การรักษาอาหารเป็นพิษ และวิธีแก้ท้องเสียเบื้องต้น
เมื่อมีอาการอาหารเป็นพิษ ผู้ป่วยจำเป็นต้องหาวิธีเพื่อบรรเทาอาการปวดท้อง อาหารเป็นพิษ รวมถึงป้องกันภาวะขาดน้ำ ซึ่งทำให้อาการแย่ลงได้พักร่างกาย
การพักเป็นขั้นตอนง่าย ๆ ที่ช่วยให้ร่างกายดีขึ้นจากอาหารเป็นพิษ ควรพักผ่อนมาก ๆ จนกว่าจะรู้สึกดีขึ้น นอกจากนี้ ไม่ควรดื่มหรือกินอะไร 2-3 ชั่วโมงหลังจากมีอาการ ให้รับประทานอาหารอ่อน ๆ หลังจากนั้น เช่น แครกเกอร์ และเครื่องดื่มสำหรับนักกีฬา ดูดน้ำแข็งเพื่อให้ได้รับน้ำอาหารเป็นพิษรักษาด้วยน้ำเกลือแร่
หนึ่งในอาการแทรกซ้อนของอาหารเป็นพิษคือการขาดน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็กและในผู้สูงอายุ อาจมีอันตรายถึงชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันที อาการขาดน้ำเป็นอาการที่พบได้บ่อยในอาหารเป็นพิษ ซึ่งเกิดจากการอาเจียนและท้องเสีย ก่อให้เกิดการเสียของเหลวมากในระยะเวลาสั้น ๆ การขาดของเหลวในร่างกายทำให้เหนื่อย อ่อนแรง และบางครั้งทำให้หัวใจเต้นผิดปกติได้ นอกเสียจากว่าอาการขาดน้ำจะรุนแรง แพทย์มักให้รักษาที่บ้านการดื่มน้ำเกลือแร่หรือเกลือแร่ชนิดเม็ดช่วยลดอาการขาดน้ำได้ ในกรณีที่รุนแรง ผู้ป่วยต้องได้รับน้ำเกลือทางเส้นเลือด อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ: ผงเกลือแร่ อ่านต่อที่นี่ใช้วิธีรับประทานอาหารแบบแบรทไดเอท
แบรทไดเอทอ่อนโยนต่อกระเพาะอาหาร ซึ่งก็คือ กล้วย ข้าว ซอสแอปเปิ้ล และโทสต์ รับประทานอาหารเหล่านี้ได้เมื่อคุณรู้สึกไม่ดี อาหารเหล่านี้ช่วยให้อุจจาระเป็นก้อนขึ้น และช่วยให้ได้รับสารอาหารที่เสียไประหว่างการป่วย หากไม่ต้องการรับประทานอาหารเหล่านี้ ให้รับประทานอาหารน้อย ๆ ก่อน และเป็นอาหารที่มีไขมันต่ำจนกว่าจะรู้สึกดีขึ้นเพิ่มโพรไบโอติกเข้าไปในอาหาร
โพรไบโอติกเป็นจุลินทรีย์ที่ช่วยให้สุขภาพของลำไส้ดีขึ้น เรามีแบคทีเรียในตัวเราตลอดเวลา บางชนิดก็เป็นชนิดที่ดี บางชนิดก็เป็นชนิดที่ไม่ดี อาหารเป็นพิษอาจทำให้แบคทีเรียในลำไส้ไม่สมดุง การรับประทานโพรไบโอติกเข้าไปจะช่วยให้แบคทีเรียกลับมาสมดุง และทำให้ลำไส้แข็งแรงขึ้น ป้องกันการเกิดอาหารเป็นพิษในอนาคตได้อาหารเป็นพิษกินยาอะไร
ยาที่หาซื้อได้จากร้านขายยาอาจช่วยหยุดอาการอาหารเป็นพิษได้ Pepto-Bismol สามารถรักษาอาการคลื่นไส้และท้อเสีย Loperamide ช่วยหยุดอาการท้องเสียโดยการทำให้กระบวนการย่อยช้าลง ยาเหล่านี้ไม่เหมาะกับเด็ก อย่างไรก็ตาม องค์การอาหารและยาแนะนำให้เด็กที่ท้องเสียดื่มของเหลวและทานอาหารปกติ แต่หากยังมีอาการ ก็ต้องเปลี่ยนอาหารและให้ร่างกายได้รับน้ำ แพทย์บางท่านกล่าวว่าการรับประทานยาที่หาซื้อได้จากร้านขายยาอาจทำให้อาการดีขึ้นไวขึ้น อย่างไรก็ตาม แพทย์บางคนแนะนำว่าให้อาการเกิดขึ้นและหายไปเองโดยที่ไม่ต้องหยุดการอาเจียนหรือท้องเสียด้วยการกินยาอาหารเป็นพิษวิธีรักษาง่าย ๆ ด้วยการดื่มชาขิงหรือชามินต์
รากขิงเป็นยาแผนโบราณในหลายวัฒนธรรม การศึกษาแสดงให้เห็นว่าสามารถบรรเทาอาหารคลื่นไส้ได้ มินต์เป็นสนุนไพรที่ช่วยให้กระเพาะอาหารดีขึ้น อาจช่วยบรรเทาอาการปวดโดยเฉพาะในลำไส้ การดื่มชายังช่วยให้ร่างกายได้รับน้ำในระหว่างที่ป่วยอีกด้วย อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ: ขิงเมื่อไหร่ที่ต้องพบแพทย์
อาหารเป็นพิษสามารถรักษาได้ที่บ้าน อย่างไรก็ตาม ควรพบแพทย์หากมีอาการเหล่านี้:- มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส
- มีเลือดในอาเจียนหรืออุจจาระ
- ท้องเสียมากกว่า 3 วัน
- มีอาการปวดรุนแรง
- มีอาการชาหรือสายตาพร่ามัว
- มีอาการขาดน้ำอย่างรุนแรง
อาหารเป็นพิษกินอะไรได้บ้าง
กรณีที่เกิดอาการอาหารเป็นพิษนั้นผู้ป่วยจำเป็นต้องงดรับประทานอาหารชั่วคราวเมื่อเกิดอาการเป็นเวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง หลังจากนั่นหากเกิดอาการอ่อนเพลียสามารถดื่มน้ำเกลือแร่ และรับประทานซุปอ่อน ๆ หรือข้าวต้มเปล่า ๆ ใส่เกลือ ทั้งนี้ผู้ป่วยต้องพักผ่อนอย่างเพียงพอ ไม่รับประทานผลิตภัณฑ์ใด ๆ ที่มาจากนม อาหารมัน หรือเครื่องดื่มที่เพิ่มปริมาณกรดในกระเพาะอาหาร เช่นน้ำอัดลม หรือโซดาเมื่ออาหารเป็นพิษควรหลีกเลี่ยงสิ่งใด
เมื่อประสบกับอาหารเป็นพิษ สิ่งสำคัญคือต้องดูแลร่างกายและหลีกเลี่ยงอาการที่ทำให้รุนแรงขึ้นอีก ต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง:- อาหารแข็ง:ในช่วงระยะเฉียบพลันของอาหารเป็นพิษ ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงอาหารแข็ง โดยเฉพาะอาหารที่ย่อยยาก ระบบย่อยอาหารของคุณอาจบกพร่องอยู่แล้ว และการบริโภคอาหารแข็งอาจทำให้อาการต่างๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน และท้องร่วงแย่ลงได้
- อาหารที่มีไขมันหรือรสเผ็ด:อาหารที่มีไขมันหรือเครื่องเทศสูงอาจทำให้ระบบย่อยอาหารของคุณจัดการได้ยากขึ้น ส่งผลให้อาการต่างๆ รุนแรงขึ้น เช่น คลื่นไส้และไม่สบายท้อง ทางที่ดีควรรับประทานอาหารรสจืดและย่อยง่ายจนกว่าอาการจะดีขึ้น
- ผลิตภัณฑ์นม:ผลิตภัณฑ์จากนมอาจย่อยยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีอาการท้องร่วงหรือปวดท้อง หลีกเลี่ยงนม ชีส โยเกิร์ต และผลิตภัณฑ์จากนมอื่นๆ จนกว่าอาการจะหายไป
- คาเฟอีนและแอลกอฮอล์:ทั้งคาเฟอีนและแอลกอฮอล์สามารถทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารระคายเคืองและทำให้อาการแย่ลง เช่น คลื่นไส้และภาวะขาดน้ำ ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา และโซดา รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จนกว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้น
- อาหารดิบหรือปรุงไม่สุก:การบริโภคอาหารดิบหรือปรุงไม่สุก โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ สัตว์ปีก อาหารทะเล และไข่ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยจากอาหารได้ รับประทานอาหารที่ปรุงสุกเต็มที่เพื่อลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนหรือการติดเชื้อเพิ่มเติม
- เครื่องดื่มอัดลม:เครื่องดื่มอัดลมอาจทำให้เกิดอาการท้องอืด มีแก๊ส และไม่สบายตัว ซึ่งอาจเกิดขึ้นแล้วเนื่องจากอาหารเป็นพิษ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มอัดลม เช่น น้ำอัดลม จนกว่าอาการจะดีขึ้น
- มื้อใหญ่:แทนที่จะทานอาหารมื้อใหญ่ ให้เลือกทานอาหารมื้อเล็กๆ บ่อยๆ ตลอดทั้งวัน วิธีนี้สามารถช่วยป้องกันระบบย่อยอาหารของคุณทำงานหนักเกินไปและทำให้ร่างกายสามารถแปรรูปอาหารได้ง่ายขึ้น
- การแพร่กระจายเชื้อโรค:หากคุณมีอาหารเป็นพิษ สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามสุขอนามัยที่ดีเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคไปยังผู้อื่น ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำ โดยเฉพาะหลังเข้าห้องน้ำ และหลีกเลี่ยงการเตรียมอาหารให้ผู้อื่นจนกว่าคุณจะหายดี
- การใช้ยาด้วยตนเอง:แม้ว่ายาที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์อาจช่วยบรรเทาอาการบางอย่างของโรคอาหารเป็นพิษได้ เช่น ท้องเสียหรือคลื่นไส้ แต่จำเป็นต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนรับประทานยาใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีภาวะสุขภาพผิดปกติหรือกำลังรับประทานยาอยู่ ยาอื่น ๆ
- การเพิกเฉยต่ออาการรุนแรง:หากคุณพบอาการอาหารเป็นพิษอย่างรุนแรงหรือต่อเนื่อง เช่น มีไข้สูง ภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรง อุจจาระเป็นเลือด หรือมีอาการช็อค ให้ไปพบแพทย์ทันที อาการเหล่านี้อาจบ่งชี้ถึงภาวะร้ายแรงที่ต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น