ไวรัสตับอักเสบ (Hepatitis A) คือ การอักเสบของตับอันเนื่องมาจาก การสัมผัสสารพิษ หรือการดื่มสุรามากเกินไป โรคภูมิต้านทานเนื้อเยื่อตัวเอง หรือการติดเชื้อ ซึ่งโดยส่วนมากแล้วจะมีสาเหตุมาจากไวรัสต่าง ๆ
ไวรัสตับอักเสบเอเป็นหนึ่งในโรคไวรัสตับอักเสบชนิดอื่น ๆ ที่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดเอ ซึ่งการติดเชื้อชนิดนี้จะมีอาการในระยะสั้น ๆ ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำการรักษา
จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก แต่ละปีมีผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบเอประมาณ 1.4 ล้านคนทั่วโลก ไวรัสตับอักเสบชนิดนี้แพร่กระจายได้ง่ายมากผ่านทางอาหารและน้ำที่ปนเปื้อน โดยปกติแล้วเป็นโรคที่ไม่รุนแรงและไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว เมื่อติดเชื้อแล้ว สามารถหายเองได้
อาการของไวรัสตับอักเสบเอคืออะไร
เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ปี จะไม่แสดงอาการเมื่อได้รับเชื้อ ในเด็กที่โตกว่า วัยรุ่น และผู้ใหญ่จะมีอาการไม่รุนแรง ดังนี้:
-
ปวดท้อง (โดยเฉพาะช่องท้องขวาบน)
-
อุจจาระสีจาง
-
ปัสสาวะมีสีเข้ม
-
น้ำหนักลดโดยไม่มีเหตุผล
-
โรคดีซ่าน (ตาเหลืองหรือผิวเหลือง)
โดยปกติแล้ว ผู้ป่วยจะแสดงอาการ 15 ถึง 50 วันหลังจากได้รับไวรัส
ไวรัสตับอักเสบเอมีสาเหตุมาจากอะไร และติดต่อได้อย่างไร
ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอหลังจากได้รับไวรัส ไวรัสชนิดนี้จะติดต่อได้จากการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนไวรัส เมื่อได้รับเชื้อแล้ว ไวรัสจะแพร่กระจายเข้าสู่ระบบเลือดและเข้าสู่ตับ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดการอักเสบและบวม
นอกเหนือจากการรับประทานอาหารและดื่มน้ำที่มีไวรัสแล้ว การมีสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่ติดเชื้อไวรัสก็สามารถทำให้ติดเชื้อได้เช่นกัน และผู้ที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบเอสามารถแพร่เชื้อให้สามาชิกในครอบครัวได้
คุณสามารถติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอได้จาก:
- การรับประทานอาหารที่คนทำติดเชื้อไวรัส
- การรับประทานอาหารที่ทำจากผู้ที่ไม่ล้างมือก่อนทำอาหาร
- การรับประทานปลาดิบที่มาจากแหล่งน้ำที่มีการปนเปื้อน
- ไม่ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ
- ดื่มน้ำที่มีสารปนเปื้อน
- การสัมผัสกับอุจจาระที่ปนเปื้อนไวรัสตับอักเสบเอ
หากได้รับเชื้อไวรัสแล้ว ผู้ป่วยจะแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้ถึงสองสัปดาห์ก่อนที่อาการจะเริ่มปรากฎ และหลังจกที่อาการปรากฎ 1 สัปดาห์ก็จะไม่สามารถแพร่เชื้อได้อีก
ใครมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ
ไวรัสตับอักเสบเอนั้นติดต่อจากคนสู่คน ทำให้มีการแพร่ระบาดสูง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบางอย่างทำให้โอกาสที่จะติดเชื้อสูงขึ้น ดังนี้:
-
อาศัยอยู่ในพื้นที่ ๆ พบการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอได้ทั่วไป รวมไปถึงประเทศที่มีมาตราฐานสุขอนามัยต่ำ และมีน้ำที่สะอาดปลอดภัยไม่เพียงพอ
-
การฉีดหรือการใช้สารเสพติด
-
อยู่ในบ้านกับผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ
-
มีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ป่วยเป็นไวรัสตับอักเสบเอ
-
เป็นโรค HIV
องค์กรอนามัยโลกรายงานว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของเด็กที่อาศัยอยู่ในประเทศที่มีมาตราฐานทางด้านสุขอนามัยต่ำเป็นโรคไวรัสตับอักเสบเอในอายุประมาณ 10 ปี
การวินิจฉัยโรคไวรัสตับอักเสบเอ
หลังจากที่ซักประวัติแล้ว แพทย์จะสั่งให้ตรวจเลือดเพื่อดูการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย การตรวจเลือดจะแสดงให้เห็นว่าไวรัสตับอักเสบเอนั้นมีอยู่หรือหายไปแล้ว
