เรียบเรียงและปรับปรุงข้อมูลทางการแพทย์โดย : พญ. พรรณิภา สุขสมบูรณ์กิจ
อาการแพ้ยาคืออะไร
อาการแพ้ยา (Anaphylaxis or Drug Allergy) เกิดขึ้นจาก การตอบสนองที่เกิดจากภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อต้านยาที่ได้รับเข้าไป เนื่องจากร่างกาย ไม่สามารถรับสารนั้น ๆ ได้ จึงเกิดปฎิกริยาต่าง ๆ แสดงออกมาทางร่างกาย หรือผิวหนังเช่นแพ้ยาผื่นขึ้นตามตัว อาการหน้าบวม แพ้ยานี้อาจจะมีอาการเล็กน้อยไปจนถึงขั้นรุนแรง อาจจะถึงชีวิตได้ ดังนั้นหากผู้ป่วยแพ้ยา (Drug Allergy) ควรปรึกษาแพทย์ทันที การแพ้ยาผื่นขึ้นนับว่าเป็นอาการเบื้องต้นที่เกิดขึ้นบ่อยในผู้ป่วยหลายราย แต่ทั้งนี้ไม่ควรเพิกเฉยควรที่จะแจ้งให้แพทย์ทราบสาเหตุของอาการแพ้ยา
แพ้ยาอาจจะเกิดได้จากสองสาเหตุ คือ การแพ้ที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ทำปฎิกริยากับสารตัวนั้น ๆ ที่ร่างกายรับเข้าไปและ ร่างกายต่อต้าน หรืออีกอย่างคือยาที่ใช้นั้นมีฤทธิ์รุนแรงเกินไป และส่งผลให้เกิดอาการข้างเคียงเพราะหากยาฤทธิ์แรงเกินไปอาจจะทำให้ความดันสูงขึ้นผิดปกติ และส่งผลให้ร่างกายมีปฎิกริยาต่าง ๆ แสดงขึ้นมา การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันนี้นำไปสู่การอักเสบ หรือเกิดอาการเช่นมีผื่นไข้ หายใจลำบาก หลายคนแพ้ยาได้หลายชนิดหรือแม้แต่ยาทั่วไปที่บุคคลใช้กัน เช่นบางคนมีอาการแพ้ยาแก้อักเสบทั่วไปแพ้ยาเป็นอันตรายหรือไม่
อาแพ้ยาขึ้นอยู่กับอาการซึ่งอาจจะมีอาการเพียงเล็กน้อย แค่มีผื่นคัน หรืออาการที่รุนแรงมากขึ้นอาจจะถึงชีวิตได้เช่น ตัวบวม ระบบทางเดินหายใจติดขัด อาจจะทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ แพ้ยาอาจจะเกิดขึ้นได้ทันทีหรือหลังจากการทานยาภายใน 12 ชั่วโมงอาการแพ้ยา
อาการของคนแพ้ยาเบื้องต้นที่ไม่เป็นอันตรายอาจจะเกิดอาการ- ผิวมีผื่นแดง ผื่นแพ้ยา
- มีจุดแดงตามตัว
- น้ำมูกไหล
- จาม
- คันตามตัว หรือดวงตามีน้ำตา
- ปากพอง
- ตาบวมข้างเดียว หรือสองข้าง
- หน้าบวมข้างเดียวหรือสองข้าง
- ตัวบวม หน้าบวม ตาบวมหรือปากบวม
- หัวใจเต้นผิดปกติ
- หายใจติดขัด
- หมดสติ
- ชัก
- ท้องเสีย
ลักษณะผื่นแพ้ยา
ผื่นแพ้ยาสามารถเกิดได้ทั่วบริเวณของร่างกาย บางครั้งอาจจะเป็นผื่นลมพิษ หรือเกิดเป็นผื่นคล้ายสิว หรือในบางรายอาจจะเกิดเป็นตุ่มน้ำใส ๆ หรือตุ่มหนองยาอะไรที่สามารถทำให้เกิดการแพ้ได้
ชนิดยาที่แตกต่างกันออกไปส่งผลกระทบต่างกันในแต่ละบุคคล แต่นี่คือยาที่มีปฎิกริยาที่ทำให้ผู้ป่วยบางคนเกิดอาการแพ้ดังนี้ :- ยาคลายกล้ามเนื้อ
- ยา trastuzumab และ ibritumomab tiuxetan
- ยาเคมีบำบัดเช่น paclitaxel, docetaxel และ procarbazine
- ยาคุมกำเนิด
- ยาลดการอักเสบที่ไม่มีสเตียรอยด์ เช่น ibuprofen หลายคนอาจจะแพ้ยาแก้อักเสบยี่ห้ออื่น ๆ ได้
- ยากันชักเช่น carbamazepine และ lamotrigine
- ยาปฎิชีวนะ เช่น penicillin และ sulfa sulfamethoxazole-trimethoprim
- แอสไพริน
- ยดลดความอ้วน
วิธีรักษาอาการแพ้ยา
วิธีแก้อาการแพ้ยานั้นขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค ด้วยปฏิกิริยาการแพ้ที่รุนแรงต่อยาผู้ป่วยอาจต้อง งดใช้ยานั้น ๆ แพทย์อาจทำการเปลี่ยนเป็นยาตัวอื่น หรือหากมีปฎิกริยาทางผิวหนังวิธีการรักษาอาการแพ้ยาเบื้องต้นอาจจะซื้อยาทาแก้แพ้มาทาผิวโดยให้แพทย์หรือเภสัชกรณ์สั่งจ่ายยาให้เพื่อรักษาผื่นแพ้ยา (Anaphylaxis)
แต่ถ้าหากผู้ป่วยแพ้ตัวนั้น ๆ ไม่มากนัก แพทย์อาจสั่งยาให้แต่จะสั่งยาเพิ่มเพื่อควบคุมอาการแพ้ ยาบางชนิดสามารถช่วยป้องกันการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันและลดอาการ ยาเหล่านี้รวมถึง:
