ผื่นแพ้ยา (Drug Rash) : อาการ สาเหตุ การรักษา

อะไรคือผื่นแพ้ยา?

ผื่นแพ้ยา (Drug Rash) คือ ปฏิกิริยาที่ผิวหนังแสดงอาการแพ้ต่อยา ยาเกือบทุกชนิดสามารถทำให้เกิดผื่นแพ้ได้ กลุ่มยาที่สร้างอาการแพ้บ่อยที่สุดได้แก่ ยาปฏิชีวนะ (โดยเฉพาะยากลุ่มเพนิซิลลินและยาซัลฟา) NSAIDs และยาต้านการชัก Drug Rash

สาเหตุของผื่นแพ้ยา

ผื่นแพ้ยาเกิดได้จากหลายสาเหตุ
  • ยานั้นๆ เป็นสารก่อภูมิแพ้
  • การสะสมของยาที่ทำให้เกิดความเป็นพิษต่อผิวหนัง
  • ยาทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น
  • ปฏิกิริยาของยาสองตัวขึ้นไป
บางครั้งผื่นจากยาอาจเกิดขึ้นเองโดยไม่มีสาเหตุ ปัจจัยบางอย่างอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผื่นจากยาเช่น อายุมากขึ้น หรือเพศ ปัจจัยเที่เพิ่มความเสี่ยงอื่นๆ ได้แก่
  • การติดเชื้อไวรัส และการรับประทานยาปฏิชีวนะ
  • ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เนื่องจากยา
  • โรคมะเร็ง

อาการผื่นแพ้ยา

ลักษณะผื่นยาส่วนใหญ่มักจะปรากฏในร่างกายทั้งด้านซ้ายและด้านขวาในลักษณะสมมาตร ผื่นแพ้จากยาไม่มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการอื่นๆ นอกจากอาการคัน หรือเจ็บเล็กน้อย โดยปกติแล้วเราสามารถแยกผื่นทั่วไปกับผื่นแพ้ยาออกจากกันได้ เนื่องจากผื่นแพ้ยามักจะเกิดหลังจากการเริ่มใช้ยาใหม่ๆ โดยอาจเกิดภายหลังการใช้ยาไปแล้ว 2 สัปดาห์ก็ตาม ผื่นมักจะหายไปเมื่อคุณหยุดใช้ยา

ผื่นแพ้จำนวนมาก

เป็นลักษณะผื่นแพ้ยาที่พบบ่อยที่สุดคิดเป็นประมาณ 90 % ของผู้ป่วย มีรอยแผลเล็ก ๆ บนผิวหนังที่แดง โดยผื่นสามารถนูนหรือแบน และอาจจะผุพองเป็นหนองได้ ยาที่ทำให้เกิดผื่นแพ้จำนวนมากได้แก่
  • เพนิซิลลิน
  • ซัลฟา
  • เซฟาโลสปอริน
  • ยาต้านอาการชัก
  • อัลโลพูรินอล

ผื่นลมพิษ

อาการผื่นแพ้ยาแบบลมพิษเป็นผื่นจากยาที่พบบ่อยรองลงมากจากผื่นแพ้ยาแบบแรก มีลักษณะเป็นตุ่มเล็ก ๆ สีแดงซีดอาจทำให้เกิดรอยที่ใหญ่ขึ้นได้ โดยผื่นลมพิษมักจะคันมาก ยาที่เป็นสาเหตุของผื่นลมพิษได้แก่
  • ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs)
  • ยายับยั้ง ACE
  • ยาปฏิชีวนะโดยเฉพาะเพนิซิลลิน
  • ยาชาทั่วไป

ผิวไหม้

ยาบางชนิดสามารถทำให้ผิวของคุณไวต่อแสงอัลตราไวโอเลตเป็นพิเศษ ส่งผลให้เกิดผิวไหม้ได้ง่ายหากไม่ได้รับการป้องกันที่ถูกต้องเมื่อได้รับแสงแดด  ยาที่ทำให้ผิวไวต่อแสง ได้แก่
  • ยาปฏิชีวนะบางชนิดรวมถึงเตตราไซคลีน
  • ยาซัลฟา
  • ยาต้านเชื้อรา
  • ยาแก้แพ้
  • Retinoids เช่น Isotretinoin
  • ยาสแตติน
  • ยาขับปัสสาวะ
  • ยา NSAID บางตัว

ผื่นแพ้ทั่วร่างกาย

ผื่นแพ้ประเภทนี้ทำให้ผิวหนังเกือบทั้งหมดคันและแดง ผิวหนังจะตกสะเก็ดและแดง แสบร้อนเมื่อสัมผัส 1ยาที่สามารถทำให้เกิดผื่นแพ้ทั่วร่างกายได้แก่
  • ยาซัลฟา
  • ยาเพนิซิลลิน
  • ยาต้านอาการชัก
  • ยาคลอโรฟอร์ม
  • ยาอัลโลพูรินอล
  • ยาไอโซเนียซิด 
ภาวะสุขภาพที่สามารถทำให้เกิดผื่นแดงได้แก่

สตีเว่น จอห์นสัน ซินโดรม (SJS) และผื่นแพ้ยาชนิดรุนแรงมาก(TEN)

SJS และ TEN มีอาการคล้างคลึงกันแต่มีความแตกต่างกันเล็กน้อยดังนี้
  • SJS เกิดขึ้นน้อยกว่า 10% ของพื้นที่ร่างกาย
  • TEN เกิดมากกว่า 30% ของพื้นที่ร่างกาย
SJS และ TEN ทำให้มีรอยแผลขนาดใหญ่ และเจ็บปวด สามารถทำให้ผิวหนังชั้นนอกหลุดออกไป และกลายเป็นแผลเปิดที่สร้างความเจ็บปวดได้ ยาที่สามารถทำให้เกิดอาการนี้ได้แก่
  • ยาซัลฟา
  • ยาต้านอาการชัก
  • ยา NSAID บางตัว
  • ยาอัลโลพูรินอล
  • ยาเนวิราพีน
SJS และ TEN เป็นปฏิกิริยาร้ายแรงที่เป็นอันตรายถึงชีวิต ถือเป็นเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ต้องได้รับการรักษาโดยทันที

เนื้อร้ายจากยาต้านทานการแข็งตัวของเลือด

ยาต้านทานการแข็งตัวของเลือดบางชนิด เช่น Warfarin สามารถทำให้เกิดเนื้อร้ายที่เกิดจากการต้านการแข็งตัวของเลือด ทำให้ผิวหนังเป็นสีแดง และสร้างความเจ็บปวด และนำไปสู่การตายของเนื้อเยื่อ เมื่อได้รับยาประเภทนี้มากเกินไป เนื้อร้ายนี้ถือเป็นเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ ที่ต้องได้รับการรักษาโดยทันที

ปฏิกิริยาของยากับผื่นแพ้ยาชนิดรุนแรง (DRESS)

DRESS เป็นผื่นจากยาที่หายาก โดยเป็นอันตรายถึงชีวิต อาจใช้เวลา 2-6 สัปดาห์ กว่าอาการจะปรากฏหลังจากเริ่มใช้ยาใหม่ ผื่น DRESS มีลักษณะเป็นสีแดง เริ่มจากบริเวณใบหน้า และร่างกายส่วนบน ทั้งยังส่งผลต่ออวัยวะภายในอื่นๆ ที่รุนแรง ยาที่เป็นสาเหตุของผื่น DRESS ได้แก่
  • ยากันชัก
  • ยาอัลโลพูรินอล
  • ยาอะบาคาเวียร์
  • ยามิโนไซโคลไลน์
  • ยาซัลฟาซาลาซีน
  • ยายับยั้งโปรตอนปั๊ม

วิธีการรักษาผื่นแพ้ยา

ส่วนมากผื่นแพ้ยาจะหายไปเอง เมื่อหยุดใช้ยาที่ทำให้เกิดผื่น หากผื่นคันมากวิธีรักษาผื่นแพ้ยาคือ การใช้ยาต้านฮีสตามีนหรือสเตียรอยด์ด้วยการรับประทาน สามารถช่วยจัดการอาการคันได้จนกว่าผื่นจะหายไป ควรปรึกษาแพทย์ก่อนหยุดใช้ยาทุกครั้ง นี่เป็นสิ่งสำคัญเมื่อคุณต้องรับประทานยาหลายตัวในการรักษา เนื่องจากแพทย์จะต้องเปลี่ยนแผนการรักษาให้เหมาะสม หากคุณมีอาการลมพิษรุนแรง Erythroderma  SJS / TEN เนื้อร้ายจากการแพ้ยา และอาการผื่นรุนแรง DRESS จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ฉุกเฉิน อาจเป็นการได้รับยาสเตียรอยด์ และการให้ของเหลวอื่นๆทางหลอดเลือดดำ 

สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำเมื่อเกิดผื่นแพ้ยา

การประสบกับผื่นจากยาหรือที่เรียกว่าผื่นจากยาหรือผื่นที่เกิดจากยาอาจเป็นประสบการณ์ที่น่ากังวลและไม่สบายใจ ผื่นจากยาอาจเกิดจากยาหลายชนิดและอาจมีตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงรุนแรง จำเป็นต้องไปพบแพทย์หากคุณสงสัยว่าคุณมีผื่นจากยา ด้านล่างนี้เป็นสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำโดยทั่วไปเมื่อต้องรับมือกับอาการผื่นแพ้ยา:

สิ่งที่ต้องทำ:

  • หยุดรับประทานยา : หากคุณสงสัยว่ามียาตัวใดที่ทำให้เกิดผื่นขึ้น ให้หยุดรับประทานทันที อย่างไรก็ตาม อย่าหยุดยาโดยไม่ปรึกษากับแพทย์ก่อน
  • ไปพบแพทย์ : ติดต่อผู้ให้บริการทางการแพทย์ของคุณหรือไปที่ศูนย์ดูแลด่วนหากผื่นรุนแรง เจ็บปวด หรือแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว หากคุณหายใจลำบาก หน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือคอบวม ให้รีบพบแพทย์โดยด่วน เพราะอาจบ่งบอกถึงอาการแพ้อย่างรุนแรงได้
  • รักษาพื้นที่ให้สะอาดและแห้ง : ล้างบริเวณที่ได้รับผลกระทบเบา ๆ ด้วยสบู่อ่อน ๆ และน้ำ ซับให้แห้งด้วยผ้าสะอาด หลีกเลี่ยงการขัดถูที่ผดผื่น เพราะอาจทำให้อาการระคายเคืองแย่ลงได้
  • ใช้การประคบเย็น : หากผื่นคันหรือทำให้รู้สึกไม่สบาย คุณสามารถประคบเย็นกับบริเวณที่ได้รับผลกระทบเพื่อช่วยลดอาการคันและอักเสบ
  • ใช้ครีมที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ : ครีมไฮโดรคอร์ติโซนที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์อาจช่วยลดอาการคันและรอยแดงได้ อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องตรวจสอบกับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของคุณก่อนที่จะใช้ยาหรือครีมใหม่ ๆ
  • รักษาความชุ่มชื้น : ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อให้ร่างกายชุ่มชื้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผื่นทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง

สิ่งที่ไม่ควรทำ:

  • อย่าเพิกเฉยต่อผื่น : แม้ว่าผื่นจะดูไม่รุนแรง แต่อย่าเพิกเฉยโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นยาใหม่ที่คุณเพิ่งเริ่มใช้ ผื่นจากยาบางชนิดสามารถลุกลามอย่างรวดเร็วและรุนแรงได้
  • อย่าเกาที่ผื่น : การเกาที่ผื่นอาจทำให้อาการระคายเคืองแย่ลงและเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ
  • หลีกเลี่ยงการวินิจฉัยและการรักษาด้วยตนเอง : แม้ว่าครีมที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์อาจช่วยรักษาอาการต่างๆ ได้ แต่สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
  • อย่ากลับมาใช้ยาอีก : หากคุณสงสัยว่ายาบางตัวทำให้เกิดผื่น อย่าเริ่มยาใหม่โดยไม่ปรึกษาผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของคุณ พวกเขาอาจต้องหายาทางเลือกสำหรับอาการของคุณ
  • หลีกเลี่ยงเสื้อผ้ารัดรูป : เสื้อผ้าที่คับแน่นสามารถเสียดสีกับผื่นและทำให้อาการระคายเคืองแย่ลง เลือกใช้เสื้อผ้าที่หลวมและระบายอากาศได้ดีเพื่อลดการเสียดสี
  • ห้ามใช้น้ำร้อน : น้ำร้อนจะทำให้ผิวหนังระคายเคืองได้ ใช้น้ำอุ่นเมื่อล้างบริเวณที่ได้รับผลกระทบ
โปรดจำไว้ว่าผื่นจากยาอาจแตกต่างกันไปตามความรุนแรงและสาเหตุที่แท้จริง ควรปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อให้แน่ใจว่าได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม หากคุณมีประวัติการแพ้หรือปฏิกิริยาต่อยา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับอาการเหล่านี้ระหว่างการเยี่ยมชม

ภาพรวมของอาการผื่นแพ้ยา

ส่วนมากอาการผื่นยาไม่น่าเป็นห่วง และจะดีขึ้นได้เองเมื่อคุณหยุดใช้ยา โปรดปรึกษาแพทย์หากต้องการหยุดใช้ยา สำหรับอาการผื่นจากยาที่รุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาให้ทันเวลา หลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อน นี่คือที่มาของแหล่งบทความของเรา
  • https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/drug-allergy/symptoms-causes/syc-20371835
  • https://www.webmd.com/allergies/medicines-cause-rash
  • https://medlineplus.gov/ency/imagepages/2935.htm
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด