หลอดอาหารอักเสบ (Esophagitis) : อาการ สาเหตุ การรักษา

หลอดอาหารอักเสบ (Esophagitis) คืออาการอักเสบหรือระคายเคืองของเยื่อบุหลอดอาหาร ซึ่งเป็นท่อที่นำอาหารจากปากไปสู่กระเพาะอาหาร มักมีสาเหตุมาจากกรดไหลย้อน โรคภูมิแพ้ ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด และการติดเชื้อ  ผู้ที่เป็นหลอดอาหารอักเสบ จะมีอาการดังนี้:
  • มีปัญหาในการกลืนอาหาร (trouble swallowing)
  • เจ็บคอ (Sore Throat)
  • แสบร้อนกลางอก (heartburn)
หากไม่ได้รับการรักษาจะทำเกิดแผลในหลอดอาหาร เกิดการตีบตันในหลอดอาหาร ซึ่งถือเป็นเรื่องร้ายแรงและต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน การรักษาหลอดอาหารอักเสบจะแตกต่างกันไปตามสาเหตุ หากรู้สาเหตุที่แท้จริงจะทำให้รักษาได้ตรงจุดและหายเร็วขึ้น หากรักษาได้เหมาะสมและตรงจุดมักจะมีอาการดีขึ้นภายใน 2-4 สัปดาห์ ส่วนผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันหรือติดเชื้ออาจจะใช้เวลาในการฟื้นตัวยาวนานขึ้น Esophagitis

อาการของหลอดอาหารอักเสบ

คนที่เป็นหลอดอาหารอักเสบจะมีอาการดังนี้: หากอาการนี้เกิดในเด็กเล็กจะทำให้กลืนนมลำบาก และหากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรปรึกษาแพทย์:
  • หายใจถี่ หรือเจ็บหน้าอก โดยเฉพาะหากเกิดอาการในช่วงเวลาที่ไม่ใช่มื้ออาหาร
  • มีอาการต่อเนื่องเกิน 2-3 วัน
  • อาการรุนแรงจนทำให้รู้สึกรับประทานอาหารลำบาก
  • ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อหรือมีไข้
หากมีอาการดังต่อไปนี้ ให้ไปพบแทพย์ทันที:
  • เจ็บหน้าอกนานเกิน 2-3 นาที โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีประวัติเกี่ยวกับโรคหัวใจความดันโลหิตสูง หรือโรคเบาหวาน
  • รู้สึกว่ามีอาหารติดอยู่ในหลอดอาหาร
  • ไม่สามารถดื่มน้ำได้เลยแม้แค่จิบเพียงเล็กน้อย

การรักษาหลอดอาหารอักเสบ

การรักษาหลอดอาหารอักเสบจะมีความแตกต่างตามสาเหตุของอาการ ซึ่งวิธีการรักษามีดังนี้:
  • ใช้ยาต้านไวรัส
  • ใช้ยาต้านเชื้อรา
  • ใช้ยาลดกรด
  • ใช้ยาแก้ปวด
  • ใช้ยาสเตียรอยด์ในช่องปาก
  • ใช้ยาที่มีฤทธิ์ขัดขวางการสร้างกรดในกระเพาะอาหาร (proton pump inhibitors)
หากแพ้อาหาร ต้องแน่ใจว่าไม่มีสิ่งที่ทำให้แพ้อยู่ในอาหารที่รับประทาน ซึ่งอาหารลำดับต้นๆ ที่คนส่วนใหญ่มักจะแพ้  มีดังต่อไปนี้:
  • นม
  • ถั่วเหลือง
  • ไข่
  • ข้าวสาลี
  • ถั่วลิสง 
  • ถั่วเปลือกแข็ง (tree nuts) – หมายถึงเมล็ด (nut) แห้งจากพืชยืนต้น ใช้บริโภคเป็นอาหารด้วยการคั่ว ทอด หรือนำมาใช้ประกอบเป็นส่วนหนึ่งของอาหาร เช่น อัลมอนด์ เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ เป็นต้น
  • อาหารทะเลเปลือกแข็ง
สามารถบรรเทาอาการหลอดอาหารอักเสบด้วยการหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เครื่องดื่มหรืออาหารที่เป็นกรด เช่น น้ำอัดลม อาหารแข็ง เคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืน หรือขอคำแนะนำเรื่องอาหารที่เหมาะสมจากแพทย์ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  หากพบว่าหลอดอาหารแคบเกินไปจนเป็นสาเหตุทำให้อาหารติดค้างในหลอดอาหาร อาจมีความจำเป็นต้องทำการขยายหลอดอาหาร หากอาการเหล่านี้ เป็นผลมาจากการใช้ยา เราควรต้องดื่มน้ำตามมากๆ เปลี่ยนมาใช้ยาชนิดน้ำแทนยาเม็ด หรือลองใช้ยาอื่นแทน และไม่ควรนอนหรือเอนลำตัวราบไปกับพื้นทันที ควรรอให้เกิน 30 นาที ภายหลังรับประทานยาชนิดเม็ด

