เรียบเรียงและปรับปรุงข้อมูลทางการแพทย์โดย : พญ. พรรณิภา สุขสมบูรณ์กิจ
โรคมือเท้าปากคืออะไร
โรคมือเท้าปาก (Hand, Foot, and Mouth Disease) เป็นโรคติดต่อร้ายแรง หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าโรคมือเท้าปากเกิดจากอะไร โรคนี้เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อเรียกว่า coxsackievirus โดยส่วนใหญ่เชื้อไวรัสเหล่านี้สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนผ่านการสัมผัสโดยตรงด้วยมือ นอกจากนี้ยังสามารถถ่ายทอดผ่านการสัมผัสกับน้ำลาย อุจจาระหรือลมหายใจของผู้ที่ติดเชื้อ โดยโรคมือเท้าปากเปื่อยมักพบในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี แต่อย่างไรก็ตามสามารถพบได้ในเด็กโตหรือผู้ใหญ่ได้เช่นกัน โรคมือเท้าปากมีลักษณะเป็นแผลพุพอง หรือแผลเปื่อยในปาก เมื่อเกิดโรคนี้ขึ้นผู้ที่มีเชื้อโรคปากเท้าเปื่อยสามารถแพร่เชื้อได้ให้คนทุกวัยได้ แต่โดยทั่วไปมักจะมีอาการเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยและสามารถหายไปเองภายในไม่กี่วันสาเหตุของโรคมือเท้าปาก (HFMD)
สาเหตุโรคมือเท้าและปากเปื่อยเกิดจากการติดเชื้อไวรัสชื่อว่า Coxsackievirus ซึ่งส่วนใ
หญ่เป็นเชื้อไวรัสชนิด Coxsackievirus A16 ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มไวรัสที่เรียกว่า Enteroviruses ในบางกรณีอาจมีเชื้อไวรัสกลุ่ม Enteroviruses ชนิดอื่นที่ทำให้เกิดโรคมือเท้าและปากเปื่อยได้เช่นกัน
เชื้อไวรัสสามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้ง่าย โดยระยะการแพร่เชื้อของโรคมือเท้าปากเปื่อยจะเกิดขึ้นหลังจากได้รับเชื้อ 1 อาทิตย์ โดยจะเกิดการติดเชื้อเมื่อสัมผัสกับเชื้อไวรัสของผู้ที่เป็นโรคมือเท้าปากเปื่อยผ่านทาง :
โรคมือเท้าปากแพร่กระจายได้อย่างไร
โรคมือเท้าปากมักเกิดจากไวรัสคอกซากี วิธีหลักในการแพร่กระจายของโรคมือเท้าปากคือการสัมผัสกับของเหลวจากภายในแผลพุพอง หรือละอองที่กระจายจากการจามและไอ ไวรัสยังสามารถอยู่ในการเคลื่อนไหวของลำไส้ (poo) ได้นานหลายสัปดาห์หลังจากที่บุคคลนั้นฟื้นตัว เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคมือเท้าปาก:- ล้างมือให้สะอาดหลังจากสัมผัสของเหลวในร่างกายของลูก ซึ่งรวมถึงการสัมผัสแผลพุพอง ช่วยสั่งน้ำมูก เปลี่ยนผ้าอ้อมหรือช่วยเข้าห้องน้ำ
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าบุตรหลานของคุณไม่ใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น ช้อนส้อม ถ้วยน้ำ ผ้าเช็ดตัว แปรงสีฟัน และเสื้อผ้า
- ให้ลูกของคุณกลับบ้านจากโรงเรียน โรงเรียนอนุบาล หรือการดูแลเด็กจนกว่าของเหลวในตุ่มจะแห้ง
อาการโรคมือเท้าปากเปื่อย
อาการของโรคมือเท้าปากเปื่อยอาจจะปรากฎขึ้นภายใน หนึ่งอาทิตย์หลังจากได้รับเชื้อ โดยอาการเริ่มต้นของโรคมือเท้าปากเปื่อยจะมีไข้สูงเกิดก่อนจากนั้นจะมีอาการดังต่อไปนี้เกิดขึ้น ได้แก่- ปวดหัว
- มีไข้สูง
- เบื่ออาหาร
- ไอหรือเจ็บคอ
- มีการบวมแดงในคอและมีตุ่มพอง
- มีผื่นแดง ตุ่มพองที่มือเท้าและปาก
- มีแผลเปื่อยที่มือ เท้าและปาก
ใครที่มีความเสี่ยงเป็นโรคมือเท้าปากบ้าง
โดยทั่วไปแล้วโรคมือเท้าปากในเด็ก พบได้บ่อยมากกว่าในช่วงวัยอื่น ๆ หากเป็นเด็กวัยที่ต้องเข้าเรียนในสถานรับเลี้ยงเด็กหรือโรงเรียนอนุบาล สถานที่ดังกล่าวอาจเป็นแหล่งที่พบการแพร่กระจายของไวรัสได้มากกว่าสถานที่อื่นๆ เมื่อเกิดการติดเชื้อขึ้นเบื้องต้นสามารถสังเกตพบผื่นคันในเด็ก จากนั้นร่างกายของเด็กสามารถสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อต่อสู้กับเชื้อไวรัสของโรคมือเท้าปากเปื่อยหลังจากได้รับเชื้อไวรัส สำหรับผู้ใหญ่สามารถเป็นโรคมือเท้าปากเปื่อยได้หากร่างกายมีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอวิธีการรักษาโรคมือเท้าปาก (HFMD)
โดยทั่วไปแล้วโรคมือเท้าปากไม่มีวิธีการรักษาโดยเฉพาะ แต่เป็นการรักษาโรคตามอาการที่เกิดขึ้นเท่านั้น การติดเชื้อจะหายได้เองภายใน 7-10 วัน แต่ถ้าหากไปพบแพทย์ แพทย์อาจจะทำการรักษาได้ดังนี้:- ให้ยาบรรเทาการเจ็บคอ
- ยาแก้ปวดเช่นยาพาราเซลตามอลหรือยาไอบูโพเฟน เพื่อบรรเทาอาการปวดหัว
- ให้ยาทาเพื่อบรรเทาอาการคันและแผลพุพอง
- หลีกเลี่ยงการดื่มของร้อน
- งดรับประทานของเย็น
- งดการดื่มโซดาหรือน้ำผลไม้ที่เป็นกรด
- งดรับประทานอาหารรสจัดและของเค็ม
การวินิจฉัยโรคมือเท้าปากเปื่อย
แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคมือเท้าและปากด้วยการตรวจร่างกาย เช่นการตรวจสอบในช่องปาก เพื่อดูลักษณะของแผลและผื่นที่เกิดขึ้น รวมถึงสอบถามอาการอื่น ๆ แพทย์อาจใช้ไม้สำลีก้านยากวาดในลำคอเพื่อหาเชื้อด้วยการเก็บตัวอย่างของเหลวในลำคอหรือเก็บตัวอย่างอุจจาระเพื่อนำไปตรวจหาเชื้อไวรัสการป้องกันโรคมือเท้าปาก
อันที่จริงแล้วไม่มีการป้องกันเฉพาะสำหรับโรคมือเท้าปากหรือการติดเชื้อเอนเทอโรไวรัสที่ไม่ใช่โปลิโอ แต่ความเสี่ยงของการติดเชื้อสามารถลดลงได้ด้วยการปฏิบัติด้านสุขอนามัยที่ดี มาตรการป้องกัน ได้แก่ การล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการเปลี่ยนผ้าอ้อม การทำความสะอาดพื้นผิวที่ปนเปื้อนและสิ่งของที่เปื้อนด้วยสบู่และน้ำก่อน การหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิด (การจูบ การกอด การใช้ช้อนส้อมร่วมกัน ฯลฯ) กับเด็กที่เป็นโรคมือเท้าปากอาจช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อต่อผู้ดูแล- ควรรักษาสุขอนามัยด้วยการล้างมือบ่อยๆ ทั้งก่อนและหลังรับประทานอาหารทุกครั้ง
- ควรหลีกเลี่ยงการใช้ภาชนะ ถ้วย ช้อน แก้วน้ำ ร่วมกับผู้อื่น
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรืออยู่ใกล้ผู้ติดเชื้อ
- ทานอาหารที่ปรุงสุก
- ควรรักษาความสะอาดในบริเวณที่อยู่อาศัย
ลิงค์ด้านล่างนี้เป็นแหล่งข้อมูลของบทความของเรา
- http://www.mayoclinic.com/health/hand-foot-and-mouth-disease/DS00599
- https://kidshealth.org/en/parents/hfm.html
- https://www.msdmanuals.com/professional/infectious-diseases/enteroviruses/hand-foot-and-mouth-disease-hfmd
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น