เกรปฟรุต (Grapefruit) คือผลไม้ตระกูลส้มในเขตร้อน เป็นที่รู้จักเพราะมีความหวานอมเปรี้ยว มีสารอาหาร สารต้านอนุมูลอิสระ และใยอาหารจึงเป็นหนึ่งในผลไม้จำพวกส้มที่ดีต่อสุขภาพที่สุด
งานวิจัยพบว่าเกรปฟรุตอาจมีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ เช่น ช่วยลดน้ำหนัก และลดโอกาสการเกิดโรคหัวใจ
ประโยชน์ของเกรปฟรุตมีดังนี้
1. แคลอรี่ต่ำแต่สารอาหารสูง
เกรปฟรุตเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากเพราะมีสารอาหารสูงแต่แคลอรี่ต่ำ และเป็นหนึ่งในผลไม้ที่มีแคลอรี่ต่ำที่สุด เกรปฟรุตมีใยอาหารสูง มีวิตามินและเกลื่อแร่ที่ดีต่อร่างกายมากกว่า 15 ชนิด สารอาหารหลักที่พบในครึ่งลูกของเกรปฟรุตขนาดกลาง:- แคลอรี่: 52
- คาร์โบไฮเดรต: 13 กรัม
- โปรตีน: 1 กรัม
- ใยอาหาร: 2 กรัม
- วิตามินซี: 64% of the RDI*
- วิตามินเอ: 28% of the RDI
- โพแทสเซียม: 5% of the RDI
- ไทอามีน: 4% of the RDI
- โฟเลต: 4% of the RDI
- แมกนีเซียม: 3% of the RDI
2. ช่วยระบบภูมิคุ้มกัน
การทานเกรปฟรุตบ่อยๆอาจดีต่อระบบภูมิคุ้มกัน เพราะมีวิตามินซีสูง วิตามินซีมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ปกป้องเซลล์จากแบคทีเรียและไวรัส นอกจากนั้น งานวิจัยพบว่าการทานวิตามินซีช่วยให้หายจากโรคหวัดเร็วขึ้น วิตามินและเกลือแร่อื่นๆที่พบในเกรปฟรุตช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เช่น วิตามินเอ ช่วยป้องกันอาการอักเสบและโรคติดต่ออื่นๆ และมีวิตามินบี ธาตุสังกะสี ทองแดงและธาตุเหล็กเล็กน้อยที่ทำงานร่วมกันเพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงาน และช่วยรักษาความสมบูรณ์ของผิวหนังซึ่งทำหน้าที่ปกป้องร่างกายจากการติดเชื้อ สรุป:เกรปฟรุตช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันเพราะมีวิตามินและเกลือแร่ที่ช่วยต่อต้านการติดเชื้อ3. อาจช่วยควบคุมความอยากอาหาร
เกรปฟรุตมีใยอาหารมากประมาณ 2กรัมในลูกขนาดกลางครึ่งลูก งานวิจัยพบว่าการทานผลไม้ที่มีใยอาหารสูงมีประโยชน์ที่ช่วยให้รู้สึกอิ่ม เป็นเพราะใยอาหารช่วยให้กระเพาะว่างช้าลงและเพิ่มเวลาในการย่อย ดังนั้นการทานใยอาหารให้เพียงพอจะช่วยให้ทานน้อยลง(แคลอรี่น้อย)เพราะช่วยให้ไม่หิวมาก สรุป: เกรปฟรุตมีใยอาหารที่ช่วยควบคุมความอยากอาหารเพราะทำให้รู้สึกอิ่ม4.ช่วยลดน้ำหนัก
เกรปฟรุตเป็นอาหารที่ช่วยในการลดน้ำหนักเพราะมีสรรพคุณเช่น มีใยอาหารสูงจึงช่วยทำให้อิ่มและลดปริมาณแคลอรี่ นอกจากนี้ เกรปฟรุตมีแคลอรี่น้อยแต่มีน้ำเยอะจึงช่วบลดน้ำหนักได้ดี งานวิจัยพบว่า ผู้เข้าร่วมที่มีน้ำหนักเกินจำนวน 91คนที่ทานเกรปฟรุตครึ่งลูกก่อนทานอาหารลดน้ำหนักได้มาก(อย่างเห็นได้ชัด)กว่าคนที่ไม่ได้ทาน ผู้เข้าร่วมที่ทานเกรปฟรุตลดน้ำหนักได้ประมาณ 1.6 กก.ในเวลา12อาทิตย์ ในขณะที่คนที่ไม่ได้ทานลดน้ำหนักได้น้อยกว่า 0.3 กก. งานวิจัยอื่นพบผลลัพธ์คล้ายกันเช่น รอบเอวของผู้เข้าร่วมลดลงเมื่อทานเกรปฟรุตทุกวันหร้อมอาหาร แต่ไม่ได้หมายความว่าเกรปฟรุตเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ช่วยลดน้ำหนัก แต่ถ้าทานควบคู่กับการทานอาหารที่ดีแต่สุขภาพอาจช่วยได้ดี สรุป: ทานเกรปฟรุตก่อนทานอาหารอาจช่วยลดน้ำหนักเพราะมีใยอาหารและน้ำช่วยให้รู้สึกอิ่มและลดจำนวนแคลอรี่5. เกรปฟรุตอาจช่วยไม่ให้เกิดภาวะดื้ออินซูลินและโรคเบาหวาน
การทานเกรปฟรุตบ่อยๆอาจช่วยให้ไม่เกิดภาวะดื้ออินซูลินที่ทำให้เกิดโรคเบาหวาน อาการดื้ออินซูลินเกิดเมื่อเซลล์ไม่ตอบสนองต่ออินซูลิน อินซูลินเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมกระบวนการต่างๆในร่างกายเช่น กระบวนการเผาผลาญ แต่คนส่วนใหญ่มักรู้ว่าอินซูลินมีบทบาทในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ภาวะดื้ออินซูลินท้ายสุดจะนำไปสู่ระดับอินซูลินและน้ำตาลที่สูงขึ้นในเลือด ซึ่งเป็นสองปัจจัยเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่2 การทานเกรปฟรุตอาจช่วยควบคุมระดับอินซูลินและสามารถลดโอากาสการเกิดภาวะดื้ออินซูลิน ผู้เข้าร่วมในงานวิจัยหนึ่งทานเกรปฟรุตครึ่งลูกก่อนอาหารพบว่าระดับอินซูลินและภาวะดื้ออินซูลินต่ำลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้ทาน การทานผลไม้ช่วยให้ควบคุมระดับน้ำตาลและลดโอกาสการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่2 สรุป: เกรปฟรุตอาจช่วยลดภาวะดื้ออินซูลินและลดโอกาสการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่26. การทานเกรปฟรุตอาจช่วยให้สุขภาพหัวใจดีขึ้น
การทานเกรปฟรุตบ่อยๆอาจช่วยให้มีสุขภาพหัวใจที่ดีโดยการลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจเช่น ความดันโลหิตสูงและคอเลสเตอรอลสูง ผู้เข้าร่วมในงานวิจัยที่ทานเกรปฟรุตสามครั้งต่อวันเป็นเวลาหกอาทิตย์พบว่าความดันโลหิตต่ำลงอย่างเห็นได้ชัดในระหว่างงานวิจัย ทั้งระดับโคเลสเตอรอลและ LDLยังดีขึ้นด้วย ผลลัพธ์เหล่านี้เกิดจากสารอาหารที่สำคัญในเกรปฟรุตซึ่งมีส่วนให้หัวใจทำงานได้ปกติ อย่างแรกเกรปฟรุตมีโพแทสเซียมสูง เป็นเกลือแร่ที่รับผิดชอบสุขภาพหัวใจ เกรปฟรุตครึ่งลูกมีโพแทสเซียม 5%ที่ร่างกายต้องการต่อวัน การทานโพแทสเซียมให้พอ มีส่วนในการลดความเสี่ยงในการเกิดความดันโลหิตสูง และลดความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากโรคหัวใจ นอกจากนั้นใยอาหารในเกรปฟรุตอาจช่วยให้หัวใจมีสุขภาพที่ดีขึ้นเพราะการทานใยอาหารสูงมีส่วนในการลดความดันโลหิตและระดับโคเลสเตอรอล โดยรวมแล้ว นักวิจัยยืนยันว่าการทานอาหารเพื่อสุขภาพโดยการทานเกรปฟรุตที่มีใยอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระสูงช่วยปกป้องร่างกายจากโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง สรุป: เกรปฟรุตมีสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องหัวใจโดยการควบคุมความดันโลหิตและระดับโคเลสเตอรอล7. มีสุดยอดสารต้านอนุมูลอิสระสูง
เกรปฟรุตมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายอย่างที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายเช่น ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ สารต้านอนุมูลอิสระปกป้องเซลล์จากการถูกทำร้ายโดยอนุมูลอิสระ(โมเลกุลที่ไม่เสถียรและสามารถทำให้เกิดปฏิกิริยาที่อันตรายต่อร่างกายได้) สารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญในเกรปฟรุต:- วิตามินซี: สารต้านอนุมูลอิสระที่ละลายได้ในน้ำพบมากในเกรปฟรุต อาจช่วยในการปกป้องเซลล์จากการความเสียหายที่ทำให้เกิดโรคหัวใจและโรคมะเร็ง
- เบต้าเคโรทีน ถูกเปลี่ยนเป็นวิตามินเอในร่างกายและช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะจอประสาทตาเสื่อม
