ภาวะกล้ามเนื้อบิด (Dystonia) คือ การหดตัวของกล้ามเนื้อโดยไม่ตั้งใจ ทำให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหวช้า และซ้ำ ๆ โดยสามารถทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้
-
ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายของคุณเกิดการบิด
-
เคลื่อนไหวด้วยท่าทางผิดปกติ
โดยอวัยวะที่มักจะเกิดอาการกล้ามเนื้อเกร็ง ได้แก่ ศีรษะ คอ ลำตัว และแขนขา ภาวะนี้ไม่รุนแรง แต่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต
อาการของภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง
ภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็งจะแสดงอาการต่างๆ ดังนี้
-
เริ่มจากส่วนใดส่วนหนึ่ง อาจจะอาการเกร็งแขนขา หรือลำคอ ในบางครั้งอาจจะมีอาการเกร็งทั้งตัวร่วมด้วย
-
เกิดขึ้นระหว่างทำกิจกรรมบางอย่าง เช่น เขียนหนังสือ
-
อาการจะชัดเจนขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
ประเภทของภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง
ภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็งแบ่งเป็น 3 ประเภทหลัก
-
ภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็งที่เกิดบางส่วนของร่างกาย
-
ภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็งที่เกิดเกือบจะทั้งหมดของร่างกาย
-
ภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็งที่เกิดสองส่วนของร่างกายในบริเวณใกล้เคียงกัน
สาเหตุของภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง
สาเหตุของภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็งยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่ทางแพทย์คาดว่าอาจจะมาจากพันธุกรรม หรือความผิดปกติบางสิ่งของสมอง
- โรคไข้สมองอักเสบ
- สมองพิการ
- โรคพาร์กินสัน
- โรคฮันติงตัน
- โรควิลสัน
- วัณโรค
- สมองได้รับบาดเจ็บ
- โรคหลอดเลือดสมอง
- เนื้องอกในสมอง
- การได้รับบาดเจ็บทางสมองระหว่างการคลอด
- ได้รับสารพิษคาร์บอนมอนอกไซด์
- ได้รับสารพิษโลหะหนัก
- สาเหตุอื่นๆ ที่เชื่อว่าสามารถทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็งได้คือ :
- ผลข้างเคียงจากการใช้ยารักษาบางชนิด
- เนื้อเยื่อหรืออวัยวะสำคัญขาดออกซิเจน
- การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
- การสื่อสารระหว่างเซลล์สมองผิดพลาด
การวินิจฉัยภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง
ภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็งเป็นภาวะเรื้อรัง คุณจำเป็นต้องพบแพทย์หากมีอาการดังต่อไปนี้:- ภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็งไม่มีสาเหตุ
- ภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็งที่แย่มากขึ้นเรื่อยๆ
- มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยกับภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง
การรักษาภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง
ยังไม่มีการรักษาภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็งโดยเฉพาะ แต่ยา และการบำบัดอย่างสามารถจัดการกับอาการได้ การฉีดโบท็อกซ์ (Botox) การฉีดโบท็อกซ์บริเวณกล้ามเนื้อที่มีปัญหา สามารถช่วยแก้ไขได้ โดยต้องฉีดทุกๆ 2-3 เดือน และมีผลข้างเคียงคือ อาการปากแห้ง เสียงที่เปลี่ยน ฯลฯ ยาชนิดรับประทาน ยากลุ่ม โดพามีน สามารถช่วยในเรื่องของการสื่อสารของเซลล์สมอง และทำให้สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น กายภาพบำบัด การนวด หรือการออกกำลังกายเบาๆ สามารถช่วยให้อาการดีขึ้นได้ การบำบัดทางเลือก การบำบัดทางเลือกที่สามารถช่วยผ่อนคลายอาการกล้ามเนื้อบิดเกร็งมีดังนี้- การฝังเข็ม
- โยคะที่ควบคุมลมหายใจ และทำสมาธิ
- บำบัดด้วยกระแสไฟฟ้ากระตุ้น
อาการแทรกซ้อนที่จะเกิดร่วมกับภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง
- ภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็งทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนเหล่านี้
- ความผิดปกติทางกายภาพ
- ความพิการ
- ศีรษะอยู่ในตำแหน่งผิดปกติ
- มีปัญหาในการกลืนอาหาร
- มีปัญหาในการพูด
- มีปัญหาในการเคลื่อนไหวของกราม
