ความเข้าใจเกี่ยวกับอิเล็กโทรไลต์
อิเล็กโทรไลต์ Electrolyte คือแร่ธาตุและสารประกอบที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในร่างกาย สารอิเล็กโทรไลต์จะช่วยควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ เรารู้จักอิเล็กโทรไลต์กันดีในชื่อของ เกลือแร่ ตัวอย่างของอิเล็กโทรไลต์รวมไปถึง- แคลเซียม
- คลอไรด์
- แมกนีเซียม
- ฟอสเฟต
- โปแตสเซียม
- โซเดียม
อาการภาวะอิเล็กโทรไลต์ผิดปกติ
ภาวะอิเล็กโทรไลต์ผิดปกติชนิดไม่รุนแรงอาจไม่มีอาการใดๆ โรคจะไม่สามารถหาเจอจนกว่าจะถูกเจอได้ในระหว่างการตรวจเลือดเป็นประจำ อาการมักเริ่มปรากฏเมื่อมีอาการรุนแรงมากขึ้น อาการของภาวะอิเล็กโทรไลต์ผิดปกติทั่วๆไปที่พบคือ:- หัวใจเต้นผิดปกติ
- อัตราหัวใจเต้นเร็ว
- อ่อนเพลีย
- เซื่องซึม
- ชักกระตุกหรือชัก
- คลื่นไส้
- อาเจียน
- ท้องเสียหรือท้องผูก
- ปวดท้องเกร็ง
- กล้ามเนื้อเกร็ง
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- หงุดหงิด
- สับสน
- ปวดศีรษะ
- ชาและเจ็บแปลบ
สาเหตุของอาการภาวะอิเล็กโทรไลต์ผิดปกติ
ภาวะอิเล็กโทรไลต์ผิดปกติส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นเพราะร่างกายสูญเสียน้ำผ่าการอาเจียนที่ยาวนาน ท้องเสียหรือเหงื่อออก โรคบางชนิดก็สามารถเป็นสาเหตุของภาวะอิเล็กโทรไลต์ผิดปกติได้ ในบางกรณี บางโรคเช่นโรคไตเรื้อรังหรือฉับพลันก็อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุ สาเหตุจริงๆขึ้นอยู่กับชนิดของภาวะอิเล็กโทรไลต์ผิดปกติชนิดของภาวะอิเล็กโทรไลต์ผิดปกติ
ระดับอิเล็กโทรไลต์สูงเป็นเรียกว่า “ไฮเปอร์-” ระดับอิเล็กโทรไลต์พร่องจะเรียกว่า “ไฮโป-”:- แคลเซียม: Hypercalcemia และ Hypocalcemia
- คลอไรด์: Hyperchloremia และ Hypochloremia
- แมกนีเซียม: Hypermagnesemia และ Hypomagnesemia
- ฟอสเฟต: Hyperphosphatemia หรือ Hypophosphatemia
- โปแตสเซียม: Hyperkalemia และ Hypokalemia
- โซเดียม: Hypernatremia และ Hyponatremia
แคลเซียม
แคลเซียม คือ แร่ธาตที่จำเป็นที่ร่างกายใช้เพื่อรักษาความดันเลือดให้คงที่และควบคุมการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อโครงร่าง แคลเซียมใช้เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและฟัน Hypercalcemia ภาวะแคลเซียมในเลือดสูงเกิดขึ้นเมื่อมีแคลเซียมในเลือดมากเกินไป ซึ่งมักมีสาเหตุมาจาก:- โรคไต
- ไทรอยด์ผิดปกติ ซึ่งรวมถึง ภาวะฮอร์โมนพาราไทรอยด์สูง
- โรคปอด เช่น วัณโรคหรือโรคซาร์คอยโดซิส
- โรคมะเร็งบางชนิด รวมถึงมะเร็งปอดและมะเร็งหน้าอก
- การใช้ยาลดกรด แคลเซียมหรือแาหารเสริมวิตามินดีมากเกินไป
- ยาบางชนิดเช่น ลิเทียม ทีโอฟิลลีน หรือยาขับน้ำบางชนิด
- ไตวาย
- ภาวะฮอร์โมนพาราไทรอยด์ต่ำ
- พร่องวิตามินดี
- โรคตับอ่อนอักเสบ
- มะเร็งต่อมลูกหมาก
- ภาวะย่อยอาหารผิดปกติ
- ยาบางชนิดเช่น เฮพาริน ยาโรคกระดูกพรุนและยากันชัก
คลอไรด์
คลอไรด์คือสิ่งจำเป็นในการรักษาสมดุลของเหลวในร่างกายให้มีความเหมาะสม Hyperchloremia ภาวะเลือดเป็นกรดคลอดไรด์ เกิดขึ้นเมื่อมีคลอไรด์ในร่างกายมากเกินไป สามารถเกิดขึ้นเป็นผลมาจาก:- ภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรง
- ไตวาย
- การล้างไต
- โรคซิสติด ไฟโบรซิส
- การรับประทานผิดปกติ เช่น โรคอะเร็กนอเซีย
- หิษจากแมลงป่องกัด
- ไตวายฉับพลัน
แมกนีเซียม
แมกนีเซียมคือแร่ธาตุที่สำคัญที่ช่วยควบคุมการทำงานที่สำคัญ เช่น:- การหดตัวของกล้ามเนื้อ
- จังหวะการเต้นของหัวใจ
- การทำงานของประสาท
- การใช้แอลกอฮอล์ที่ผิดปกติ
- ภาวะทุพโภชนาการ
- ภาวะย่อยอาหารผิดปกติ
- ท้องเสียเรื้อรัง
- เหงื่อออกมากเกินไป
- หัวใจวาย
- ยาบางชนิด รวมถึงยาขับปัสสาวะและยาปฏิชีวนะ
ฟอสเฟต
ไต กระดูกและลำไส้ทำงานเพื่อรักษาระดับฟอสเฟตให้มีความสมดุลในร่างกาย ฟอสเฟตมีความจำเป็นในวงกว้างสำหรับการทำงานและมีผลต่อแคลเซียม Hyperphosphatemia ภาวะฟอสฟอรัสในเลือดสูงเกิดขึ้นเพราะ:- มีระดับแคลเซียมต่ำ
- โรคไตเรื้อรัง
- หายใจลำบากขั้นรุนแรง
- ต่อมพาราไทรอยด์ไม่ทำงาน
- กล้ามเนื้อบาดเจ็บรุนแรง
- ภาวะ Tumor lysis syndrome เป็นภาวะแทรกซ้อนจากการรักษาโรคมะเร็ง
- การใช้ยาระบายที่มีฟอสเฟตเป็นส่วนประกอบมากเกินไป
- ติดแอลกอฮอล์ฉับพลัน
- แผลไฟไหม้รุนแรง
- อดอยาก
- ภาวะพร่องวิตามินดี
- ต่อมพาราไทรอยด์ทำงานมากเกินไป
- ยาบางชนิด เช่นการรักษาภาวะขาดเหล็กด้วยการฉีดเข้าหลอดเลือดดำ ไนอาซิน (Niacor, Niaspan) และแอนตาซิดบางชนิด
โพแทสเซียม
โพแทสเซียมคือส่วนสำคัญสำหรับควบคุมการทำงานของหัวใจ อีกทั้งยังช่วยรักษาความแข็งแรงของประสาทและกล้ามเนื้อ Hyperkalemia ภาวะโพแทสเซียมสูงอาจเกิดขึ้นเพราะระดับโปแตสเซียมสูง เป็นภาวะที่อาจทำให้เสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและไม่รับการรักษา สิ่งกระตุ้นคือ:- ภาวะขาดน้ำรุนแรง
- ไตวาย
- เลือดเป็นกรดรุนแรง ซึ่งรวมถึงภาวะเลือดเป็นกรด
- ยาบางชนิด รวมถึงยาความดันเลือดและยาขับปัสสาวะ
- ภาวะต่อมหมวกไตบกพร่อง ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อระดับคอร์ติซอลต่ำเกินไป
- การรับประทานอาหารที่ผิดปกติ
- อาเจียนหรือท้องเสียรุนแรง
- ภาวะขาดน้ำ
- ยาบางชนิด รวมถึงยาระบาย ยาขับปัสสาวะและคอร์ติโคสเตียรอยด์
โซเดียม
โซเดียมคือสิ่งที่จำเป็นสำหรับร่างกายในการรักษาสมดุลของเหลวและเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทพชำงานของร่างกายที่ปกติ อีกทั้งยังช่วยควบคุมการทำงานของประสาทและการหดตัวของกล้ามเนื้อ Hypernatremia ภาวะโซเดียมในเลือดสูง เกิดขึ้นเมื่อมีโซเดียมในเลือดมากเกินไป ระดับโซเดียมที่สูงผิดปกติอาจเกิดจาก:- การบริโภคน้ำที่ไม่เพียงพอ
- ภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรง
- การสูญเสียของเหลวในร่างกายมากเกินไปเป็นผลมาจากการอาเจียนมาก ท้องเสีย เหงื่อออกหรือมีอาการป่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
- ยาบางชนิดรวมไปถึง คอร์ติโคสเตียรอยด์
- การสูญเสียของเหลวมากเกินไปผ่านทางผิวจากเหงื่อหรือการเผาไหม้
- อาเจียนหรือท้องเสีย
- โภชนาการที่ไม่ดี
- การใช้แอลกอฮอล์ที่ผิดปกติ
- ภาวะการดื่มน้ำมากเกินไป
- ไทรอยด์ ไฮโปทาลามัสหรือต่อมหมวกไตผิดปกติ
- ตับ หัวใจหรือไตวาย
- ยาบางชนิด รวมถึงยาขับปัสสาวะและยากันชัก
- กลุ่มอาการของการหลั่งฮอร์โฒนต้านการขับปัสสาวะไม่เหมาะสม
การวินิจฉัยภาวะอิเล็กโทรไลต์ผิดปกติ
การตรวจเลือดทั่วไปสามารถตรวจวัดระดับอิเล็กโทรไลต์ในร่างกาย การตรวจเลือดนี้เพื่อดูการทำงานของไตคือสิ่งที่สำคัญ แพทย์อาจต้องการตรวจร่างกายหรือตรสจพิเศษเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นภาวะอิเล็กโทรไลต์หรือไม่ การตรวจจะขึ้นอยู่กับสภาพของร่างกาย ยกตัวอย่างเช่น ภาวะโซเดียมมากเกินไปสามารถเป็นสาเหตุทำให้สูญเสียความยืดหยุ่นในผิวได้เพราะมีภาวะขาดน้ำอย่างเห็นได้ชัด แพทย์อาจสั่งตรวจการยืดหยุ่นหัวนมเพื่อประเมินภาวะขาดน้ำที่ส่งผลกระทบ แพทย์อาจตรวจปฏิกิริยาโต้ตอบ การเพิ่มหรือลดของระดับอิเล็กโทรไลต์สามารถส่งผลต่อปฏิกิริยาตอบโต้ของร่างกายการรักษาภาวะอิเล็กโทรไลต์ผิดปกติ
การรักษาขึ้นอยู่กับชนิดของอิเล็กโทรไลต์ผิดปกติและภาวะที่ทำให้เกิด โดยทั่วไปแล้วการรักษามักเป็นการปรับคืนความสมดุลของแร่ธาตุในร่างกายให้มีความเหมาะสม ซึ่งทำได้โดย:การให้สารเหลวผ่านหลอดเลือดดำ
การให้สารเหลวผ่านหลอดเลือดดำ โซเดียมคลอไรด์จะสามารถช่วยคืนน้ำให้ร่างกาย การรักษานี้มักใช้ในกรณีภาวะขาดน้ำที่เป็นผลมาจากการอาเจียนหรือท้องเสีย อาหารเสริมอิเล็กโทรไลต์สามารถเติมผ่านของเหลวที่ฉีดเข้าร่างกายเพื่อแก้ไขภาวะพร่องได้การให้ยาบางชนิดผ่านทางหลอดเลือดดำ
การให้ยาผ่านทางหลอดเลือดดำสามารถช่วยคืนความสมดุลของอิเล็กโทรไลต์ได้อย่างรวดเร็ว สามารถป้องกันผลกระทบด้านลบในขณะที่เริ่มรักษาด้วยวิธีอื่นๆ ยาที่ได้รับจะขึ้นอยู่กับภาวะอิเล็กโทรไลต์ผิดปกติที่เป็น ยาอาจรวมถึง แคลเซียมกลูโคเนต แมกนีเซียม คลอไรด์ และโพแตสเซียม คลอไรด์ยาชนิดรับประทานและอาหารเสริม
ยาชนิดรับประทานและอาหารเสริมมักถูกนำมาใช้เพื่อแก้ไขแร่ธาตุผิดปกติเรื้อรังในร่างกาย ขึ้นอยู่กับชนิดของอิเล็กโทรไลต์ผิดปกติที่มี อาจได้รับยาหรืออาหารเสริมเช่น:- แคลเซียม กลูโคเนต คาร์บอเนต ไซเตรทหรือแลคเตท
- แมกนีเซียม ออกไซด์
- โปแตสเซียม คลอไรด์
- ยาจับฟอสเฟต ซึ่งรวมถึง เซเวลาเมอร์ ไฮโดรคลอไรด์ (Renagel) แลนทานัม (ฟอสเรนอล)และการรักษาด้วยแคลเซียม เช่น แคลเซียม คาร์บอเนต
การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
กาารฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมคือชนิดของการฟอดเลือดที่ใช้เครื่องเพื่อกำจัดของเสียออกจากเลือด เป็นทางเดียวเพื่อนำเอาเลือดไปหมุนเวียนในเครื่องไตเทียมคือแพทย์จะผ่าตัดสร้างเส้นฟอกเลือดหรือจุดทางเข้าเพื่อต่อเข้ากับหลอดเลือด จุดทางเข้านี้จะเป็นจุดให้เลือดไหลผ่านร่างกายในระหว่างการรักษาด้วยการฟอกเลือด ซึ่งหมายความว่าจะได้เลือดที่มีผ่านการกรองและบริสุทธิ์มากกว่า การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมสามารถนำมาใช้เมื่อภาวะอิเล็กโ?รไลต์ผิดปกติที่มีสาเหตุมาจาดไตเสียหายฉับพลันและการรักษาชนิดอื่นๆไม่ได้ผล แพทย์จะตัดสินใจฝช้วิธีการรักษาด้วยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมก็ต่อเมื่ออิเล็กโทรไลต์มีปัญหาที่อาจทำให้เสียชีวิตได้ความเสี่ยงของภาวะอิเล็กโทรไลต์
ทุกคนที่มีภาวะอิเล็กโทรไลต์ผิดปกติ บางคนจะมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นเพราะโรคประจำตัว ภาวะที่เพิ่มความเสี่ยงสำหรับอิเล็กโทรไลต์ผิดปกติคือ:- การใช้แอลกอฮอล์ผิดปกติ
- ตับแข็ง
- ภาวะหัวใจล้มเหลว
- โรคไต
- การรับประทานผิดปกติ เชานอะนอเร็กเซียและบูลิเมีย
- การบาดเจ็บ เช่นแผลไฟไหม้รุนแรง หรือกระดูกแตกหัก
- ไทรอยด์ผิดปกติ
- ต่อมหมวกไตผิดปกติ
การป้องกันภาวะอิเล็กโทรไลต์ผิดปกติ
ปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อช่วยป้องกันภาวะอิเล็กโทรไลต์ผิดปกติได้ดังตอไปนี้:- พยายามอย่าขาดน้ำหากมีอาการอาเจียนนานๆ ท้องเสียหรือเหงื่อออก
- ไปพบแพทย์หากมีอาการของอิเล็กโทรไลต์ผิดปกติ
โภชนาการที่สำคัญเมื่ออิเล็กโทรไลต์ผิดปกติ
ความผิดปกติของอิเล็กโทรไลต์เกี่ยวข้องกับความไม่สมดุลของระดับแร่ธาตุที่จำเป็นหรืออิเล็กโทรไลต์ในร่างกาย อิเล็กโทรไลต์ทั่วไป ได้แก่ โซเดียม โพแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม คลอไรด์ ฟอสเฟต และไบคาร์บอเนต โภชนาการที่เหมาะสมมีบทบาทสำคัญในการจัดการความผิดปกติของอิเล็กโทรไลต์ อย่างไรก็ตาม คำแนะนำด้านอาหารอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดและสาเหตุของความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์ ต่อไปนี้เป็นแนวทางทั่วไปในการจัดการโภชนาการในบริบทของความผิดปกติของอิเล็กโทรไลต์ทั่วไป:ภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ (ระดับโซเดียมต่ำ):
- ข้อจำกัดของของเหลว:
-
-
- ในกรณีที่ภาวะโซเดียมในเลือดต่ำซึ่งมีระดับโซเดียมต่ำ อาจจำเป็นต้องจำกัดปริมาณของเหลว ซึ่งจะช่วยป้องกันการเจือจางโซเดียมในร่างกายอีกต่อไป
-
- อาหารที่อุดมด้วยโซเดียม:
-
-
- การบริโภคอาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น เกลือแกง น้ำซุป ผักดอง มะกอก และอาหารแปรรูป อย่างไรก็ตาม อาหารควรมีความสมดุล และควรหลีกเลี่ยงการบริโภคโซเดียมมากเกินไป
-
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ:
-
- จำกัดการบริโภคอาหารที่มีน้ำมาก เช่น แตงโมและแตงกวา เนื่องจากอาหารเหล่านี้จะส่งผลต่อการบริโภคของเหลวโดยรวม
ภาวะโซเดียมในเลือดสูง (ระดับโซเดียมสูง):
- ความชุ่มชื้น:
-
-
- ในกรณีของภาวะโซเดียมในเลือดสูง ปริมาณของเหลวที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะน้ำ ถือเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยลดความเข้มข้นของโซเดียม อย่างไรก็ตามอัตราการเปลี่ยนของเหลวควรค่อยเป็นค่อยไปเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน
-
- อาหารโซเดียมต่ำ:
-
- ลดการบริโภคอาหารโซเดียมสูง เช่น อาหารแปรรูป ซุปกระป๋อง และของขบเคี้ยวที่มีรสเค็ม
ภาวะโพแทสเซียมต่ำ (ระดับโพแทสเซียมต่ำ):
- อาหารที่อุดมด้วยโพแทสเซียม:
-
-
- รับประทานอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น กล้วย ส้ม มะเขือเทศ มันฝรั่ง ผักใบเขียว และโยเกิร์ต อย่างไรก็ตาม อาจจำเป็นต้องจำกัดโพแทสเซียมในอาหารตามเงื่อนไขทางการแพทย์บางประการ
-
- หากต้องจำกัดอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง:
-
- ในกรณีที่จำเป็นต้องจำกัดโพแทสเซียม ให้จำกัดอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น กล้วย ส้ม มะเขือเทศ และผลิตภัณฑ์ทดแทนเกลือที่มีโพแทสเซียมสูง
ภาวะโพแทสเซียมสูง (ระดับโพแทสเซียมสูง):
- อาหารโพแทสเซียมต่ำ:
-
-
- ปฏิบัติตามอาหารที่มีโพแทสเซียมต่ำโดยหลีกเลี่ยงอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น กล้วย ส้ม มะเขือเทศ มันฝรั่ง และอาหารทดแทนเกลือ
-
ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ (ระดับแคลเซียมต่ำ):
- อาหารที่อุดมด้วยแคลเซียม:
-
-
- เพิ่มการบริโภคอาหารที่อุดมด้วยแคลเซียม รวมถึงผลิตภัณฑ์จากนม ผักใบเขียว อัลมอนด์ และอาหารเสริม
-
- วิตามินดี:
-
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้รับวิตามินดีเพียงพอซึ่งจำเป็นต่อการดูดซึมแคลเซียม แหล่งที่มา ได้แก่ แสงแดด ปลาที่มีไขมัน และอาหารเสริมวิตามินดี
แคลเซียมในเลือดสูง (ระดับแคลเซียมสูง):
- ความชุ่มชื้น:
-
-
- การให้น้ำที่เพียงพอสามารถช่วยส่งเสริมการขับแคลเซียมในปัสสาวะ ส่งเสริมการบริโภคของเหลวเว้นแต่มีข้อห้าม
-
- จำกัดอาหารที่มีแคลเซียมสูง:
-
- จำกัดการบริโภคอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น ผลิตภัณฑ์จากนม อาหารเสริม และปลาบางชนิด
ภาวะแมกนีเซียมในเลือดต่ำ (ระดับแมกนีเซียมต่ำ):
- อาหารที่อุดมด้วยแมกนีเซียม:
-
-
- รวมอาหารที่อุดมด้วยแมกนีเซียมในอาหาร เช่น ถั่ว ธัญพืชไม่ขัดสี ผักใบเขียว และพืชตระกูลถั่ว
-
- การเสริมแมกนีเซียม:
-
- ในกรณีที่รุนแรง อาจจำเป็นต้องเสริมแมกนีเซียมภายใต้การดูแลของแพทย์
ภาวะแมกนีเซียมในเลือดสูง (ระดับแมกนีเซียมสูง):
- จำกัดอาหารที่อุดมด้วยแมกนีเซียม:
-
-
- จำกัดการบริโภคอาหารที่อุดมด้วยแมกนีเซียม เช่น ถั่ว ธัญพืชไม่ขัดสี และปลาบางชนิด
-
- ความชุ่มชื้น:
-
- การให้น้ำที่เพียงพอสามารถช่วยส่งเสริมการขับแมกนีเซียมในปัสสาวะ
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น