โรคซิสติก ไฟโบรซิส คืออะไร
โรคซิสติก ไฟโบรซิส (Cystic fibrosis ; CF) เป็นโรคติดต่อทางพันธุกรรมที่ร้ายแรง ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงต่อระบบทางเดินหายใจและระบบย่อยอาหาร เนื่องมาจากการสะสมของเมือกที่หนาตัว เหนียว และเกาะติดแน่นในอวัยวะ
อวัยวะที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่
-
ปอด
-
ตับอ่อน
-
ตับ
-
ลำไส้
โรคซิสติก ไฟโบรซิส มีผลต่อเซลล์ที่ผลิตเหงื่อ เมือก และเอนไซม์ย่อยอาหาร โดยปกติของเหลวเหล่านี้จะหลั่งออกมาในลักษณะที่ใสและลื่นเหมือนน้ำมันมะกอก ซึ่งจะช่วยหล่อลื่นเพื่อป้องกันไม่ให้อวัยวะและเนื้อเยื่อต่างๆ ติดเชื้อหรือแห้งจนเกินไป
อย่างไรก็ตาม ในผู้ที่เป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิส จะมีของเหลวที่ถูกสร้างขึ้นมาจากยีนที่ผิดปกติ และสารเหล่านั้นไม่ได้ทำหน้าที่เป็นสารหล่อลื่น แต่กลับไปอุดตันท่อและทางเดินในร่างกายเนื่องจากมีลักษณะที่เหนียวและข้น
สิ่งนี้อาจนำไปสู่ปัญหาที่คุกคามชีวิต รวมถึงการติดเชื้อ การหายใจล้มเหลว และภาวะทุพโภชนาการ
การได้รับการรักษาโรคซิสติก ไฟโบรซิส ทันทีเป็นสิ่งที่สำคัญ การวินิจฉัยแยกโรคและการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ มีความสำคัญต่อการปรับปรุงคุณภาพชีวิตและยืดอายุการใช้งานของปอด
การตรวจคัดกรองโรคและวิธีการรักษาได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้คนที่เป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิสจำนวนมากมีอายุอยู่ในช่วง 40-50 ปี
อาการของโรคซิสติก ไฟโบรซิส
อาการของโรคซิสติก ไฟโบรซิส จะมีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับบุคคลและความรุนแรงของโรค อาจเกิดอาการขึ้นในช่วงอายุที่แตกต่างกันได้เช่นกัน
อาการของโรคอาจปรากฏในวัยเด็ก แต่ในเด็กบางคนก็อาจไม่พบอาการใด ๆ เลย จนกว่าจะเข้าสู่วัยรุ่นหรือในช่วงชีวิตหลังจากนั้น เมื่อเวลาผ่านไปอาการที่เกี่ยวข้องกับโรคอาจจะดีขึ้นหรือเลวร้ายลง
สัญญาณแรกของโรคซิสติก ไฟโบรซิส คือ ผิวหนังมีรสเค็มอย่างรุนแรง พ่อแม่ของเด็กที่เป็นโรคนี้ได้พูดถึงการรับรู้รสเค็มนี้เมื่อจูบลูก ๆ
อาการอื่น ๆ ของโรคซิสติก ไฟโบรซิส เป็นผลมาจากภาวะแทรกซ้อนที่ส่งผลกระทบต่อ
-
ปอด
-
ตับอ่อน
-
ตับ
-
อวัยวะอื่นๆ ของระบบทางเดินอาหาร
ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
เมือกที่เหนียวข้น มักเกี่ยวข้องกับโรคซิสติก ไฟโบรซิส เพราะจะปิดกั้นทางเดินอากาศที่เข้าและออกจากปอด ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการต่อไปนี้
-
ไออย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดน้ำมูก หรือเสมหะหนา
-
หายใจหอบถี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อออกกำลังกาย
-
อาการติดเชื้อในปอดกำเริบ
ปัญหาทางเดินอาหาร
เมือกที่ถูกสร้างมาอย่างผิดปกติสามารถอุดตันท่อซึ่งนำเอนไซม์ที่ผลิตโดยตับอ่อนไปยังลำไส้เล็ก หากไม่มีเอนไซม์เหล่านี้ทำหน้าที่ย่อยอาหาร ลำไส้จะไม่สามารถดูดซึมสารอาหารที่จำเป็นจากอาหารได้ ซึ่งจะส่งผลให้
-
อุจจาระมันเยิ้มและมีกลิ่นเหม็น
-
หน้าท้องบวม
-
เด็กมีน้ำหนักตัวน้อย
-
เด็กมีการเจริญเติบโตช้า
สาเหตุของโรคซิสติก ไฟโบรซิส
โรคซิสติก ไฟโบรซิสเกิดจากความบกพร่องของสิ่งที่เรียกว่า ยีน “ cystic fibrosis transmembrane conductance regulator” หรือยีน CFTR ยีนนี้ทำหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนที่เข้าออกของน้ำและเกลือของเซลล์ร่างกาย
การกลายพันธุ์อย่างกะทันหัน หรือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในยีน CFTR ทำให้สร้างเมือกหนาและเหนียวกว่าที่ควรจะเป็น เมือกที่ผิดปกตินี้ถูกสร้างขึ้นในอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกายรวมทั้ง
-
ลำไส้
-
ตับอ่อน
-
ตับ
-
ปอด
นอกจากนี้ยังเพิ่มปริมาณเกลือในเหงื่อที่หลั่งออกมาด้วย
ข้อบกพร่องที่แตกต่างกันหลายอย่างนี้อาจส่งผลต่อยีน CFTR ประเภทของข้อบกพร่องมีความสัมพันธ์กับความรุนแรงของโรคซิสติก ไฟโบรซิส ยีนที่เสียหายจะถูกถ่ายทอดจากพ่อแม่ไปสู่เด็ก
การที่จะเป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิสเด็กต้องได้รับยีนหนึ่งสำเนาจากพ่อและแม่
หากได้รับยีนเพียงสำเนาเดียว จะไม่พัฒนาให้เกิดโรค อย่างไรก็ตาม ยีนนี้จะเป็นพาหะของยีนที่บกพร่องซึ่งหมายความว่าอาจถูกถ่ายทอดยีนไปยังรุ่นลูกได้
การรักษาโรคซิสติก ไฟโบรซิส
แม้จะไม่มีวิธีรักษาโรคซิสติก ไฟโบรซิส แต่ก็มีวิธีการรักษาในแบบต่างๆ ที่อาจช่วยบรรเทาอาการและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนได้
การรักษาด้วยยา
-
อาจมีการใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อกำจัดการติดเชื้อในปอด และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้ออื่นตามมา โดยปกติจะให้เป็นยาน้ำ ยาเม็ด หรือ แคปซูล ในกรณีที่มีอาการรุนแรงมากขึ้นสามารถให้ยาปฏิชีวนะชนิดสารละลาย หรือฉีดยาปฏิชีวนะเข้าหลอดเลือด (ทางหลอดเลือดดำ)
-
ยาลดน้ำมูกทำให้เมือกบางลงและเหนียวน้อยลง นอกจากนี้ยังช่วยให้ไอเป็นเมือกเพื่อให้ขับออกจากปอด ซึ่งช่วยฟื้นฟูการทำงานของปอดได้อย่างมีนัยสำคัญ
-
ยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน (Advil) มีบทบาทจำกัดในการลดการอักเสบของทางเดินหายใจ มูลนิธิ โรคซิสติก ไฟโบรซิส แนะนำให้ใช้ ไอบูโพรเฟนขนาดสูงในเด็กอายุ 6- 17 ปี ที่มีการทำงานของปอดที่ดี ส่วนผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของการทำงานของปอดอย่างรุนแรง หรือผู้ที่มีอายุมากกว่า 18 ปีไม่แนะนำให้ใช้ไอบูโพรเฟน
-
ยาขยายหลอดลมจะคลายกล้ามเนื้อรอบ ๆ ท่อที่นำอากาศไปที่ปอด ซึ่งจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของอากาศ โดยสามารถใช้ยานี้ผ่านเครื่องช่วยหายใจหรือเครื่องพ่นละอองยา
-
Cystic fibrosis transmembrane conductance regulator (CFTR) modulators เป็นกลุ่มยาที่ออกฤทธิ์ฟื้นฟูการทำงานของยีน CFTR ที่มีข้อบกพร่อง ยาเหล่านี้แสดงถึงความก้าวหน้าที่สำคัญในการจัดการโรคซิสติก ไฟโบรซิส เนื่องจากมีเป้าหมายในการทำงานของยีน CFTR ที่กลายพันธุ์มากกว่าผลทางคลินิก ควรทำการศึกษายีน CFTR ในผู้ที่ป่วยเป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิส ทุกราย โดยใช้โมดูเลเตอร์ CFTR ยืนยันผลการตรวจสอบว่าพวกเขามียีนที่กลายพันธุ์หรือไม่ ข้อมูลส่วนใหญ่ที่มีอยู่ในกลุ่มผู้ป่วยที่อายุน้อยกว่า 12 ปี และในผู้ป่วยที่เป็นโรคปอดเรื้อรัง ในระดับเล็กน้อยหรือปานกลาง
ขั้นตอนการผ่าตัด
-
การผ่าตัดลำไส้ คือการผ่าตัดฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องกับการตัดบางส่วนของลำไส้ออก เพื่อบรรเทาการอุดตันในลำไส้
-
ท่อให้อาหาร โรคซิสติก ไฟโบรซิส อาจรบกวนการย่อยอาหาร และขัดขวางการดูดซึมสารอาหารจากอาหาร ท่อให้อาหารทำให้สามารถส่งสารอาหารผ่านทางจมูกหรือผ่าตัดเข้าไปในกระเพาะอาหารโดยตรง
-
การปลูกถ่ายปอดทั้ง 2 ข้าง เมื่อการดูแลทางการแพทย์เพียงอย่างเดียวไม่สามารถรักษาสุขภาพปอดและการทำงานของร่างกายได้อีกต่อไป ขั้นตอนนี้จะสามารถยืดเวลาของชีวิต และฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของผู้ที่เป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิส ได้
การเปลี่ยนปอด
ผู้รับการปลูกถ่ายอวัยวะส่วนใหญ่รายงานว่าร่างกายได้รับการฟื้นฟูให้มีความแข็งแรงและมีพละกำลังมากขึ้น และหายจากอาการต่างๆ เช่น ไอ และหายใจถี่
แม้ว่าการปลูกถ่ายปอดทั้ง 2 ข้าง จะไม่สามารถรักษาโรคซิสติก ไฟโบรซิส ได้เนื่องจากยังคงมียีนที่บกพร่องอยู่ในร่างกาย แต่ปอดของผู้บริจาคจะไม่มียีนที่กลายพันธุ์
การทำกายภาพบำบัดทรวงอก
การทำกายภาพบำบัดทรวงอกช่วยมูกหนาในปอดลดลง ทำให้ไอง่ายขึ้น โดยปกติจะทำ 1-4 ครั้งต่อวัน
เทคนิคที่มักนำมาใช้ คือการวางศีรษะเหนือขอบเตียงและปรบมือด้วยมือที่ป้องไว้ที่ด้านข้างของหน้าอก
อาจใช้อุปกรณ์เพื่อล้างเมือก ซึ่งรวมถึง
-
ตบมือที่หน้าอกซึ่งเลียนแบบผลของการตบมือด้วยมือที่ป้องไว้ที่ด้านข้างของหน้าอก
-
เสื้อชูชีพซึ่งสั่นด้วยความถี่สูงเพื่อช่วยขจัดมูกออกจากอก
การรักษาด้วยตัวเองที่บ้าน
โรคซิสติก ไฟโบรซิส สามารถขัดขวางไม่ให้ลำไส้ดูดซึมสารอาหารที่จำเป็นต่างร่างกาย ซึ่งจะได้จากอาหารที่กินเข้าไป
หากคุณเป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิส คุณอาจต้องการพลังงานต่อวันมากกว่าคนที่ไม่เป็นโรค ซึ่งอาจต้องกินเอนไซม์ตับอ่อนชนิดแคปซูลทุกมื้ออาหาร
แพทย์อาจแนะนำให้คุณกินยาลดกรด วิตามินรวม และอาหารที่มีเส้นใยและเกลือสูง
หากคุณเป็นโรคซิสติกไฟโบรซิส ควรปฏิบัติดังนี้
-
ดื่มน้ำมาก ๆ เพราะจะช่วยให้ลดเมือกในปอดให้บางลง
-
ออกกำลังกายด้วยการเดิน ปั่นจักรยาน และว่าย เป็นประจำเพื่อช่วยลดเมือกในทางเดินหายใจ
-
หากสามารถทำได้ให้หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีหมอกควัน เกสรดอกไม้ และเชื้อรา เนื่องจากสารระคายเคืองเหล่านี้จะสามารถทำให้มีอาการของโรครุนแรงขึ้น
ภาวะแทรกซ้อนของโรคซิสติก ไฟโบรซิส
โรคซิสติก ไฟโบรซิส เป็นโรคทางพันธุกรรมที่ส่งผลต่อปอดและระบบย่อยอาหารเป็นหลัก อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ มากมาย ซึ่งบางรายอาจถึงแก่ชีวิตได้ ต่อไปนี้เป็นภาวะแทรกซ้อนทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับโรคปอดเรื้อรัง:-
ภาวะแทรกซ้อนทางเดินหายใจ:
-
-
- การติดเชื้อในปอดเรื้อรัง: ผู้ป่วยโรคซิสติก ไฟโบรซิส มีแนวโน้มที่จะติดเชื้อในปอดบ่อยครั้งเนื่องจากมีเมือกหนาและเหนียวซึ่งดักจับแบคทีเรียและเชื้อโรคอื่น ๆ การติดเชื้อเหล่านี้อาจนำไปสู่โรคหลอดลมโป่งพองและความเสียหายของปอดที่รุนแรงขึ้น
- โรคหลอดลมโป่งพอง:เป็นภาวะที่ทางเดินหายใจในปอดขยายและเสียหาย ทำให้ขับเสมหะออกได้ยากขึ้นและนำไปสู่การติดเชื้อเพิ่มเติม
-
ภาวะแทรกซ้อนทางเดินอาหาร:
- ปัญหาตับอ่อน:คนส่วนใหญ่ที่เป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิส มีปัญหาเกี่ยวกับตับอ่อนซึ่งอาจส่งผลให้ขาดเอนไซม์ที่จำเป็นสำหรับการย่อยอาหารที่เหมาะสม สิ่งนี้สามารถนำไปสู่ภาวะทุพโภชนาการและการเจริญเติบโตที่ไม่ดีในเด็ก
- โรคตับ: โรคซิสติก ไฟโบรซิส อาจส่งผลต่อตับและนำไปสู่สภาวะต่างๆ เช่นโรคตับแข็ง
-
-
ภาวะแทรกซ้อนทางโภชนาการ:
-
-
- ภาวะทุพโภชนาการ:การดูดซึมสารอาหารได้ยากอาจทำให้เกิดภาวะทุพโภชนาการและการเจริญเติบโตล้มเหลว โดยเฉพาะในเด็ก
- โรคเบาหวาน:บุคคลบางคนที่เป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิส เป็นโรคเบาหวานประเภทหนึ่งที่เรียกว่าโรคเบาหวานที่เกี่ยวข้องกับโรคปอดเรื้อรัง (CFRD) เนื่องจากความผิดปกติของตับอ่อน
-
-
ภาวะแทรกซ้อนของไซนัสและจมูก:
-
-
- ไซนัสอักเสบเรื้อรัง:น้ำมูกหนาอาจส่งผลต่อไซนัส ทำให้เกิดการติดเชื้อไซนัสเรื้อรัง
-
-
ภาวะแทรกซ้อนทางระบบสืบพันธุ์:
-
-
- ปัญหาการเจริญพันธุ์:ในผู้ชาย โรคซิสติก ไฟโบรซิสสามารถนำไปสู่ปัญหาการเจริญพันธุ์เนื่องจากการอุดตันของ vas deferens หรือขาดหายไป ผู้หญิงที่เป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิส ก็สามารถลดภาวะเจริญพันธุ์ได้เช่นกัน
-
-
ภาวะแทรกซ้อนของกระดูก:
-
-
- โรคกระดูกพรุน: โรคซิสติก ไฟโบรซิสอาจส่งผลต่อสุขภาพกระดูก ส่งผลให้มีความเสี่ยงสูงต่อโรคกระดูกพรุนและกระดูกหัก
-
-
ภาวะแทรกซ้อนทางจิตวิทยาและสังคม:
-
-
- การมีชีวิตอยู่กับความเจ็บป่วยเรื้อรังเช่น โรคซิสติก ไฟโบรซิส อาจทำให้เกิดความท้าทายด้านจิตใจและสังคม รวมถึงภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล และความจำเป็นในการแทรกแซงทางการแพทย์และการรักษาในโรงพยาบาลบ่อยครั้ง
-
-
ระบบหายใจล้มเหลว:
-
- เมื่อเวลาผ่านไป ความเสียหายของปอดที่เพิ่มขึ้นในโรคซิสติก ไฟโบรซิส อาจทำให้ระบบหายใจล้มเหลว ซึ่งปอดไม่สามารถให้ออกซิเจนแก่ร่างกายได้เพียงพออีกต่อไป นี่เป็นภาวะแทรกซ้อนที่คุกคามถึงชีวิต
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
-
https://www.medicalnewstoday.com/articles/147960
-
https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/cystic-fibrosis/symptoms-causes/syc-20353700
-
https://www.nhs.uk/conditions/cystic-fibrosis
-
https://medlineplus.gov/genetics/condition/cystic-fibrosis
เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team