ผู้เขียน
Dr. Wikanda Rattanaphan
21.11.2567
อาการโดยภาพรวมของการเวียนหัว
เวียนหัว (Dizziness) คือ อาการเวียนหัวเกิดจากความรู้สึกที่มึนหัว คลื่นไส้ หรือรู้สึกว่าร่างกายไม่สมดุล ซึ่งส่งผลต่อระบบอวัยวะภายใน โดยเฉพาะดวงตาและหู และบางครั้งก็เกิดอาการหน้ามืดร่วมด้วย อาการเวียนหัวนี้ไม่ใช่โรค แต่มันคืออาการที่แสดงถึงการป่วยของโรคหลายโรคได้ อาการบ้านหมุนและความไม่สมดุลในร่างกาย อาจเป็นสาเหตุที่เกิดอาหารเวียนหัว แต่สองอาการนี้มีลักษณะที่ต่างกัน อาการบ้านหมุนมีลักษณะอาการที่มีการหมุนหรือโคลงเคลงเหมือนกับห้องกำลังเคลื่อนย้าย นอกจากนั้นยังมีอาการที่เหมือนรู้สึกป่วยหรือมึนเมาหรือถ้าคุณมีลักษณะเอียงเอนทางร่างกายไปข้างใดข้างหนึ่ง อาการเวียนศีรษะนั้นเป็นการสูญเสียความสมดุลในร่างกาย อาการเวียนหัวที่แท้จริงนั้นมีอาการวิงเวียนศีรษะและจะมีอาการหน้ามืดร่วมด้วย อาการวิงเวียนศีรษะไม่ใช่อาการที่ร้ายแรงมาก และไม่ใช่สิ่งที่ต้องกังวล แต่อย่างไรก็ตาม หากมีอาการเวียนศีรษะที่รุนแรงขึ้นหรือเกิดการเวียนหัวซ้ำหลายครั้งโดยไม่มีสาเหตุ คุณควรปรึกษาแพทย์โดยทันที อาการเวียนศีรษะจากกรณีส่วนใหญ่นั้นสามารถรักษาหายเองได้ แต่ในบางกรณีที่พบน้อยนั้น สามารถเป็นสัญญาณเตือนเรื่องปัญหาสุขภาพที่รุนแรงมากกว่านั้นได้ อาการวิงเวียนศีรษะอาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนเมื่อเป็นลมหรือเสียสมดุล ซึ่งอาจเป็นอันตรายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนขับรถหรือใช้งานเครื่องจักรหนักที่ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก หากคุณรู้สึกว่ามีอาการเวียนศีรษะขึ้นมา ให้หยุดขับรถทันทีหรือหาสถานที่ที่ปลอดภัยเพื่อให้ตัวเองมั่นคงจนกว่าอาการเวียนศีรษะจะดีขึ้นอาการเวียนศีรษะ
คนที่มีอาการเวียนศีรษะอาจจะมีอาการหลายอย่าง รวมถึงอาการต่อไปนี้:- ความไม่แน่นอนของสมดุลในร่างกาย
- รู้สึกถึงการหมุนที่ผิดปกติ
- การสูญเสียสมดุลในร่างกาย
- มีอาการมึนหัวหรือรู้สึกหน้ามืด
- รู้สึกว่าตัวลอยเหมือนกำลังว่ายน้ำ
สาเหตุอาการเวียนหัว
อาการเวียนหัวเกิดจากอะไร สาเหตุอาการเวียนหัวที่พบได้นั้น ไม่ว่าจะเป็นโรคไมเกรน การใช้ยาบางชนิด และแอลกอฮอล์ ทำให้เกิดสาเหตุที่ภายในหูนั้นมีปัญหา ที่ควบคุมความสมดุลในร่างกายได้ การเวียนหัวแบบบ้านหมุนก็เกิดมาจากอาการเวียนศีรษะได้เช่นเดียวกัน สาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดของการเวียนหัวแบบบ้านหมุนคืออาการวิงเวียนศีรษะแบบบ้านหมุนที่ไม่รุนแรง(BPV) อาการเวียนศีรษะนี้เกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นเมื่อเกิดการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เช่น รู้สึกนั่งอยู่บนเตียงหลังจากที่นอนลง อาการเวียนหัวและอาการเวียนหัวแบบบ้านหมุน เรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน (Meniere’s disease)โรคนี้เป็นที่มีความผิดปกติทางด้านหู ซึ่งมีน้ำในหูมากผิดปกติ เกี่ยวข้องกับความแน่นของหู สูญเสียการได้ยินและทำให้หูอื้อ และอีกสาเหตุหนึ่งที่เป็นไปได้ในอาการเวียนหัวและอาการเวียนหัวแบบบ้านหมุน คือ การมีเนื้องอกที่ประสาทหู ซึ่งเป็นเนื้องอกที่เกิดในระบบประสาทภายในของหูที่เชื่อมโยงไปยังสมอง บางสาเหตุที่เป็นไปได้ในอาการเวียนหัวมีดังนี้:- อาการหูอักเสบ
- ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (น้ำตาลในเลือดต่ำ)
- โรคโลหิตจาง (ธาตุเหล็กต่ำ)
- ความดันโลหิตลดลงอย่างฉับพลัน
- อาการเมาในยานพาหนะต่างๆ
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
- เกิดความวิตกกังวลที่ผิดปกติ(anxiety)
- ปริมาณเลือดลดลง
- ภาวะขาดน้ำ(dyhydration)
- การออกกำลังกายหักโหมเกินไป
- อาการฮีทสโตรกหรืออากาศที่ร้อนเกินไป
- หากมีสาเหตุมาจากโรคน้ำในหูไม่เท่ากันสามารถรักษาได้โดยการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพที่มีเกลือต่ำ หรือการฉีดยาเข้าไปในทางหูส่วนกลาง หรือการผ่าตัดหูที่เส้นประสาทชั้นใน
- หากมีสาเหตุมาจากปัญหาหูชั้นในอาจสามารถรักษาโดยการใช้ยาแก้เวียนหัว ซึ่งสามารถช่วยควบคุมความสมดุลในร่างกายได้
- BPV สามารภแก้ปัญหาได้ด้วยการรักษาที่สามารถบรรเทาอาการให้ลดลง การผ่าตัดเป็นทางเลือกสำหรับคนที่รักษาแบบอื่นมาแล้วไม่ได้ผล
- หากมีสาเหตุมาจากโรคไมเกรนสามารถรักษาได้โดยการใช้ยา และการเปลี่ยนการใช้ชีวิต เช่นการเรียนรู้ที่จะหลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคไมเกรน
- การใช้ยาและเทคนิคการกำจัดความวิตกกังวล ช่วยให้อาการวิตกกังวลที่ผิดปกตินั้นลดลงได้
- การดื่มน้ำมากๆ สามารถช่วยให้อาการเวียนหัวที่เกิดจาการออกำลังกายที่หนักเกินไป หรือภาวะการขาดน้ำนั้นหายไปได้
สิ่งที่สามารถทำได้เมื่อเกิดอาการเวียนศีรษะ
หากคุณมีอาการเวียนศีรษะแบบเรื้อรัง การแก้เวียนหัวเหล่านี้สามารถใช้แก้อาการเวียนหัวได้ดังนี้:- นั่งหรือพักผ่อนสักพักทันที เมื่อคุณมีอาการเวียนหัว จนกระทั่งอาการเหล่านั้นหายไป การแก้เวียนหัววิธีนี้สามารถป้องกันการสูญเสียสมดุลในร่างกาย ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการที่รุนแรงขึ้นได้
- การดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว นอนพักผ่อนคืนละ 7 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น และควรหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ตึงเครียด
- หลีกเลี่ยงการขับรถหรือการใช้เครื่องจักรที่ทำงานหนัก หากมีอาการเวียนศีรษะหลายครั้งโดยที่ไม่มีอการเตือน
- ทำกิจกรรมที่ช่วยปรับสมดุลในร่างกายเช่น การออกกำลังกายแบบโยคะ และ การรำมวยไทเก๊ก
- ระวังการเปลี่ยนท่าทางโดยฉับพลัน
- หลีกเลี่ยงคาเฟอีน แอลกอฮอล์และบุหรี่ ซึ่งการใช้ของเหล่านี้ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะที่แย่ลงได้
- รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพที่มีผักและผลไม้ และโปรตีนที่ไขมันน้อย ช่วยลดอาการเวียนศีรษะได้
- หากคุณสงสัยว่าอาการเวียนศีรษะที่เกิดขึ้นนั้นมาจากการใช้ยา ควรพบและปรึกษาแพทย์ เพื่อลดขนาดยาลง หรือเปลี่ยนเป็นยาตัวอื่นที่ดีกว่า
- รับประทานยาที่ขายตามร้านยา เช่นยาเมคลิซิน (ยาแก้เวียนหัว) หรือ ยาต้านฮีสตามีน หากคุณมีอาการคลื่นไส้ร่วมกับอาการเวียนศีรษะ ซึ่งยาเหล่านี้ทำให้มีอาการง่วงซึม ดังนั้นต้องการทำงาน อย่าใช้ยาเหล่านี้โดยเด็ดขาด
- พักผ่อนในอากาศที่เย็นสบายและหากอาการวิงเวียนศีรษะนั้นเกิดจากการขาดน้ำ หรืออากาศที่ร้อนเกินไป ให้ดื่มน้ำตามเข้าไปมาก แต่อย่ามากจนเกินไป
4 เคล็ดลับอาหารเพื่อต่อสู้กับอาการวิงเวียนศีรษะ
อาการวิงเวียนศีรษะเป็นความรู้สึกที่รับรู้ได้จากการหมุนหรือเคลื่อนไหวของศีรษะ มักมาพร้อมกับอาการคลื่นไส้ สับสน และการทรงตัวไม่ดี สาเหตุของอาการวิงเวียนศีรษะ บางครั้งเรียกว่าบ้านหมุน อาจรวมถึงความผิดปกติของสมอง ของเหลวในหูชั้นใน อาการเมารถ ยาเบาหวาน เนื้องอก ภูมิแพ้ และการติดเชื้อ อาหารบางชนิดอาจช่วยป้องกันหรือลดอาการวิงเวียนศีรษะที่มักเกี่ยวข้องกับน้ำตาลในเลือดต่ำ (ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ) โดยทั่วไปจำเป็นต้องมีการรักษาสาเหตุทางการแพทย์ที่ทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดโปรตีน
โปรตีนให้กรดอะมิโนซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเนื้อเยื่อที่ไม่ติดมัน โปรตีนยังช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ และอาจป้องกันหรือลดอาการวิงเวียนศีรษะที่เกิดจากการอดอาหาร การรับประทานอาหารน้อยเกินไป และภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำที่เกี่ยวข้องกับโรคเบาหวาน การเพิ่มโปรตีนในอาหาร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่สมดุลและอุดมด้วยสารอาหารโดยรวม สามารถลดอาการของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้ แหล่งโปรตีนที่เหมาะสมคือไขมันอิ่มตัวต่ำและรวมถึงเนื้อสัตว์ปีกเนื้อขาวไม่ติดหนัง ปลา พืชตระกูลถั่ว ไข่/ไข่ขาว เต้าหู้ และผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำหรือถั่วเหลือง ผู้ที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดกำเริบจะได้รับพลังงานประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ของแคลอรี่ต่อวันหรือหนึ่งในสามของอาหารแต่ละมื้อจากโปรตีนเมล็ดธัญพืช
ธัญพืชไม่ขัดสีเป็นธัญพืชที่ไม่ถูกดึงสารอาหารที่สำคัญออกไปในระหว่างกระบวนการแปรรูปอาหาร พวกเขาให้เส้นใยอาหารและสารอาหารจำนวนมาก เช่น ธาตุเหล็กและวิตามินบี จึงแนะนำให้ใช้ธัญพืชเต็มเมล็ดแทนธัญพืชขัดสีเพื่อป้องกันอาการวิงเวียนศีรษะและอาการอื่นๆ ของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ผู้ที่เป็นโรคโลหิตจางซึ่งเป็นภาวะขาดธาตุเหล็กรูปแบบหนึ่งซึ่งมีอาการวิงเวียนศีรษะและอ่อนเพลีย อาจได้รับประโยชน์จากการบริโภคเมล็ดธัญพืชเป็นประจำ ตัวอย่างของอาหารโฮลเกรนที่อุดมด้วยสารอาหาร ได้แก่ ซีเรียลโฮลเกรน ขนมปัง พาสต้าโฮลเกรน ข้าวป่า คีนัว สเปลต์ ข้าวบาร์เลย์ และป๊อปคอร์น เพื่อให้แน่ใจว่าได้รับสารอาหารที่เหมาะสมเมื่อซื้ออาหารที่ทำจากธัญพืชเต็มเมล็ด ควรระบุธัญพืชเต็มเมล็ดเป็นส่วนประกอบหลักบนฉลากโภชนาการน้ำผลไม้ ผลไม้อบแห้ง หรือโซดา
เมื่อน้ำตาลในเลือดลดลงอย่างมาก อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะรุนแรงอย่างกะทันหันได้ แม้ว่ายาหยอดดังกล่าวอาจส่งผลต่อคนส่วนใหญ่ แต่ก็เป็นภาวะแทรกซ้อนทั่วไปของโรคเบาหวานและการรักษาโรคเบาหวาน นอกเหนือจากการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอและอาหารเพื่อสุขภาพโดยรวมที่ได้รับการรับรองจากแพทย์แล้วสมาคมโรคเบาหวานแห่งสหรัฐอเมริกา (American Diabetes Association – ADA)แนะนำอาหารว่างที่มีคาร์โบไฮเดรต 15 ถึง 20 กรัม เป็นวิธีการรักษาภาวะน้ำตาลในเลือดลดลงกะทันหัน ตัวอย่างของอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต 15 ถึง 20 กรัม ได้แก่ น้ำผลไม้บริสุทธิ์ 4 ออนซ์ (1/2 ถ้วย) โซดา “ปกติ” 4 ออนซ์ (มีน้ำตาล) และลูกเกดไม่หวาน 2 ช้อนโต๊ะหรือผลไม้แห้งอื่นๆ หากอาการวิงเวียนศีรษะยังคงอยู่หลังจากบริโภคอาหารว่างที่มีคาร์โบไฮเดรต ADA แนะนำให้ไปพบแพทย์ทันทีนี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/dizziness/symptoms-causes/syc-20371787
- https://www.webmd.com/brain/dizziness-vertigo
- https://www.nhs.uk/conditions/dizziness/
- https://medlineplus.gov/dizzinessandvertigo.html
เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น