การป้องกันหลอดอาหารอักเสบ

การป้องกันโรคหลอดอาหารเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนวิถีชีวิตบางอย่างและการหลีกเลี่ยงปัจจัยที่สามารถนำไปสู่การพัฒนาของโรคได้ หลอดอาหารอักเสบคืออาการอักเสบของหลอดอาหาร ซึ่งมักเกิดจากกรดไหลย้อน การติดเชื้อ หรือการระคายเคือง ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนที่คุณสามารถทำได้เพื่อช่วยป้องกันโรคหลอดอาหารอักเสบ:
  • ใส่ใจในอาหารที่รับประทาน:

      • หลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นกรดและเผ็ด: ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว มะเขือเทศ กาแฟ ช็อคโกแลต และอาหารรสเผ็ดสามารถกระตุ้นให้เกิดกรดไหลย้อนและทำให้หลอดอาหารระคายเคืองได้
      • จำกัดแอลกอฮอล์และคาเฟอีน: ทั้งสองอย่างสามารถทำให้เกิดกรดไหลย้อนและทำให้เยื่อบุหลอดอาหารระคายเคืองได้
      • ลดอาหารที่มีไขมัน: อาหารที่มีไขมันสูงสามารถผ่อนคลายกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนล่าง (LES) และทำให้กรดในกระเพาะอาหารไหลกลับเข้าสู่หลอดอาหาร
  • ทานอาหารมื้อเล็กๆ:

      • การรับประทานอาหารมื้อใหญ่ทำให้หลอดอาหารส่วนกลางทำงานหนัก และเพิ่มความเสี่ยงต่อกรดไหลย้อน เลือกทานอาหารมื้อเล็กๆ และบ่อยขึ้นเพื่อลดแรงกดดันต่อหลอดอาหาร
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารก่อนนอน:

      • พยายามทานอาหารให้เสร็จอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงก่อนนอนเพื่อให้ท้องว่างและลดโอกาสเกิดกรดไหลย้อนระหว่างการนอนหลับ
  • รักษาน้ำหนักให้แข็งแรง:

      • น้ำหนักที่มากเกินไป โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง สามารถสร้างแรงกดดันต่อกระเพาะอาหารและหลอดอาหารได้ ทำให้เกิดกรดไหลย้อนและหลอดอาหารอักเสบ
  • นอนหมอนสูง:

      • นอนหมอนสูงขึ้นประมาณ 6-8 นิ้วสามารถช่วยป้องกันกรดในกระเพาะไม่ให้ไหลกลับเข้าสู่หลอดอาหารในขณะที่คุณนอนหลับ
  • เลิกสูบบุหรี่:

      • การสูบบุหรี่อาจทำให้ LES อ่อนแอลงและทำให้เกิดกรดไหลย้อนได้ การเลิกสูบบุหรี่จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสุขภาพหลอดอาหารและความเป็นอยู่โดยรวมของคุณ
  • รักษาความชุ่มชื้น:

      • การดื่มน้ำให้เพียงพอสามารถช่วยรักษาการย่อยอาหารที่เหมาะสมและลดความเข้มข้นของกรดในกระเพาะอาหาร
  • จัดการความเครียด:

      • ความเครียดเรื้อรังอาจทำให้การผลิตกรดในกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้นและทำให้กรดไหลย้อนแย่ลง ฝึกเทคนิคการลดความเครียด เช่น การทำสมาธิ โยคะ หรือการหายใจเข้าลึกๆ
  • หลีกเลี่ยงเสื้อผ้ารัดรูป:

      • เสื้อผ้าที่รัดรูป โดยเฉพาะบริเวณรอบเอว สามารถสร้างแรงกดดันต่อกระเพาะอาหารและหลอดอาหารได้ และเพิ่มความเสี่ยงต่อกรดไหลย้อน
  • การจัดการยา:

      • หากคุณใช้ยาที่ทำให้เกิดกรดไหลย้อนหรือทำให้กรดไหลย้อนแย่ลง (เช่น ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์หรือยาคลายกล้ามเนื้อบางชนิด) ให้ปรึกษาทางเลือกอื่นกับแพทย์
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้อาการแย่ลง:

      • ติดตามอาหารและเครื่องดื่มที่ดูเหมือนจะกระตุ้นให้เกิดอาการของคุณและหลีกเลี่ยง
  • เคี้ยวอาหารให้ละเอียด:

    • การเคี้ยวอาหารให้ละเอียดช่วยในการย่อยอาหารและลดภาระงานในกระเพาะอาหาร
หากคุณมีอาการกรดไหลย้อนหรือหลอดอาหารอักเสบอย่างต่อเนื่อง สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ พวกเขาสามารถให้คำแนะนำส่วนบุคคลและแนะนำการรักษาที่เหมาะสมโดยขึ้นอยู่กับสภาพของคุณ

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

  • https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/esophagitis/symptoms-causes/syc-20361224
  • https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/esophagitis/diagnosis-treatment/drc-20361264
  • https://www.webmd.com/digestive-disorders/esophagitis

เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team

แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด