GMO คืออะไร
GMOs ย่อมาจากคำว่า Genetically Modified Organisms เป็นข้อโต้แย้งกันมากมาย จากข้อมูลของกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา ทั้งข้าวโพด ฝ้าย และถั่วเหลืองที่ใช้ปลูกกว่า 90% ในสหรัฐอเมริกาเป็น เมล็ดจีเอ็มโอ ซึ่งนั้นหมายความว่าอาหารเหล่านั้นทั้งหมดที่คุณรับประทานเข้าไปมีส่วนประกอบของ GMO ทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าทางองค์กรที่มีชื่อเสียงและการวิจัยจะบอกว่าอาหารจีเอ็มโอนั้นมีความปลอดภัย และยั่งยืน แต่ก็มีบางคนที่กล่าวอ้างว่ามันอาจทำอันตรายต่อสุขภาพของเราและสิ่งแวดล้อม ในบทความนี้จะช่วยอธิบายว่าพืช GMO จีเอ็มโอคืออะไร อธิบายถึงข้อดีข้อเสีย และคำแนะนำถึงวิธีการดูอาหารจีเอ็มโอ“GMO” หมายถึง จุลินทรีย์พืช และสัตว์เป็นสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมโดยใช้เทคนิคทางพันธุวิศวกรรม
ในวงการอุตสาหกรรมอาหาร ทาง GMO crops ได้ให้เหตุผลในเรื่องการเพิ่มเติมยีนไว้หลายข้อ เช่น เพื่อให้การเจริญเติบโตดีขึ้น ปริมาณสารอาหร ความยั่งยืน ความต้านทานศัตรูพืช และความสะดวกในการเพาะปลูกความเป็นไปได้ในการให้ได้อาหารตามที่ต้องการตามธรรมชาติผ่านการคัดเลือกสายพันธุ์ เป็นกระบวนการที่ต้องใช้การแพร่พันธุ์หลายชั่วอายุ ดังนั้นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์อาจพยายามอย่างมากในการเปลี่ยนแปลงพันธุศาสตร์เพื่อทำให้เกิดลักษณะทางพันธุกรรมใหม่การดัดแปลงพันธุกรรมนี้จะไปเป็นตัวช่วยเร่งกระบวนดังกล่าวนี้โดยใช้เทคนิคทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้ได้ลักษณะทางพันธุกรรมพืชอย่างที่ใจเราต้องการอย่างเจาะจงยกตัวอย่าง เช่น ข้าวโพดบีที คือการดัดแปลงพันธุวิศวกรรมพืชในการสร้างสารฆ่าแมลงบีทีท็อกซินขึ้นมา โดยสารท็อกซินนี้ทำให้ข้าวโพดสามารถต้านทานแมลงได้ ลดความต้องการในการใช้สารกำจัดศัตรูพืชลงการเพาะปลูกจีเอ็มโอคือเรื่องเหลือเชื่อมากในสหรัฐอเมริกา อย่างน้อย 90% ของถั่วเหลือง ฝ้าย และข้าวโพดที่มีการเพาะปลูกที่นี่ใช้เทคนิคการดัดแปลงพันธุกรรมในความเป็นจริงแล้วนั้น อาหารเฉลี่ยมากกว่า 80% ในซุปเปอร์มาร์เก็ตมีส่วนประกอบมาจากพืชที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรมในขณะที่การเพาะปลูกจีเอ็มโอทำให้การทำการเกษตรนั้นง่ายมากขึ้น แต่ก็ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมและเรื่องของความปลอดภัยในการบริโภคของคน -โดยเฉพาะอาการเจ็บป่วย และการเกิดภูมิแพ้ประโยชน์ของอาหารจีเอ็มโอ
อาหารจีเอ็มโออาจมีประโยชน์หลายอย่างสำหรับชาวนาชาวไร่ และผู้บริโภคสำหรับผู้เริ่มต้น การเพาะปลูกจีเอ็มโอที่มีการดัดแปลงทางพันธุกรรมจะมียีนที่เด่นชัดในเรื่องการป้องกันศัตรูพืชและแมลงยกตัวอย่าง ยีนบีทีคือ พันธุวิศวกรรมให้กับพืช ตัวอย่างพืช Gmo เช่น ข้าวโพดGmo ฝ้าย และถั่วเหลือง ซึ่งทำจากเชื้อแบคทีเรียที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่รู้จักกันดีว่าคือ บาซิลลัสทูริงจิเอนซิสยีนนี้จะผลิตโปรตีนซึ่งเป็นพิษต่อศัตรูพืช และแมลง ซึ่งจะให้กลายเป็นพืชที่ต้านทานได้ตามธรรมชาติ เช่น พืชที่มีการเพาะปลูกจีเอ็มโอก็ไม่จำเป็นต้องได้รับสารกำจัดศัตรูพืชที่เป็นอันตรายบ่อยๆพืชจีเอ็มโอที่มีการดัดแปลงยีนนั้นจะช่วยพืชให้อยู่รอดได้ในสภาวะเครียด เช่น ภัยแล้ง และต้านทานโรคเช่นโรคเหี่ยวแห้ง และตายของพืช ทำให้ผลิตผลสูงขึ้นสำหรับชาวนาอีกทั้งปัจจัยต่างๆเหล่านี้ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายสำหรับชาวนาและผู้บริโภคเพราะให้ผลผลิตที่มากกว่า และสามารถทำการเพาะปลูกผ่านสภาวะที่ยากลำบากไปได้การดัดแปลงพันธุกรรมสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าทางสารอาหารให้กับอาหารได้ ยกตัวอย่างเช่น ข้าวที่อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน ที่เรียกว่าข้าวทอง คือข้าวที่มีการพัฒนาเพื่อช่วยป้องกันตาบอดในบางภูมิภาคที่ๆการโภชนาการในพื้นที่ขาดวิตามินเอเรื้อรังยิ่งกว่านั้น การดัดแปลงพันธุกรรมด้วยการตัดต่อยีนอาจช่วยเพิ่มรสชาติและรูปลักษณ์ให้อาหาร เช่น แอปเปิ้ลที่ไม่เป็นสีน้ำตาล จากการวิจัยยังพบว่าอาหารจีเอ็มโอนั้นมีความปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคความปลอดภัยและข้อวิตกกังวล
ถึงแม้จะมีการวิจัยว่าอาหารจีเอ็มโอนั้นมีความปลอดภัยก็ตาม แต่บางคนก็ยังรู้สึกเป็นกังวลถึงความปลอดภัยในระยะยาวและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ต่อไปนี้คือข้อวิตกกังวลจากการบริโภคอาหารจีเอ็มโอภูมิแพ้
หลายคนเป็นกังวลว่าอาหารจีเอ็มโออาจไปกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ขึ้น สิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะอาหารจีเอ็มโอมียีนแปลกปลอม ทำให้บางคนเป็นกังวลว่าอาจมียีนซ่อนเร้นจากอาหารที่อาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้อย่างฉับพลัน จากการศึกษาเมื่อกลางปี 1990 พบว่าการเพิ่มโปรตีนที่ได้จากถั่วบราซิลลงในถั่วเหลืองจีเอ็มโอสามารถไปกระตุ้นการเกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ในคนที่ไวต่อถั่วบราซิล แต่อย่างไรก็ตามหลังจากนักวิทยาศาสตร์ค้นพบเรื่องนี้ พวกเขาก็รีบสั่งห้ามอาหารจีเอ็มโอนี้อย่างเร่งด่วน ถึงแม้การวิตกกังวลเกี่ยวกับภูมิแพ้จะดูสมเหตุสมผลก็ตาม ก็ยังไม่เคยมีรายงานว่ามีการเกิดปฏิกิริยาภูมิต่ออาหารจีเอ็มโอที่มีตามท้องตลาด จากข้อมูลของ FDA นักวิจัยได้มีการทดสอบอาหารจีเอ็มโอเพื่อให้แน่ใจว่าสารก่อภูมิแพ้จะไม่ถูกส่งต่อจากอาหารหนึ่งไปสู่อีกอย่างหนึ่ง หากคุณมีอาการแพ้ถั่วเหลือง ผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองทั้งแบบจีเอ็มโอและไม่ใช่จีเอ็มโอก็ก่อให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ได้ทั้งสิ้นมะเร็ง
เช่นเดียวกันในเรื่องข้อวิตกกังวลว่าอาหารจีเอ็มโออาจทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ เพราะมะเร็งมีสาเหตุมาจากการกลายพันธุ์ของดีเอ็นเอ บางคนจึงกลัวว่าการรับประทานอาหารที่มีการเพิ่มยีนอาจส่งผลต่อดีเอ็นเอความกังวลต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมอื่นๆ
ถึงแม้พืชจีเอ็มโอจะสร้างประโยชน์ให้กับชาวนาชาวไร่ก็ตามแต่ก็ยังมีเรื่องการกังวลเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอยูดี พืชจีเอ็มโอส่วนใหญ่มักทนทานต่อสารกำจัดศัตรูพืช เช่น Roundup ซึ่งนั้นหมายความว่าเกษตรกรสามารถใช้ Roundup ได้โดยไม่ต้องกลัวว่ามันจะส่งผลเสียหายต่อพืชที่เพาะปลูก แต่อย่างไรก็ตามการเติบโตของจำนวนวัชพืชเองก็มีการทนทานต่อสารกำจัดวัชพืชมากไปเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป ทำให้ต้องใช้ Roundup มากขึ้นในการพ่นลงบนพืชเพื่อฆ่าวัชรพืชเพราะพวกมันก็ส่งผลต่อการเก็บเกี่ยวพืชด้วย Roundup การทำงานมีส่วนผสมของไกลโฟเซตซึ่งเป็นหัวข้อที่มีการโต้เถียงกันมากมายเพราะจากการศึกษาจากสัตว์ และในหลอดทดลองพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคหลายชนิด แต่การศึกษาหลายกรณีก็ได้บทสรุปว่าไกลโฟเซตในปริมาณน้อยนิดที่มีในอาหารจีเอ็มโอนั้นถือว่ายังมีความปลอดภัยสำหรับคนที่จะบริโภคอยู่มีวิธีดูอาหารจีเอ็มโออย่างไร
ถึงแม้อาหารจีเอ็มโอจะมีความปลอดภัยสำหรับบริโภคแล้วก็ตามที แต่ก็ยังมีหลายคนที่ต้องการหลีกเลี่ยง ซึ่งเป็นเรื่องยากนับตั้งแต่อาหารส่วนใหญ่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตทุกวันนี้ส่วนใหญ่ก็มักมีส่วนผสมที่ทำมาจากพืชจีเอ็มโอแทบทั้งสิ้น พืชจีเอ็มโอที่เติบโต และมีขายในสหรัฐอเมริการวมไปถึง ข้าวโพด ถั่วเหลือง คาโนล่า ชูการ์บีท อัลฟัลฟ่า ฝ้าย มันฝรั่ง มะละกอ สควอชเหลือง และแอปเปิ้ลบางชนิด ในสหรัฐยังไม่มีข้อบังคับประกาศออกมาว่าต้องมีฉลากแจ้งชนิดอาหารจีเอ็มโอ ตั้งแต่ มกราคม 2022 ทาง USDA ได้ขอให้โรงงานผู้ผลิตอาหารติดฉลากอาหารทุกชนิดที่มีอาหารจีเอ็มโอเป็นส่วนผสม ฉลากดังกล่าวจะไม่บอกตรงๆว่า “จีเอ็มโอ” แต่มักใช้คำว่า “Bioengineered Food” แทน ซึ่งจะมีสัญลักษณ์ของทาง USDA อยู่ในรายชื่อหรืออยู่ใกล้ๆส่วนผสม หรืออาจเป็นโค๊ดที่สามารถสแกนได้บนหีบห่อ พร้อมกับคำแนะนำ “สแกนที่นี่เพื่อข้อมูลเพิ่มเติม” แต่อย่างไรก็ตาม คุณสามารถหลีกเลี่ยงพืชดัดแปลงพันธุกรรมได้ด้วยด้วยการเลือกทานอาหารในท้องถิ่น มีฟาร์มเล็กๆมากมายที่ไม่ใช่เมล็ดพันธุ์จีเอ็มโอประเด็นสำคัญ
จีเอ็มโอคืออาหารที่ถูกดัดแปลงด้วยเทคนิคการตัดต่อพันธุกรรม อาหารส่วนใหญ่ที่อยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตมักมีอาหารจีเอ็มโอเป็นส่วนผสมเพราะมันง่ายกว่า และมีราคาที่ดีสำหรับเกษตรกร ซึ่งทำให้มีราคาที่ถูกลงสำหรับผู้บริโภค ถึงจะมีวิจัยว่าอาหารจีเอ็มโอมีความปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค แต่ก็ยังมีบางคนเป็นกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพ เพราะยังขาดการศึกษาในมนุษย์ในระยะยาว จึงจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับจีเอ็มโอ
1. จีเอ็มโอคืออะไร?
คำตอบ:สิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม (GMOs) คือสิ่งมีชีวิตที่มีสารพันธุกรรมเปลี่ยนแปลงไปในลักษณะที่ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติโดยการผสมพันธุ์หรือการรวมตัวกันใหม่ตามธรรมชาติ การดัดแปลงพันธุกรรมมักทำเพื่อเพิ่มลักษณะที่ต้องการ เช่น ความต้านทานต่อศัตรูพืช โรค หรือสภาพแวดล้อม2. GMOs ปลอดภัยที่จะรับประทานหรือไม่?
คำตอบ:ความปลอดภัยของ GMOs เพื่อการบริโภคเป็นหัวข้อของการวิจัยและการอภิปรายที่กำลังดำเนินอยู่ หน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก รวมถึงองค์การอนามัยโลก (WHO) และสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ระบุว่าโดยทั่วไปแล้ว GMOs ที่ได้รับการรับรองในท้องตลาดนั้นปลอดภัยที่จะรับประทานได้ อย่างไรก็ตาม ความกังวลและการหารือเกี่ยวกับผลกระทบระยะยาวและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมยังคงมีอยู่3. เหตุใดจึงสร้าง GMOs?
คำตอบ: GMOs ถูกสร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ รวมถึงการปรับปรุงผลผลิตพืช เพิ่มปริมาณสารอาหาร และให้ความต้านทานต่อศัตรูพืช โรค หรือความเครียดจากสิ่งแวดล้อม เป้าหมายมักเป็นการสร้างพืชผลที่มีลักษณะพึงประสงค์ซึ่งมีส่วนสนับสนุนความยั่งยืนทางการเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร4. GMOs มีการควบคุมอย่างไร?
คำตอบ:กฎระเบียบของ GMOs แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ หลายประเทศได้กำหนดกรอบการกำกับดูแลเพื่อประเมินความปลอดภัยและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของ GMOs ก่อนที่จะได้รับอนุญาตในตลาด หน่วยงานกำกับดูแลตรวจสอบข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิจารณาว่า GMO ปลอดภัยสำหรับการบริโภคหรือไม่ และไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมที่มากเกินไป5. GMOs ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่?
คำตอบ:ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของ GMO ขึ้นอยู่กับลักษณะเฉพาะที่แนะนำและแนวทางปฏิบัติทางการเกษตรที่เกี่ยวข้องกับการเพาะปลูก บางคนแย้งว่า GMO บางชนิดได้ลดความจำเป็นในการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช ในขณะที่บางคนแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจต่อสิ่งมีชีวิตและระบบนิเวศที่ไม่ใช่เป้าหมาย6. GMOs สามารถผสมข้ามพันธุ์กับ non-GMOs ได้หรือไม่?
คำตอบ:ในบางกรณี GMOs สามารถผสมข้ามพันธุ์กับ non-GMOs ได้ผ่านกระบวนการทางธรรมชาติ เช่น การถ่ายโอนละอองเกสร สิ่งนี้เรียกว่าการไหลของยีน ขอบเขตและผลที่ตามมาของการไหลของยีนขึ้นอยู่กับสิ่งมีชีวิตเฉพาะที่เกี่ยวข้อง ชีววิทยาการสืบพันธุ์ และปัจจัยอื่นๆ7. มีฉลาก GMOs ในผลิตภัณฑ์อาหารหรือไม่?
คำตอบ:ข้อกำหนดในการติดฉลากสำหรับ GMOs แตกต่างกันไปทั่วโลก บางประเทศบังคับใช้การติดฉลากผลิตภัณฑ์ที่มี GMOs ในขณะที่บางประเทศไม่บังคับ ในภูมิภาคที่มีข้อกำหนดการติดฉลาก จะให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับการมีอยู่ของส่วนผสมดัดแปลงพันธุกรรม8. สินค้าออร์แกนิกสามารถมี GMOs ได้หรือไม่?
คำตอบ:มาตรฐานการรับรองออร์แกนิกโดยทั่วไปห้ามการใช้ GMOs ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกคาดว่าจะปราศจากส่วนผสมดัดแปลงพันธุกรรม อย่างไรก็ตาม อาจพบปริมาณ GMOs โดยไม่ได้ตั้งใจเนื่องจากปัจจัยต่างๆ เช่น การผสมเกสรข้าม9. GMOs มีประโยชน์ต่อสุขภาพหรือไม่?
คำตอบ:จีเอ็มโอบางชนิดได้รับการพัฒนาเพื่อเพิ่มปริมาณสารอาหาร เช่น พืชที่มีระดับวิตามินหรือสารอาหารจำเพาะเพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น ข้าวสีทอง ได้รับการดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อผลิตเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ10. GMOs สามารถช่วยแก้ไขปัญหาความมั่นคงทางอาหารทั่วโลกได้หรือไม่?
คำตอบ:ผู้เสนอโต้แย้งว่า GMO มีศักยภาพที่จะสนับสนุนความมั่นคงด้านอาหารของโลกโดยการเพิ่มผลผลิตพืชผล ลดการสูญเสียเนื่องจากศัตรูพืชและโรค และปรับปรุงความยืดหยุ่นต่อความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม มุมมองนี้อาจมีการอภิปรายอย่างต่อเนื่อง สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือความคิดเห็นเกี่ยวกับ GMO อาจแตกต่างกัน และข้อมูลที่ให้ไว้ในที่นี้สะท้อนถึงมุมมองทั่วไป รับข่าวสารโดยการปรึกษาจากแหล่งข้อมูลที่มีชื่อเสียงและพิจารณามุมมองที่หลากหลายเมื่อสำรวจหัวข้อของ GMOsนี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.fda.gov/food/agricultural-biotechnology/gmo-crops-animal-food-and-beyond
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3791249/
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น