Antihistamines
ร่างกายของผู้ป่วยจะผลิตฮิสตามีนเมื่อคิดว่ามีสารจากการแพ้ เช่นสารก่อภูมิแพ้ ฮิสตามีนที่ปล่อยออกมาอาจทำให้เกิดอาการแพ้ เช่นบวมคันหรือระคายเคือง antihistamine จะทำการบล็อกการผลิตของฮีสตามีและลดการเกิดอาการแพ้ Bronchodilators หากแพ้ยาทำให้เกิดอาการหายใจดังเสียงฮืดหรือไอแพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาขยายหลอดลม ยานี้จะช่วยเปิดทางเดินหายใจของคุณและทำให้หายใจง่ายขึ้น ยาขยายหลอดลมมาในรูปแบบของเหลวและผงสำหรับใช้ในเครื่องช่วยหายใจหรือเครื่องพ่นCorticosteroids
แพ้ยาอาจทำให้เกิดการติดขัดของทางเดินหายใจและอาการรุนแรงอื่น ๆ Corticosteroids ช่วยลดการอักเสบที่นำไปสู่ปัญหาเหล่านี้ Corticosteroids อยู่ในรูปแบบ ยาสเปรย์พ่นจมูกยาหยอดตาและครีม อาการแพ้ไม่รุนแรง- อาการแพ้ สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการแพ้แค่เพียงเล็กน้อย หลังจากเลิกใช้ยาที่แพ้แล้วก็ควรรับประทานยาแก้แพ้ เช่น ยาคลอเฟนิรามีน (Chlorpheniramine) โดยให้รับประทานวันละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 1/2-1 เม็ด จนกว่าจะหาย หรือฉีดยาไดเฟนไฮดรามีน (Diphenhydramine) เข้ากล้ามเนื้อ
- อาการแพ้ปานกลาง หรือรุนแรง ในกลุ่มที่มีอาการ ยากินจะไม่สามารถช่วยรักษาอาการได้แต่แพทย์โดยจะให้ยาอะดรีนาลีน (Adrenaline) 0.3-0.5 มิลลิกรัม หรือสเตียรอยด์ 1-2 หลอด ผ่านการฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือหลอดเลือด
- อาการแพ้ในกลุ่มสตีเวนจอห์นสัน (Stevens Johnson Syndrome) อาแพ้ยา ปฏิชีวนะอย่างรุนแรง หากมีอาการแพ้ควรรีบรับประทานยาแก้แพ้ หรือสเตียรอยด์ แล้วนำส่งโรงพยาบาลในทันที เพราะอาจมีอาการติดเชื้อแทรกซ้อนทำให้เกิดภาวะโลหิตเป็นพิษจนอาจจะทำให้เสียชีวิตได้
ข้อแตกต่างระหว่างการแพ้ยาและผลข้างเคียงของยาคืออะไร
แพ้ยามีผลกับบางคนเท่านั้น มันมักจะเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันแต่ผลข้างเคียงของยาจะเกิดขึ้นได้กับยาที่พบว่ามีผู้แพ้บ่อยมีอะไรบ้าง
ยาสามัญที่ก่อให้เกิดการแพ้- ยาปฏิชีวนะ — อะม็อกซีซิลลิน (ม็อกซาแท็ก), แอมพิซิลลิน, เพนิซิลลิน (บิซิลลิน แอลเอ), เตตราไซคลิน และอื่นๆ
- ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เช่น ไอบูโพรเฟนและนาโพรเซน
- แอสไพริน
- ยาซัลฟา
- ยาเคมีบำบัด
อาการแพ้ยาจะเป็นอยู่นานแค่ไหน
หากเกิดผื่นขึ้นควรหยุดยาโดยเร็วที่สุด ผื่นอาจคงอยู่เป็นเวลาหลายวันถึงหลายสัปดาห์หลังจากที่คุณหยุดใช้ยา แล้วผื่นจะจางลง โดยปกติผื่นจะหายไปจากส่วนบนของร่างกายก่อนและขาและเท้าอาการแพ้ยาร้ายแรงแค่ไหน
ปฏิกิริยาแพ้ยาที่รุนแรงและเกิดขึ้นทันทีอาจส่งผลต่อการหายใจ หัวใจและความดันโลหิต และเรียกว่า ‘แอนาฟิแล็กซิส’ ปฏิกิริยาเหล่านี้อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตและจำเป็นต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างเร่งด่วนลิงค์ด้านล่างนี้เป็นแหล่งข้อมูลของบทความของเรา
- https://acaai.org/allergies/anaphylaxis
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2911828/
- https://www.worldallergy.org/education-and-programs/education/allergic-disease-resource-center/professionals/drug-allergies
- https://www.aafa.org/medicine-drug-allergy/
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น