล้มเหลว (kidney failure) ได้ ซึ่งอาการแทรกซ้อนนี้พบได้มากในผู้สูงอายุและผู้ที่มีปัญหาโรคตับเรื้อรัง หากอาการแทรกซ้อนนี้เกิดขึ้น ผู็ป่วยต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล แต่ถึงแม้ว่าเป็นภาวะตับล้มเหลว ก็สามารถรักษาให้หายได้ การปลูกถ่ายตับนั้นพบได้น้อยมาก ๆ

ไวรัสตับอักเสบเอรักษาอย่างไร

ไวรัสตับอักเสบเอนั้นมไ่ได้มีการรักษาที่เฉพาะเจาะจง เพราะว่ามันเป็นการติดเชื้อไวรัสระยะสั้น ๆ และปกติจะหายไปเอง การรักษาส่วนมากจึงมุ่งเน้นไปที่การบรรเทาอาการ

หลังจากพักรักษาตัวได้ประมาณ 1 สัปดาห์ อาการต่าง ๆ มักดีขึ้น แต่ผู้ป่วยควรที่จะทำตามดังนี้:

ภาวะแทรกซ้อนของไวรัสตับอักเสบเอ

โรคตับอักเสบเอคือการติดเชื้อไวรัสที่ส่งผลต่อตับเป็นหลัก แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วจะเป็นโรคที่จำกัดตัวเองและเฉียบพลัน แต่ภาวะแทรกซ้อนอาจเกิดขึ้นได้ในบางกรณี ต่อไปนี้เป็นภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากโรคตับอักเสบเอ:
  • โรคตับอักเสบเฉียบพลัน:แม้ว่าจะพบไม่บ่อย แต่โรคตับอักเสบเอสามารถนำไปสู่โรคตับอักเสบวายเฉียบพลัน ซึ่งเป็นรูปแบบของโรคที่รุนแรงและคุกคามถึงชีวิต สิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อตับสูญเสียการทำงานกะทันหัน มันสามารถส่งผลให้เกิดโรคสมองจากตับ (ความผิดปกติของสมองเนื่องจากตับวาย) อาการแข็งตัวของเลือด (ความผิดปกติของเลือดออก) และความล้มเหลวของอวัยวะหลายส่วน
  • Cholestatic Hepatitis:ในบางกรณี โรคตับอักเสบเอ อาจทำให้เกิดภาวะ cholestasis ซึ่งเป็นภาวะที่การไหลเวียนของน้ำดีจากตับถูกปิดกั้นหรือลดลง ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอาการตัวเหลือง (ผิวหนังและตาเหลือง) คัน และอุจจาระสีซีด
  • อาการที่ยืดเยื้อ:แม้ว่าคนส่วนใหญ่ที่เป็นโรคตับอักเสบเอ จะฟื้นตัวภายในไม่กี่สัปดาห์โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว แต่บางคนอาจมีอาการที่ยืดเยื้อ เช่น เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย และไม่สบายท้อง
  • การกำเริบของโรคตับอักเสบ:ในบางครั้ง โรคตับอักเสบเอสามารถนำไปสู่โรคตับอักเสบกำเริบ โดยที่บุคคลเริ่มฟื้นตัวจากการเจ็บป่วยเฉียบพลัน แต่ต่อมาจะมีอาการซ้ำอีกหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนต่อมา
  • อาการนอกตับ:แม้ว่าโรคตับอักเสบเอจะส่งผลต่อตับเป็นหลัก แต่ก็สามารถทำให้เกิดอาการนอกตับได้ (นอกตับ) สิ่งเหล่านี้อาจรวมถึงอาการปวดข้อ ผื่นที่ผิวหนัง และปฏิกิริยาแพ้ภูมิตัวเอง
  • ความตาย:ในกรณีที่พบไม่บ่อยนัก โรคตับอักเสบเออาจถึงแก่ชีวิตได้ โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นโรคตับอยู่แล้วหรือมีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง
สิ่งสำคัญที่ควรทราบก็คือ กรณีของโรคไวรัสตับอักเสบเอ ส่วนใหญ่ไม่ได้นำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง และคนส่วนใหญ่จะฟื้นตัวได้เต็มที่ด้วยการดูแลแบบประคับประคอง การพักผ่อน และโภชนาการที่ดี โรคตับอักเสบเอสามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน และการปฏิบัติตามสุขอนามัยที่ดี รวมถึงการล้างมือ ก็สามารถลดความเสี่ยงของการติดเชื้อได้ หากคุณสงสัยว่าคุณเป็นโรคตับอักเสบเอหรือมีความเสี่ยง ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการจัดการที่เหมาะสม

นี่แหล่งที่มาในบทความของเรา

  • https://www.cdc.gov/hepatitis/hav/afaq.htm

  • https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/hepatitis-a/symptoms-causes/syc-20367007

  • https://www.nhs.uk/conditions/hepatitis-a/

  • https://www.webmd.com/hepatitis/digestive-diseases-hepatitis-a


เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team

แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด