ข้าวโพด
ข้าวโพด (Corn) ถือเป็นธัญพืชที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เมล็ดของพืชในตระกูลหญ้านี้มีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลาง แต่มีสายพันธุ์ต่าง ๆ ที่กระจายการปลูกไปทั่วโลกมากมาย ข้าวโพดคั่วและข้าวโพดหวานคือผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยม แต่ผลิตภัณฑ์ข้าวโพดที่ผ่านกระบวนการกลั่นก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่นิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลาย นิยมใช้เป็นส่วนผสมในอาหารแปรรูป ตัวอย่างผลิตภัณฑ์จากข้าวโพด แป้งตอติญ่า แผ่นข้าวโพดกรอบ โพเลนต้า แป้งข้าวโพด น้ำเชื่อมข้าวโพดต้มข้าวโพด และน้ำมันข้าวโพด รูปข้าวโพดทั้งเมล็ดมีประโยชน์ต่อสุขภาพเช่นเดียวธัญพืชชนิดอื่น ๆ เนื่องจากอุดมด้วยไฟเบอร์ วิตามิน เกลือแร่ และสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย โดยทั่วไปข้าวโพดจะมีสีเหลือง แต่ก็อาจมีสายพันธุ์ที่มีหลายสี เช่น แดง ส้ม ดำ น้ำเงิน ขาว และสีม่วงข้อมูลทางโภชนาการของข้าวโพดต้ม
ข้อมูลโภชนาการสำหรับข้าวโพดต้มอ้วนไหมสีเหลืองปริมาณ 3.5 ออนซ์ (100 กรัม) ได้แก่- ข้าวโพดกี่แคลอรี่: 96
- น้ำ: 73%
- โปรตีน: 3.4 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต: 21 กรัม
- น้ำตาล: 4.5 กรัม
- ไฟเบอร์: 2.4 กรัม
- ไขมัน: 1.5 กรัม
ประโยชน์ของข้าวโพด
ฝักข้าวโพดก็คือธัญพืชชนิดหนึ่ง ที่ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรตเป็นหลัก แป้งเป็นคาร์โบไฮเดรตหลักของข้าวโพดถึง 28–80% ของน้ำหนักแห้ง ข้าวโพดยังให้น้ำตาลในปริมาณเล็กน้อย (1–3%) ข้าวโพดหวาน หรือข้าวโพดประโยชน์ในการผลิตน้ำตาลเป็นฝักข้าวโพดพันธุ์พิเศษที่มีแป้งต่ำ และมีปริมาณน้ำตาลสูง คิดเป็น 18% ของน้ำหนักแห้ง น้ำตาลส่วนมากคือน้ำตาลซูโครส แม้จะมีน้ำตาลในข้าวโพดหวาน แต่ก็เป็นอาหารที่ไม่ส่งผลให้เกิดน้ำตาลในเลือดสูง มีค่าดัชนีน้ำตาลในเลือดต่ำหรือปานกลาง (GI) GI เป็นตัวชี้วัดว่าคาร์โบไฮเดรตถูกย่อยได้เร็วแค่ไหน อาหารที่มีค่าดัชนีนี้สูงอาจส่งผลให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้ไฟเบอร์
ข้าวโพดมีไฟเบอร์ในปริมาณที่เพียงพอ ป๊อปคอร์นขนาดกลาง 1 ถุง (112 กรัม) มีไฟเบอร์ประมาณ 16 กรัม ปริมาณเส้นใยอาหารที่ผู้ชายและผู้หญิงต้องการในแต่ละวันคือ 42% และ 64% (DV) ปริมาณเส้นใยของข้าวโพดแต่ละประเภทจะแตกต่างกัน แต่โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 9–15% ของน้ำหนักแห้ง ไฟเบอร์ที่มีมากในข้าวโพด คือไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำ เช่น เฮมิเซลลูโลส เซลลูโลส และลิกนินโปรตีน
ข้าวโพดเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ปริมาณโปรตีนมีตั้งแต่ 10–15% ขึ้นกับสายพันธุ์ที่หลากหลาย โปรตีนที่มีมากที่สุดในข้าวโพดเรียกว่าซีอิน ซึ่งมีอยู่ 44–79% ของปริมาณโปรตีนทั้งหมด โดยรวมแล้วคุณภาพโปรตีนของซีอิน ไม่ดีนัก เนื่องจากขาดกรดอะมิโนที่จำเป็นบางอย่างไป ซีอินถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมหลายประเภท ใช้ในการผลิตกาว หมึก และสารเคลือบสำหรับยาเม็ด ลูกอม และถั่วน้ำมันข้าวโพด
ปริมาณน้ำมันในข้าวโพดมีตั้งแต่ 5–6% ถือเป็นอาหารที่มีไขมันต่ำ อย่างไรก็ตามจมูกข้าวโพดถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกระบวนการโม่แป้งข้าวโพด ซึ่งอุดมไปด้วยไขมัน และถูกนำมาใช้ผลิตน้ำมันข้าวโพด ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ปรุงอาหารที่ใช้กันทั่วไป น้ำมันข้าวโพดที่ได้ส่วนมากประกอบด้วยกรดไลโนเลอิกซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน ส่วนที่เหลือจะเป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว และไขมันอิ่มตัว นอกจากนี้ยังมีวิตามินอี ยูบิควิโนน (Q10) และไฟโตสเตอรอลจำนวนมาก ซึ่งช่วยเพิ่มอายุการเก็บรักษา และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้อย่างมีประสิทธิภาพวิตามินและเกลือแร่
ข้าวโพดมีวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดในปริมาณที่พอเหมาะ แต่ปริมาณต่าง ๆ นั้นจะผันแปรตามสายพันธุ์ของข้าวโพด โดยทั่วไปข้าวโพดคั่วอุดมไปด้วยแร่ธาตุ แต่ข้าวโพดหวานจะมีวิตามินสูงกว่าป๊อปคอร์น
ของว่างยอดนิยมนี้ อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด ได้แก่ :- แมงกานีส เกลือแร่ที่จำเป็นต่อร่างกายซึ่งมีปริมาณสูงในเมล็ดธัญพืช พืชตระกูลถั่ว ผลไม้และผัก แร่ธาตุนี้ในข้าวโพดอาจดูดซึมได้ไม่ดีนัก เนื่องจากมีกรดไฟติกอยู่ด้วย
- ฟอสฟอรัส มีปริมาณที่พอเหมาะ ในข้าวโพดคั่วและข้าวโพดหวาน ฟอสฟอรัสเป็นแร่ธาตุที่มีบทบาทสำคัญต่อการเจริญเติบโต และฟื้นฟูเนื้อเยื่อของร่างกาย
- แมกนีเซียม แร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกายนี้มีค่อนข้างน้อย ทำให้อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังต่าง ๆ อย่าง โรคหัวใจ
- สังกะสี แร่ธาตุนี้มีหน้าที่สำคัญต่อร่างกาย แต่เนื่องจากกรดไฟติกในข้าวโพดอาจทำให้ร่างกายดูดซึมได้ไม่ดี
- ทองแดง แร่ธาตุที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ โดยทั่วไปปริมาณทองแดงค่อนข้างต่ำ การบริโภคที่ไม่เพียงพอจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของหัวใจ
ข้าวโพดหวาน
ข้าวโพดหวานมีวิตามินหลายชนิด ได้แก่ :- วิตามินบี 5 ซึ่งเป็นกรดที่พบได้ในอาหารเกือบทุกชนิด ภาวะขาดโภชนาการนี้จึงพบได้ยาก
- โฟเลต หรือวิตามินบี 9 หรือกรดโฟลิก โฟเลตเป็นสารอาหารที่จำเป็นโดยเฉพาะในระหว่างที่ตั้งครรภ์
- วิตามินบี 6 เป็นวิตามินที่สำคัญ หรือที่เรียกว่าไพริดอกซิ ช่วยการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย
- ไนอาซิน หรือวิตามินบี 3 ไนอาซินในข้าวโพดมักดูดซึมได้ไม่ดี การปรุงข้าวโพดด้วยมะนาวจะช่วยทำให้สารอาหารนี้ดูดซึมได้ดีขึ้น
- โพแทสเซียม โพแทสเซียมมีความสำคัญต่อการควบคุมความดันโลหิต และช่วยให้สุขภาพหัวใจดีขึ้น
- กรดเฟรูลิก เป็นสารต้านอนุมูลอิสระประเภทโพลีฟีนอล ซึ่งพบในข้าวโพดค่อนข้างมากกว่าธัญพืชชนิดอื่น ๆ ทั้งข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต และข้าว
- แอนโธไซยานิน เป็นองค์ประกอบในเม็ดสีที่สามารถต้านอนุมูลอิสระได้ มักทำให้สีของข้าวโพดเป็นสีน้ำเงิน ม่วง ข้าวโพดดำและข้าวโพดสีแดง
- ซีแซนทีน เป็นที่มาของชื่อทางวิทยาศาสตร์ของข้าวโพด (Zea mays) ซีแซนทีนเป็นแคโรทีนอยด์ชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยที่สุด มีความสัมพันธ์กับสุขภาพตาที่ดีของมนุษย์
- ลูทีน เป็นแคโรทีนอยด์ที่พบมากในข้าวโพด ลูทีนทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องดวงตาจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่นที่เกิดจากแสงสีฟ้าที่ทไให้ตาเสียหาย
- กรดไฟติก สารต้านอนุมูลอิสระนี้ส่งผลให้การดูดซึมแร่ธาตุบางอย่างลดลง เช่น สังกะสี และเหล็ก
ข้าวโพดคั่ว
ข้าวโพดคั่วเป็นข้าวโพดที่เกิดจากการแตกตัว เมื่อสัมผัสกับความร้อน เกิดขึ้นเมื่อน้ำที่ขังอยู่ตรงกลางถูกแปรสภาพเป็นไอน้ำ ที่สร้างแรงดันขึ้นภายในจนเมล็ดข้าวโพดระเบิด เป็นขนมขบเคี้ยวที่ได้รับความนิยมอย่างสูง พบมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา ถือเป็นธัญพืชในไม่กี่ชนิดที่ใช้เป็นของว่างได้ บ่อยครั้งที่เมล็ดธัญพืชนี้ถูกบริโภคเป็นส่วนประกอบของอาหารชนิดต่าง ๆ เช่น ขนมปัง และตอติญ่า อาหารจากธัญพืชมักมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย รวมทั้งลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ และโรคเบาหวานประเภท 2 แม้ว่าข้าวโพดคั่วจะดีต่อสุขภาพ แต่ก็หากกินกับน้ำอัดลมที่มีน้ำตาล หรือนำไปเติมเกลือและน้ำมันที่มีแคลอรีสูง ๆ ก็อาจทำให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ หากรับประทานต่อเนื่องประโยชน์ต่อสุขภาพของข้าวโพด
การบริโภคโฮลเกรนเป็นประจำจะส่งผลดีต่อร่างกายหลายประการ สุขภาพตา โรคจอประสาทตาเสื่อมและต้อกระจกเป็นโรคที่เกิดจากความบกพร่องทางการมองเห็นที่พบได้บ่อยที่สุด และเป็นสาเหตุหลักของการตาบอด การติดเชื้อ และวัยชราเป็นสาเหตุหลักของโรคนี้ แต่การควบคุมโภชนาการก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน การบริโภคสารต้านอนุมูลอิสระโดยเฉพาะแคโรทีนอยด์อย่างซีแซนทีนและลูทีนจะช่วยให้สุขภาพตาดีขึ้น ลูทีนและซีแซนทีนเป็นแคโรทีนอยด์ที่มีมากในข้าวโพด ประมาณ 70% ของปริมาณแคโรทีนอยด์ทั้งหมด แต่อาจมีปริมาณน้อยลงในข้าวโพดขาว อย่างไรก็ดีเม็ดสี Macular คือสารประกอบที่พบในเรตินา ซึ่งเป็นพื้นผิวที่อยู่ด้านในดวงตาซึ่งไวต่อแสง ช่วยป้องกันความเสียหายจากออกซิเดชั่นที่เกิดจากแสงสีน้ำเงินได้ แคโรทีนอยด์ประเภทต่าง ๆ หากมีในเลือดปริมาณมาก ๆ จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดการเสื่อมของจอประสาทตา และต้อกระจก ผลการศึกษาพบว่าการบริโภคลูทีนและซีแซนทีนในปริมาณสูงจะช่วยป้องกันดวงตาได้ แต่ยังต้องทำการศึกษาเพิ่มเติม ผลการศึกษาในผู้สูงอายุวัยกลางคนและผู้สูงอายุ 356 คนพบว่าความเสี่ยงที่จะเกิดการเสื่อมสภาพของจอประสาทตา ซึ่งจะลดลงได้ 43% หากรับประทานแคโรทีนอยด์บ่อย ๆ โดยเฉพาะลูทีนและซีแซนทีน เปรียบเทียบกับผู้ที่รับประทานน้อยกว่า การป้องกันโรคถุงผนังลำไส้อักเสบ โรคถุงผนังลำไส้อักเสบ (Diverticulosis) เป็นภาวะความผิดปกติของถุงในผนังลำไส้ใหญ่ อาการหลัก ๆ คือเกิดตะคริว ท้องอืด ท้องเฟ้อ – มีเลือดออก และเกิดภาวะติดเชื้อซึ่งพบได้น้อยกว่า ในอดีตเคยมีความเชื่อที่ว่าข้าวโพดคั่ว และอาหารที่มีเส้นใยสูง ๆ จะทำให้เกิดภาวะเหล่านี้ ผลการศึกษายาวนาน 18 ปี ในผู้ชาย 47,228 พบว่าข้าวโพดคั่วอาจช่วยป้องกันโรคถุงผนังลำไส้อักเสบได้ ผู้ชายที่กินป๊อปคอร์นมากมักมีโอกาสเป็นโรคนี้น้อยกว่าถึง 28% ข้อเสียของข้าวโพด ข้าวโพดประโยชน์ถือเป็นอาหารที่ปลอดภัย แต่ก็อาจมีข้อควรระวังบางประการ สารต้านอนุมูลอิสระในข้าวโพด ข้าวโพดทั้งฝักเป็นธัญพืชที่มีกรดไฟติก (Phytate) กรดไฟติกทำให้การดูดซึมแร่ธาตุต่าง ๆ ลดลง เช่นธาตุเหล็ก และสังกะสีหากรับประทานพร้อมกัน โดยปกติไม่นับเป็นปัญหา หากรับประทานอาหารได้อย่างสมดุล แต่อาจเกิดปัญหาในประชากรของประเทศกำลังพัฒนาที่บริโภคธัญพืช และพืชตระกูลถั่วเป็นหลัก การแช่น้ำ การงอก และการหมักข้าวโพดสามารถลดระดับกรดไฟติกในข้าวโพดได้ สารพิษจากเชื้อรา เมล็ดธัญพืช และพืชตระกูลถั่วบางชนิดมักเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของเชื้อรา เชื้อราก่อให้เกิดสารพิษหลายชนิด หรือที่เรียกว่า Mycotoxins ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพได้ สารพิษจากเชื้อราที่พบได้มากในข้าวโพด คือ Fumonisins, Aflatoxins และ Trichothecenes Fumonisins ถือเป็นสารพิษที่พบได้บ่อย สารพิษเหล่านี้พบได้ในธัญพืชจากทั่วโลก แต่ผลเสียต่อสุขภาพส่วนมากมักพบในผู้ที่บริโภคข้าวโพด และผลิตภัณฑ์จากข้าวโพดเป็นหลัก การบริโภคข้าวโพดที่ปนเปื้อนในปริมาณมาก ๆ เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง และการเสื่อสภาพของเส้นประสาทซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้ทั่วไป อาจส่งผลให้เกิดความพิการหรือเสียชีวิต ผลการศึกษาในแอฟริกา พบว่าการบริโภคข้าวโพดป่นเป็นประจำอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งหลอดอาหาร ซึ่งเป็นอวัยวะที่นำอาหารจากปากไปสู่กระเพาะอาหาร สารพิษจากเชื้อราอื่น ๆ ในข้าวโพดอาจมีผลเสียได้เช่นกัน ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2547 พบผู้เสียชีวิต 125 คนในเคนยา เนื่องจากพิษของ Aflatoxin หลังจากรับประทานข้าวโพดที่เก็บเอาไว้อย่างไม่เหมาะสม วิธีการป้องกันคือการใช้ยาฆ่าเชื้อรา และทำให้แห้งอย่างเหมาะสม ประเทศที่พัฒนาแล้ว ส่วนมากหน่วยงานด้านความปลอดภัยของอาหารจะตรวจสอบระดับของสารพิษจากเชื้อรา ในตัวอย่างอาหารที่วางจำหน่ายตามท้องตลาด เพื่อให้เกิดการควบคุมการผลิต และการจัดเก็บอาหารที่ถูกต้อง ภูมิแพ้ข้าวโพด การแพ้กลูเตนหรือโรคเซลิแอคคือโรคที่เกิดจากการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่มีต่อกลูเตนในข้าวสาลี ข้าวไรย์ และข้าวบาร์เลย์ อาการของการแพ้กลูเตน ได้แก่ ความเหนื่อยล้า ท้องอืด ท้องร่วง และน้ำหนักลด สำหรับคนส่วนมาก โรคเซลิแอคจะหายได้เมื่อรับประทานอาหารที่ปราศจากกลูเตนอย่างต่อเนื่อง แต่ในผู้ป่วยบางรายอาการอาจไม่หายไป โรคเซลิแอคอาจยังมีอาการ เนื่องจากกลูเตนที่ไม่ได้ถูกระบุในอาหารแปรรูปบางชนิด ภูมิแพ้บางอย่างอาจร้ายแรง ข้าวโพดมีโปรตีนที่เรียกว่าซีอินที่มีความเกี่ยวข้องกับกลูเตน ผลการศึกษาพบว่าศีอินในข้าวโพดเสามารถก่อให้การอักเสบในกลุ่มของผู้ที่เป็นโรคเซลิแอคได้ แต่อาการแพ้ซีอินจะน้อยกว่ากลูเตนมาก นักวิทยาศาสตร์ได้ตั้งสมมติฐานว่าการบริโภคข้าวโพด บางกรณีอาจเป็นสาเหตุของอาการของโรคเซลิแอคได้ และยังมีรายงานว่าข้าวโพดเป็นตัวกระตุ้นอาการในผู้ที่มีอาการลำไส้แปรปรวน (IBS) หรือการแพ้ FODMAP FODMAPs คืออาหารประเภทเส้นใยที่ละลายน้ำได้แต่ดูดซึมได้ไม่ดี การบริโภคในปริมาณมากอาจทำให้ระบบย่อยอาหารไม่ดี เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ และท้องร่วงได้คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับข้าวโพด
ข้าวโพดกี่แคล?
ข้าวโพด 100 กรัม มีพลังงานประมาณ 365 แคลอรี่โทษของข้าวโพดคืออะไร?
หากรับประทานข้าวโพดมากเกินไปจะทำให้เกิดอาการท้องอืดได้ง่าย- คาร์โบไฮเดรตสูง:ข้าวโพดมีคาร์โบไฮเดรตค่อนข้างสูง ซึ่งอาจเป็นปัญหาสำหรับผู้ที่รับประทานอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำหรือคีโตเจนิก มีดัชนีน้ำตาลในเลือดปานกลาง ซึ่งหมายความว่าอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นในบางคนได้
- โปรตีนต่ำ:ข้าวโพดไม่ใช่แหล่งโปรตีนที่สำคัญ ดังนั้นการพึ่งพาข้าวโพดเป็นแหล่งอาหารหลักจึงอาจไม่ได้ให้ปริมาณโปรตีนที่เพียงพอ
- อาจทำให้เกิดปัญหาทางเดินอาหาร:บางคนอาจมีปัญหาในการย่อยข้าวโพด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่ได้เตรียมอย่างเหมาะสม เซลลูโลสในข้าวโพดอาจเป็นเรื่องยากสำหรับบางคนที่จะสลาย ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารไม่สบาย
- การแพ้:การแพ้ข้าวโพดเกิดขึ้นได้ค่อนข้างน้อยแต่สามารถทำให้เกิดอาการแพ้ในบุคคลที่อ่อนแอได้ ปฏิกิริยาเหล่านี้อาจรวมถึงลมพิษ อาการไม่สบายทางเดินอาหาร หรืออาการทางเดินหายใจ
- ความหนาแน่นของแคลอรี่:แม้ว่าข้าวโพดจะมีแคลอรี่ไม่สูงโดยธรรมชาติ แต่ก็อาจมีแคลอรี่หนาแน่นได้เมื่อใช้ในอาหารแปรรูป เช่น น้ำเชื่อมข้าวโพด หรือของขบเคี้ยวที่ทำจากข้าวโพด การบริโภคผลิตภัณฑ์เหล่านี้มากเกินไปอาจทำให้ได้รับแคลอรี่มากเกินไปและทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น
- การขาดสารอาหารที่จำเป็น:ข้าวโพดไม่ได้มีสารอาหารหนาแน่นเท่ากับผักชนิดอื่นๆ แม้ว่าจะมีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น แต่ก็อาจไม่ได้ให้สารอาหารที่หลากหลายเท่าผักที่หลากหลาย
- สารพิษจากเชื้อรา:ข้าวโพดไวต่อสารพิษจากเชื้อรา ซึ่งเป็นสารประกอบพิษที่ผลิตจากเชื้อราบางชนิด สารพิษจากเชื้อราเหล่านี้อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพเมื่อบริโภคข้าวโพดที่ปนเปื้อน
- กรดไฟติก:เช่นเดียวกับธัญพืชและเมล็ดพืชหลายชนิด ข้าวโพดมีกรดไฟติกซึ่งสามารถยับยั้งการดูดซึมแร่ธาตุบางชนิด เช่น แคลเซียม เหล็ก และสังกะสี การแช่หรือปรุงข้าวโพดสามารถช่วยลดระดับกรดไฟติกได้
ใจความสำคัญ
ข้าวโพดมีกรดไฟติกที่ลดการดูดซึมแร่ธาตุบางชนิด การปนเปื้อนสารพิษจากเชื้อราอาจเป็นปัญหาในประชากรของประเทศกำลังพัฒนา เส้นใยที่ละลายน้ำได้ของข้าวโพด (FODMAPs) อาจทำให้เกิดอาการในผู้บริโภคบางคน ข้าวโพดเป็นธัญพืชที่มีการบริโภคกันมากชนิดหนึ่ง เป็นแหล่งอาหารที่ดีของแคโรทีนอยด์ มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ลูทีนและซีแซนทีน ข้าวโพดสีเหลืองอาจให้ผลดีต่อสุขภาพตา และเป็นแหล่งวิตามิน และแร่ธาตุชนิดต่าง ๆ การบริโภคข้าวโพดโฮลเกรนบางชนิด เช่น ข้าวโพดคั่วตำข้าวโพด หรือข้าวโพดหวานสามารถเพิ่มสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพได้นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.mayoclinichealthsystem.org/hometown-health/speaking-of-health/cash-in-on-the-health-benefits-of-corn
- https://www.webmd.com/food-recipes/corn-health-benefits
- https://www.health.com/nutrition/health-benefits-of-corn
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น