หนึ่งในโรคที่เกี่ยวข้องกับการขับถ่าย อย่างริดสีดวงเป็นหนึ่งในปัญหายอดของฮิตของคนไทย ผู้คนจำนวนมากต้องประสบกับการเป็นริดสีดวงโดยที่ไม่ได้อยากเป็น อาการของริดสีดวงนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน แม้แต่การนั่งเฉย ๆ ยังดูเป็นเรื่องลำบาก ในทางการแพทย์มีวิธีการและยาริดสีดวง โดยบทความนี้จะนำเสนอทั้งความรู้เกี่ยวโรคริดสีดวง ยาดาฟลอนและเพชรสังฆาตที่เป็นตัวยาที่ใช้รักษาริดสีดวง
โรคริดสีดวงมีอาการอย่างไร
โรคริดสีดวงมีทั้งภายนอกและภายในอาจปรากฏให้เห็นต่างกัน จะมีอาการเกิดจากจากการขยายตัวของหลอดเลือดดำที่มีภาวะความดันสูง โดยผู้ป่วยริดสีดวงทวารจะมีอาการ
- มีความผิดปกติในช่องท้อง จนเกิดอาการเจ็บๆ คันๆ
- ในระยะแรก อาจสังเกตว่ามีเลือดติดกระดาษชำระหลังอุจจาระ หรือเคลือบอุจจาระออกมา และจะเพิ่มเป็นอาการเจ็บปวดในระยะหลัง
- เมื่อมีก้อนริดสีดวงโป่งพองโผล่ออกมาขณะอุจจาระ หรืออาจทำให้เกิดอาการเลือดออกขณะหรือหลังถ่ายอุจจาระได้ เนื่องจากการเสียดสีระหว่างอุจจาระกับเส้นเลือดที่โป่งพอง
- อาจมีอาการเจ็บปวดและมีอาการอื่นเกิดร่วมด้วย เช่น เวียนหัว หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม
- มักจะพบได้มากในผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ดังนั้นผู้ที่มีอาการควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคอื่นได้
- ริดสีดวงทวารภายใน (Internal Hemorrhoids)
- ริดสีดวงทวารภายนอก (External Hemorrhoids)
- รักษาโรคริดสีดวงทวาร
- รักษาโรคเกี่ยวกับหลอดเลือด หรือความผิดปกติของการไหลเวียนเลือดในหลอดเลือดดำ เช่น โรคเส้นเลือดขอด อาการปวดเมื่อยขา อาการขาบวม
- เป็นผื่นคัน
- วิงเวียนศีรษะ
- นอนไม่หลับ
- คลื่นไส้อาเจียน
- ปวดท้อง
- อาหารไม่ย่อย
- ท้องเสีย
- อาการallergy-0094/”>แพ้ยา ยาดาฟลอน สามารถก่ออาการแพ้ยาได้เช่นเดียวกับยาชนิดอื่น หากใช้ยาแล้วมีอาการคล้ายกับอาการแพ้ยา เช่น ผื่นขึ้น คลื่นไส้อาเจียน หายใจไม่ออก ปากบวม หน้าบวม ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
- การใช้ยาเกินขนาด ให้ใช้ยาในปริมาณที่แพทย์กำหนดและสั่งจ่ายเท่านั้น รวมถึงอย่าซื้อยามารับประทานเพิ่มเองด้วย
- หากลืมรับประทานยา เมื่อลืมรับประทานยาดาฟลอน® ให้รีบรับประทานยาทันทีที่นึกได้ แต่หากใกล้เวลาที่ต้องรับประทานยาครั้งต่อไป ให้ข้ามยาครั้งที่ลืมรับประทานไปเลย แล้วรับประทานยาครั้งถัดไปในปริมาณปกติแทน ไม่ต้องรับประทานเพิ่มเพื่อชดเชยครั้งที่ลืม
- รับประทานยาพร้อมอาหาร หรือหลังอาหารเท่านั้น อย่ารับประทานยาดาฟลอน หากท้องว่าง
- ยาช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวารเพียงแค่หยุดอาการเลือดออกเท่านั้น แต่ไม่สามารถรักษาอาการเจ็บ หรือปวดแผลได้ นอกจากรับประทานยา ผู้ป่วยต้องดูแลตนเองด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และไปพบแพทย์เพื่อรักษาเพิ่มเติมด้วย
- อย่ารับประทานยาร่วมกับบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะยิ่งทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยามากขึ้น หรือส่งผลทำให้การออกฤทธิ์ของยาเปลี่ยนไป
- ผู้ป่วยโรคไต หรือมีความผิดปกติเกี่ยวกับไต ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาดาฟลอน
การใช้ยาดาฟลอน กับสมุนไพรเพชรสังฆาต
หลายคนมักใช้ยาดาฟลอน ร่วมกับยาสมุนไพรเพชรสังฆาตเพื่อให้อาการริดสีดวงทวารดีขึ้นเร็วกว่าเดิม แต่ความจริงแล้วไม่จำเป็นต้องรับประทานคู่กันก็ได้ เพราะฤทธิ์ของสมุนไพรเพชรสังฆาตเหมือนกับยาดาฟลอน เช่นกัน นอกจากนี้ในสมุนไพรเพชรสังฆาตยังมีสารแคลเซียมออกซาเลทมาก หากรับประทานไปเป็นระยะเวลานาน หรือต่อเนื่องเกินความจำเป็น ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคเกาต์ หรือเป็นนิ่วที่ไตได้ ยาดาฟลอน เป็นยาสำหรับรักษาโรคริดสีดวงทวารในส่วนของการหยุดอาการเลือดออกเท่านั้น แต่ไม่ได้ช่วยให้ติ่งเนื้อ ที่ยื่นออกมาจากรูทวารหลุดออกไปแต่อย่างใด การรักษาโรคนี้จึงต้องรักษาด้วยการรับประทานยาร่วมกับทำตามคำแนะนำของแพทย์ โดยแพทย์อาจให้ผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัดเพื่อนำติ่งเนื้อริดสีดวงทวารออก หรืออาจเป็นการฉีดสีให้ติ่งเนื้อริดสีดวงฝ่อ กรณีลืมใช้ยา หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที การเก็บรักษาดาฟลอน ดาฟลอนควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ดาฟลอนบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัยโปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง ไม่ควรทิ้งดาฟลอน ลงในชักโครก หรือเทลงในท่อระบายน้ำ ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้องเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้องการอ้างถึง
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น