- เจ็บปวด
- เหนื่อยล้า
เทคนิคแก้ปัญหาภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็งด้วยธรรมชาติ
ภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง เป็นโรคทางระบบประสาทที่มีลักษณะการหดตัวของกล้ามเนื้อโดยไม่สมัครใจ ซึ่งทำให้เกิดการเคลื่อนไหวซ้ำๆ หรือบิดตัว และท่าทางที่ผิดปกติ สิ่งสำคัญที่ควรทราบก็คือ แม้ว่าจะไม่มีวิธีรักษาแบบธรรมชาติที่สามารถรักษา แต่แนวทางเสริมบางวิธีอาจช่วยจัดการกับอาการและปรับปรุงความเป็นอยู่โดยรวมได้ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพทุกครั้งก่อนที่จะพยายามรักษาด้วยวิธีธรรมชาติ เนื่องจากการรักษาภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็งควรได้รับการดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ต่อไปนี้เป็นวิธีการรักษาตามธรรมชาติและการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตที่อาจช่วยได้:-
การเปลี่ยนแปลงด้านอาหาร:
-
-
- พิจารณารับประทานอาหารต้านการอักเสบ: คนที่เป็นภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็งบางคนรายงานว่าอาการดีขึ้นเมื่อรับประทานอาหารต้านการอักเสบที่อุดมไปด้วยผักผลไม้ เมล็ดธัญพืช และไขมันที่ดีต่อสุขภาพ การลดอาหารแปรรูปและน้ำตาลอาจช่วยได้
- รักษาร่างกายให้ชุ่มชื้น: ภาวะขาดน้ำอาจทำให้กล้ามเนื้อเป็นตะคริวและการหดตัวมากขึ้น ดังนั้นควรดื่มน้ำให้เพียงพอตลอดทั้งวัน
-
-
อาหารเสริม:
-
-
- ผู้ป่วยภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็งบางรายอาจรู้สึกโล่งใจได้ด้วยอาหารเสริมบางชนิด เช่น แมกนีเซียม ซึ่งสามารถช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้ อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาเรื่องอาหารเสริมกับแพทย์
-
-
กายภาพบำบัด:
-
-
- กายภาพบำบัดสามารถช่วยปรับปรุงความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ความยืดหยุ่น และท่าทาง ซึ่งอาจลดความรุนแรงของการเคลื่อนไหวผิดปกติได้ นักกายภาพบำบัดสามารถออกกำลังกายและยืดเหยียดได้ตามความต้องการของคุณ
-
-
โยคะและการยืดกล้ามเนื้อ:
-
-
- การฝึกโยคะและการยืดกล้ามเนื้อสามารถช่วยปรับปรุงความยืดหยุ่น ความสมดุล และการผ่อนคลายได้ ท่าโยคะเบาๆ อาจมีประโยชน์อย่างยิ่ง
-
-
การลดความเครียด:
-
-
- ความเครียดอาจทำให้อาการดีสโทเนียรุนแรงขึ้น การปฏิบัติต่างๆ เช่น การทำสมาธิ การหายใจลึกๆ และการเจริญสติ สามารถช่วยจัดการกับความเครียดและส่งเสริมการผ่อนคลายได้
-
-
การฝังเข็มและการนวด:
-
-
- บุคคลบางคนที่เป็นภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็งรายงานการบรรเทาอาการชั่วคราวผ่านการฝังเข็มหรือการนวดบำบัด การบำบัดเหล่านี้สามารถช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงได้
-
-
ข้อเสนอแนะทางชีวภาพ:
-
-
- เทคนิค biofeedback อาจช่วยให้บุคคลสามารถควบคุมความตึงเครียดของกล้ามเนื้อและปรับปรุงการรับรู้ถึงความรู้สึกของร่างกายได้
-
-
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและพฤกษศาสตร์:
-
-
- บางคนสำรวจอาหารเสริมหรือพฤกษศาสตร์ เช่น ขมิ้นหรือแปะก๊วยสำหรับคุณสมบัติต้านการอักเสบและป้องกันระบบประสาทที่อาจเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนการใช้ดีสโทเนียนั้นมีจำกัด และควรปรึกษาเรื่องความปลอดภัยกับผู้ให้บริการด้านการแพทย์
-
-
การปฏิบัติกายและใจ:
-
-
- การปฏิบัติเช่นไทเก๊กหรือชี่กงสามารถส่งเสริมการผ่อนคลาย เพิ่มความสมดุล และเพิ่มความเป็นอยู่โดยรวมได้
-
-
การบำบัดด้วยความร้อนและความเย็น:
-
- การประคบร้อนหรือประคบเย็นบนกล้ามเนื้อที่ได้รับผลกระทบอาจช่วยบรรเทาอาการกระตุกและปวดของกล้ามเนื้อได้ชั่วคราว
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
-
https://www.webmd.com/brain/dystonia-causes-types-symptoms-and-treatments
-
https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/dystonia/symptoms-causes/syc-20350480
-
https://www.ninds.nih.gov/disorders/patient-caregiver-education/fact-sheets/dystonias-fact-sheet
-
https://www.nhs.uk/conditions/dystonia/
เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team