- ไลโคปีน รู้จักดีในความสามารถที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งบางชนิด โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก อาจช่วยชะลอการเกิดเนื้องอกและลดการเกิดผลข้างเคียงในการรักษาโรคมะเร็ง
- ฟลาโวนอยด์ มีสรรพคุณต้านการอักเสบสามารถลดความดันโลหิตและระดับโคเลสเตอรอล และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ
8.อาจลดโอกาสในการเกิดนิ่วในไต
การทานเกรปฟรุตอาจลดโอกาสการเกิดนิ่วในไตซึ่งเกิดจากการสะสมของเสียในไต ของเสียเป็นผลิตภัณฑ์จากกระบวนการเผาผลาญที่ถูกกรองผ่านไตและขับออกจากร่างกาย แต่เมื่อของเสียกลายเป็นของแข็งจึงกลายเป็นนิ่ว นิ่วขนาดใหญ่ในไตอาจทำให้เกิดการอุดตันในระบบขับถ่ายปัสสาวะซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดรุนแรงได้ นิ่วในไตที่พบบ่อยคือนิ่วแคลเซียมออกซาเลต กรดซิตริคเป็นกรดอินทรีย์ที่พบในเกรปฟรุต อาจช่วยป้องกันการประสานตัวกับแคลเซียมในไตและขับออกจากร่างกาย นอกจากนั้น กรดซิตริคมีความสามารถในการเพิ่มปริมาณและค่าpHในปัสสาวะ ทำให้เกิดสภาพที่ไม่เอื้อกับการเกิดนิ่วในไต สรุป:กรดซิตริคในเกรปฟรุตอาจช่วยลดการก่อตัวของนิ่วแคลเซียมออกซาเลตในไต9. มีความชุ่มชื้นมาก
เกรปฟรุตมีน้ำมากและให้ความชุ่มชื้นมาก น้ำเป็นส่วนประกอบหลักในน้ำหนักของเกรปฟรุต ในเกรปฟรุตขนาดกลางครึ่งลูกมีน้ำถึง 118 มล. หรือ 88% ของน้ำหนัก การดื่มน้ำมากๆเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการให้ความชุ่มชื้น และการอาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบมากก็ช่วยได้ สรุป: เกรปฟรุตมีน้ำเป็นส่วนประกอบมากจึงช่วยให้เพิ่มความชุ่มชื้น10. เพิ่มเข้าไปในอาหารได้ง่าย
เกรปฟรุตแทบจะไม่ต้องมีการเตรียมเลยจึงง่ายต่อการเพิ่มเข้าไปในมื้ออาหารถึงแม้ว่าคุณจะใช้ชีวิตที่ยุ่งอยู่เสมอ คุณก็ยังสามารถทานเกรปฟรุตได้ทุกวันโดยไม่ต้องกังวลว่าจะใช้เวลามากเกินไป วิธีต่างๆในการทานเกรปฟรุต- หั่นเป็นชิ้นๆทานเป็นของว่าง
- ทานแทนของหวานที่ไม่ดีต่อสุขภาพ
- ทานเป็นสลัดคู่กับผักเคลและอะโวคาโด
- ปั่นเป็นสมูทตี้ร่วมกับผักและผลไม้อื่นๆ
- เพิ่มเข้าไปในพาร์เฟต์ในมื้อเช้า
เกรปฟรุตไม่เหมาะสำหรับทุกคน
บางคนอาจต้องเลี่ยงการทานเกรปฟรุตด้วยเหตุผลดังนี้ปฏิกิริยาต่อยา
การทานเกรปฟรุตและน้ำเกรปฟรุตอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อยาในบางคน เพราะ เกรปฟรุตมีสารที่ยับยั้งcytochrome P450(เอนไซม์ที่ร่างการใช้เพื่อเผาผลาญยาบางชนิด) หากทานเกรปฟรุตระหว่างการทานยาเหล่านี้ ร่างกายจะไม่สามารถสลายยาได้จึงอาจทำให้ได้รับยาเกินขนาดและผลที่ไม่ต้องการ ยาที่ทำให้เกิดปฏิกิริยา- ยากดภูมิคุ้มกัน
- Benzodiazepines
- Calcium channel blockers
- Indinavir
- Carbamazepine
- Statins บางชนิด
ฟันสึกกร่อน
ในบางกรณี การทานเกรปฟรุตอาจทำให้กิดฟันสึกกร่อน กรดซิตริคที่พบในเกรปฟรุตเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดฟันสึกกร่อน หากทานในปริมาณที่มากเกินไป หากมีอาการเสียวฟันอยู่แล้ว อาจต้องเลี่ยงผลไม้ที่มีกรด แต่ยังสามารถทานเกรปฟรุตโดยที่ระวังไม่ให้ฟันสึกกร่อนได้ดังนี้- ไม่ดูดเกรปฟรุตหรือผลไม้ที่มีกรด และเลี่ยงการกัดโดยตรง
- กลั้วปากด้วยน้ำหลังทานและแปรงฟัน30นาทีหลังจากนั้น
- ทานชีสพร้อมกัน จะช่วยทำให้กรดเป็นกลางและเพิ่มการสร้างน้ำลาย
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น