ผู้ป่วยบางคนมีอาการเพียงเล็กน้อยและไม่มีอาการของโรคดีซ่าน เมื่อไม่มีอาการของโรคดีซ่าน จึงทำให้ยากที่จะตรวจหาไวรัสตับอักเสบเจอด้วยการตรวจร่างกาย เมื่ออาการน้อย จะไม่สามารถตรวจหาไวรัสตับอักเสบเอได้ และอาการแทรกซ้อนจากการตรวจหาไม่พบนั้นมีน้อยมาก
โรคแทรกซ้อนจากไวรัสตับอักเสบเอ
ในกรณีที่พบได้ยากมาก ไวรัสตับอักเสบเอสามารถส่งผลให้ ตับล้มเหลว (kidney failure) ได้ ซึ่งอาการแทรกซ้อนนี้พบได้มากในผู้สูงอายุและผู้ที่มีปัญหาโรคตับเรื้อรัง หากอาการแทรกซ้อนนี้เกิดขึ้น ผู็ป่วยต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล แต่ถึงแม้ว่าเป็นภาวะตับล้มเหลว ก็สามารถรักษาให้หายได้ การปลูกถ่ายตับนั้นพบได้น้อยมาก ๆ
ไวรัสตับอักเสบเอรักษาอย่างไร
ไวรัสตับอักเสบเอนั้นมไ่ได้มีการรักษาที่เฉพาะเจาะจง เพราะว่ามันเป็นการติดเชื้อไวรัสระยะสั้น ๆ และปกติจะหายไปเอง การรักษาส่วนมากจึงมุ่งเน้นไปที่การบรรเทาอาการ
หลังจากพักรักษาตัวได้ประมาณ 1 สัปดาห์ อาการต่าง ๆ มักดีขึ้น แต่ผู้ป่วยควรที่จะทำตามดังนี้:
-
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
-
รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
-
ดื่มน้ำมาก ๆ
ภาวะแทรกซ้อนของไวรัสตับอักเสบเอ
โรคตับอักเสบเอคือการติดเชื้อไวรัสที่ส่งผลต่อตับเป็นหลัก แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วจะเป็นโรคที่จำกัดตัวเองและเฉียบพลัน แต่ภาวะแทรกซ้อนอาจเกิดขึ้นได้ในบางกรณี ต่อไปนี้เป็นภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากโรคตับอักเสบเอ:- โรคตับอักเสบเฉียบพลัน:แม้ว่าจะพบไม่บ่อย แต่โรคตับอักเสบเอสามารถนำไปสู่โรคตับอักเสบวายเฉียบพลัน ซึ่งเป็นรูปแบบของโรคที่รุนแรงและคุกคามถึงชีวิต สิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อตับสูญเสียการทำงานกะทันหัน มันสามารถส่งผลให้เกิดโรคสมองจากตับ (ความผิดปกติของสมองเนื่องจากตับวาย) อาการแข็งตัวของเลือด (ความผิดปกติของเลือดออก) และความล้มเหลวของอวัยวะหลายส่วน
- Cholestatic Hepatitis:ในบางกรณี โรคตับอักเสบเอ อาจทำให้เกิดภาวะ cholestasis ซึ่งเป็นภาวะที่การไหลเวียนของน้ำดีจากตับถูกปิดกั้นหรือลดลง ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอาการตัวเหลือง (ผิวหนังและตาเหลือง) คัน และอุจจาระสีซีด
- อาการที่ยืดเยื้อ:แม้ว่าคนส่วนใหญ่ที่เป็นโรคตับอักเสบเอ จะฟื้นตัวภายในไม่กี่สัปดาห์โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว แต่บางคนอาจมีอาการที่ยืดเยื้อ เช่น เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย และไม่สบายท้อง
- การกำเริบของโรคตับอักเสบ:ในบางครั้ง โรคตับอักเสบเอสามารถนำไปสู่โรคตับอักเสบกำเริบ โดยที่บุคคลเริ่มฟื้นตัวจากการเจ็บป่วยเฉียบพลัน แต่ต่อมาจะมีอาการซ้ำอีกหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนต่อมา
- อาการนอกตับ:แม้ว่าโรคตับอักเสบเอจะส่งผลต่อตับเป็นหลัก แต่ก็สามารถทำให้เกิดอาการนอกตับได้ (นอกตับ) สิ่งเหล่านี้อาจรวมถึงอาการปวดข้อ ผื่นที่ผิวหนัง และปฏิกิริยาแพ้ภูมิตัวเอง
- ความตาย:ในกรณีที่พบไม่บ่อยนัก โรคตับอักเสบเออาจถึงแก่ชีวิตได้ โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นโรคตับอยู่แล้วหรือมีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง
นี่แหล่งที่มาในบทความของเรา
-
https://www.cdc.gov/hepatitis/hav/afaq.htm
-
https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/hepatitis-a/symptoms-causes/syc-20367007
-
https://www.nhs.uk/conditions/hepatitis-a/
-
https://www.webmd.com/hepatitis/digestive-diseases-hepatitis-a
เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team