ประโยชน์ของการดื่มน้ำ (Drinking Water)

น้ำสำคัญอย่างไร น้ำนั้นเป็นส่วนประกอบสำคัญของร่างกาย ในร่างกายมนุษย์ประกอบไปด้วยน้ำราว 60% มีคำแนะนำว่าควรดื่มน้ำแก้วละ 8 ออนซ์ (237มล.) วันละ 8 แก้ว แล้วการดื่มน้ำมีประโยชน์อย่างไร เราลองมาทำความเข้าใจกัน

ประโยชน์ของน้ำเปล่าที่มีต่อสุขภาพเมื่อดื่มอย่างเพียงพอ

น้ำเปล่าช่วยสมรรถภาพทางกายสูงสุด

หากคุณตกอยู่ในภาวะขาดน้ำ สมรรถภาพทางกายของเราก็จะแย่ไปด้วย สิ่งนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งโดยเฉพาะในช่วงการออกกำลังกายอย่างหนักหรือวันที่อากาศร้อนจัด ภาวะขาดน้ำอาจเห็นผลไม่ชัดเจนนักหากคุณสูญเสียน้ำไปเล็กน้อยเช่น 2% ของน้ำในร่างกาย แต่อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งปกติกับพวกนักกีฬาเมื่อต้องเสียน้ำไปมากถึง 6-10% ของน้ำหนักน้ำผ่านเหงื่อ สิ่งนี้อาจทำให้การควบคุมอุณหภูมิของร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง แรงจูงใจลดลง และความเหนื่อยล้าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทำให้ความรู้สึกในการออกกำลังกายยากยิ่งขึ้นทั้งทางกายและทางใจ การรักษาความชุ่มชื้นที่พอเหมาะไว้แสดงให้เห็นแล้วว่าสามารถป้องกันไม่ให้เกิดอาการดังกล่าวขึ้นได้ แลัวยังอาจช่วยลดภาวะเครียดที่เกิดจากออกซิเดชั่นที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่างการออกกำลังอย่างหนักได้ด้วย หากคุณออกกำลังอย่างหนักและเสียเหงื่อมาก การรักษาความชุ่มชื้นไว้ตลอดเวลาก็จะช่วยทำให้ร่างกายมีสมรรถภาพที่ดีมากขึ้นได้

คนยังมองหา : ยาลดความอ้วน

 

ส่งผลต่อระดับพลังงานและการทำงานของสมองอย่างชัดเจน

สมองของเราจะได้รับผลจากสภาวะของความชุ่มชื้นได้อย่างรุนแรง จากการศึกษาพบว่าการขาดน้ำดื่มเล็กน้อย เช่นเสียน้ำไปราว 1-3%ของน้ำหนักตัว ก็สามารถส่งผลให้การทำงานของสมองแย่ลงได้หลายอย่างแล้ว จากการศึกษาผู้หญิงวัยหนุ่มสาวพบว่าเมื่อมีการสูญเสียน้ำไป 1.4% หลังการออกกำลังกายก็สามารถทำให้สมาธิและอารมณ์แย่ลง และยังทำให้เกิดอาการปวดศีรษะบ่อยเพิ่มมากขึ้น จากการศึกษาเดียวกันในผู้ชายวัยหนุ่มสาวพบว่าเมื่อมีการเสียน้ำ 1.6% ส่งผลให้การทำงานด้านความจำเสียหายและยังเพิ่มความรู้สึกเครียดและความเหนื่อยล้า เมื่อเราเสียน้ำ 1-3% นั้นเท่ากับเสียน้ำหนักตัวไปราว 1.5-4.5 ปอนด์ (0.5-2 กก.)ของคนที่มีน้ำหนักตัวราว 150 ปอนด์ (68กก.) ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ง่ายๆเพียงแค่ทำกิจกรรมประจำวัน ไม่ต้องถึงกับไปออกกำลังกายหรืออากาศร้อนแต่อย่างใด จากการศึกษากรณีอื่นๆนับตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ แสดงให้เห็นว่าการขาดน้ำเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้อารมณ์ ความจำและการทำงานของสมองแย่ลง

อาจช่วยป้องกันและรักษาอาการปวดศีรษะ

ภาวะขาดน้ำอาจไปกระตุ้นอาการปวดศีรษะและไมเกรนได้ในบางคน จากการวิจัยพบว่าอาการปวดศีรษะคือหนึ่งในอาการของภาวะขาดน้ำ ยกตัวอย่างเช่น จากการศึกษาคน 393 รายพบว่า 40% ขอคนที่มีอาการปวดศีรษะเป็นผลมาจากภาวะขาดน้ำ ยิ่งไปกว่านั้น จากการศึกษาพบว่าการดื่มน้ำเปล่าสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะในคนที่ปวดศีรษะบ่อยๆได้ จากการศึกษาผู้ชาย 102 คนพบว่าการดื่มน้ำเพิ่มขึ้น 50.7 ออนซ์ (1.5 ลิตร)ต่อวันเป็นผลให้แบบประเมินการวัดคุณภาพชีวิตของไมเกรนมีคะแนนสำหรับอาการปวดไมเกรนดีขึ้นDrinking Water

การดื่มน้ำช่วยบรรเทาอาการท้องผูก

อาการท้องผูกคือปัญหาทั่วๆที่เกิดขึ้นเมื่อมีการขับถ่ายไม่บ่อยมากพอและขับถ่ายอุจจาระยาก การบริโภคของเหลวเข้าสู่ร่างกายคือคำแนะนำมักนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการรักษา  การบริโภคน้ำน้อยอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดอาการท้องผูกทั้งเด็กและผู้สูงอายุ การเพิ่มความชุ่มชื้นอาจช่วยลดอาการท้องผูกได้ น้ำแร่ อาจเป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์สำหรับคนที่มีอาการท้องผูก  จากการศึกษาพบว่าการดื่มน้ำแร่ที่อุดมไปด้วยแมกนีเซียมและโซเดียมจะช่วยให้มีการขับถ่ายบ่อยขึ้นและมีความสม่ำเสมอในคนที่มีภาวะท้องผูก

อาจช่วยรักษาโรคนิ่วในไต

นิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะคือก้อนผลึกของแร่ธาตุในระบบปัสสาวะที่สร้างความเจ็บปวด รูปแบบส่วนใหญ่ของก้อนนิ่วในไตมักมาจากไต การดื่มน้ำในปริมาณมากจะช่วยเพิ่มปริมาณปัสสาวะที่จะไหลผ่านไต ซึ่งจะช่วยเจือจางแร่ธาตุที่เข้มข้น ดังนั้นจึงทำให้โอกาสเกิดก้อนผลึกและก้อนตะกอนได้น้อยลง

ช่วยป้องกันอาการเมาค้าง

การเมาค้างเป็นอาการที่ไม่น่าพึงพอใจที่เกิดขึ้นหลังจากดื่มแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์คือยาขับปัสสาวะแบบหนึ่ง ดังนั้นจะทำให้คุณสูญเสียน้ำได้มากกว่าที่เราดื่มเข้าไป ซึ่งเป็นผลสู่ภาวะขาดน้ำ ถึงแม้ว่าภาวะขาดน้ำจะไม่ใช่สาเหตุหลักของอาการเมาค้าง แต่ก็เป็นสาเหตุของอาการเช่น กระหายน้ำ เหนื่อยล้า ปวดศีรษะและปากแห้ง ทางที่ดีที่สุดในการลดอาการเมาค้างก็คือดื่มน้ำเปล่าในระหว่างการดื่มแอลกอฮอล์และควรดื่มน้ำก่อนนอนอย่างน้อยหนึ่งแก้วใหญ่

ดื่มน้ำลดน้ำหนัก

การดื่มน้ำในปริมาณมากสามารถช่วยในการลดน้ำหนักได้ นั่นเป็นเพราะว่าน้ำจะช่วยเพิ่มความอิ่มและเสริมสร้างอัตราการเผาผลาญ บางหลักฐานพบว่าการดื่มน้ำเพิ่มมากขึ้นสามารถช่วยในการลดน้ำหนักได้ด้วยการเพิ่มอัตราการเผาผลาญของร่างกาย ซึ่งสามารถเพิ่มการเผาผลาญแคลลอรี่ในแต่ละวันได้ จากการศึกษาในปี 2013 กับสตรีที่มีน้ำหนักเกิน 50 คน พบว่าการดื่มน้ำเปล่าเพิ่มขึ้น 16.9 ออนซ์ (500มล.) 3 ครั้งต่อวันหลังอาหารเป็นเวลา 8 สัปดาห์ พบว่าสามารถลดน้ำหนักตัวและไขมันร่างกายลงได้ ช่วงเวลาก็เป็นสิ่งสำคัญ ประโยชน์ของการดื่มน้ำครึ่งชั่วโมงหลังมื้ออาหารจะส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพมากกว่า เพราะสามารถทำให้รู้สึกอิ่มได้มากขึ้น ซึ่งทำให้เราบริโภคแคลลอรี่ได้น้อยลง จากการศึกษาพบว่าคนที่ดื่มน้ำ 16.9 ออนซ์ (0.5 ลิตร) ก่อนมื้ออาหารจะมีน้ำหนักเพิ่มราว 44% มากกว่าคนที่ไม่ดื่มน้ำก่อนมื้ออาหาร

ส่วนประกอบของน้ำ

องค์ประกอบทางเคมีของน้ำประกอบด้วยธาตุไฮโดรเจน (H) 2 อะตอมและออกซิเจน (O) 1 อะตอม รวมกันเป็นน้ำ (H2O) 1 โมเลกุล น้ำมี 3 สถานะ คือของแข็ง ของเหลว และก๊าซ ซึ่งมีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไป

น้ำประปากินได้ไหม

กรมอนามัยออกมาประกาศแล้วว่าน้ำปะปามีความปลอดภัย สามารถนำมาบริโภค หุงต้มอาหารได้ เพิ่มความมั่นใจด้วยการตั้งทิ้งไว้หรือกรองเพื่อลดกลิ่นคลอรีน เราสามารถตรวจสอบคุณภาพความสะอาดของน้ำได้โดยเปิดน้ำใส่ภาชนะ สังเกตว่าต้องใส ไม่มีตะกอน

เราควรดื่มน้ำวันละกี่ลิตร

คนเราควรดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสมวันละ 1.5 – 3 ลิตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตประจำวันของเราด้วย 

เราควรดื่มน้ำวันละกี่ลิตร

คนเราควรดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสมวันละ 1.5 – 3 ลิตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตประจำวันของเราด้วย  หรือปริมาณน้ำที่บุคคลควรดื่มต่อวันอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น อายุ เพศ น้ำหนัก สภาพอากาศ การออกกำลังกาย และสุขภาพโดยรวม อย่างไรก็ตาม คำแนะนำที่อ้างถึงโดยทั่วไปคือ “กฎ 8×8” ซึ่งแนะนำให้ดื่มน้ำเปล่าขนาด 8 ออนซ์ 8 แก้วต่อวัน รวมเป็นประมาณ 64 ออนซ์หรือประมาณ 1.9 ลิตร
  • แต่สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่านี่เป็นแนวทางทั่วไปและอาจใช้ไม่ได้กับทุกคนในระดับสากล ปริมาณน้ำที่เพียงพอแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล สถาบันวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และการแพทย์แห่งชาติแนะนำให้ดื่มน้ำในแต่ละวันโดยคำนึงถึงปริมาณของเหลวทั้งหมดจากเครื่องดื่มและอาหาร ปริมาณที่แนะนำคือประมาณ 3.7 ลิตร สำหรับผู้ชาย และ 2.7 ลิตร สำหรับผู้หญิง ซึ่งรวมถึงของเหลวจากทุกแหล่ง ไม่ใช่แค่น้ำเปล่า
นอกจากนี้ ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความต้องการน้ำในแต่ละวัน ได้แก่:
  • สภาพภูมิอากาศ:สภาพอากาศที่ร้อนหรือชื้นอาจทำให้ความต้องการน้ำเพิ่มขึ้นเนื่องจากอัตราเหงื่อที่สูงขึ้น
  • การออกกำลังกาย:ผู้ที่ออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงานมากอาจต้องการน้ำมากขึ้นเพื่อชดเชยการสูญเสียของเหลวผ่านทางเหงื่อ
  • สุขภาพโดยรวม:สภาวะสุขภาพหรือการใช้ยาบางอย่างอาจส่งผลต่อระดับความชุ่มชื้นของร่างกายและส่งผลต่อปริมาณน้ำที่ต้องการ
  • การตั้งครรภ์และให้นมบุตร:บุคคลที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรมักต้องการน้ำมากขึ้นเพื่อสุขภาพของทั้งแม่และทารก
ขอแนะนำให้รักษาสมดุลและดื่มน้ำตลอดทั้งวันโดยคำนึงถึงความต้องการและสถานการณ์ของแต่ละบุคคล การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อขอคำแนะนำเฉพาะบุคคลนั้นมีประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับบุคคลที่มีภาวะสุขภาพเฉพาะเจาะจงหรือต้องการน้ำเป็นพิเศษ

โทษของน้ำหากดื่มมากเกินไป

หากดื่มน้ำในปริมาณมากเกินไปจะทำให้เกิดภาวะน้ำเป็นพิษ หรือ (Hyponatremia) ที่ทำให้โซเดียมในเลือดต่ำ

ประเด็นสำคัญ

การขาดน้ำแม้เพียงแค่เล็กน้อยก็สามารถส่งผลกระทบต่อจิตใจและร่างกาย ควรแน่ใจว่าคุณดื่มน้ำเพียงพอในแต่ละวัน เป้าหมายของแต่ละวันคือราว 64 ออนซ์ (1.9ลิตร) เพื่อเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณทำได้เพื่อสุขภาพโดยรวมของร่างกายเราเอง

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

  • https://www.medicalnewstoday.com/articles/290814
  • https://www.health.harvard.edu/staying-healthy/how-much-water-should-you-drink
  • https://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/nutrition-and-healthy-eating/in-depth/water/art-20044256
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด