การทำ CT Scan คืออะไร
เครื่องสแกน CT จะนำเอาอุปกรณ์เอ็กซเรย์พิเศษเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถทำงานได้อย่างซับซ้อนเพื่อทำให้เกิดรายละเอียดของภาพทุกส่วนในร่างกายที่ต้องการสแกนหา เครื่องเอ็กซเรย์จะทำการถ่ายภาพหลายภาพจากมุมที่ต่างกันของบริเวณที่ต้องการสแกนของร่างกาย ต่อจากนั้นคอมพิวเตอร์จะเชื่อมต่อภาพเหล่านั้นเข้าด้วยกัน ทำให้สามารถมองเห็นภาพในบริเวณที่กำลังสแกนอยู่ได้อย่างละเอียด เครื่องสแกนของเราสามารถสแกนภาพได้ถึง 64 ภาพ พร้อมกับเทคโนโลยี Adaptive Statistical Iterative Reconstruction (ASIR) ที่ให้คุณภาพของภาพสูง และมีปริมาณรังสีที่มีผลกระทบต่อร่างกายน้อยมากทำการตรวจ CT สแกนกันอย่างไร
ในการตรวจด้วยวิธีนี้ นักรังสีเทคนิคจะให้คุณนอนลงบนเบาะบนโต๊ะของเครื่อง CT แสกน จากนั้นจะเลื่อนเบาะที่คุณนอนอยู่เข้าไปในเครื่องแสกน แต่ก่อนที่จะทำการแสกน นักรังสีเทคนิคจะออกไปจากห้องตรวจแต่จะยังคงติดต่อสื่อสารกับคุณตลอดเวลาผ่านระบบอินเตอร์คอม ในขณะที่กำลังทำการแสกนคุณอาจต้องกลั้นหายใจและทำตัวนิ่งๆ ชั่วขณะ คุณอาจได้ยินเสียงเครื่องสแกน CT หมุนในขณะที่โต๊ะที่คุณนอนอยู่กำลังเคลื่อนผ่านเครื่องสแกนอย่างช้าๆ ในบางครั้ง(ซึ่งเป็นส่วนใหญ่) การสแกน CT จำเป็นต้องทำการฉีดสารคอนทราสต์ (สารที่ทำให้มองเห็นส่วนที่ต้องการสแกนชัดมากขึ้น) เข้าทางหลอดเลือดดำซึ่งจะเน้นบริเวณของร่างกายที่กำลังศึกษาอยู่ และจะช่วยให้นักรังสีเทคนิคมองเห็นบริเวณเหล่านั้นได้ชัดเจนขึ้น ระยะเวลาในการทำ CT แสกนโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 15-30 นาที แต่ในความเป็นจริงอาจใช้เวลาน้อยกว่านั้นประมาณ 5 นาที หากคุณมีประวัติการแพ้สารคอนทราสต์ ให้แจ้งแก่แพทย์และนักรังสีเทคนิคที่ทำการแสกนให้ทราบด้วย ซึ่งแพทย์อาจจะต้องให้ยาบางชนิดล่วงหน้าก่อนที่จะฉีดสารคอนทราสต์ให้กับคุณ เพื่อป้องกันการแพ้ หลังจากทำ CT scan แล้ว คุณสามารถกลับมาทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ตามปกติ และคุณควรดื่มของเหลวที่ไม่มีคาเฟอีนหรือไม่มีแอลกอฮอล์ เช่น น้ำ และน้ำผลไม้ให้มากๆ เพื่อช่วยล้างสารคอนทราสต์ออกจากร่างกายของคุณจะรู้ผล ซีที สแกนได้อย่างไร
ผลการสแกนของคุณจะถูกวิเคราะห์โดยนักรังสีเทคนิคของเรา และผลการตรวจจะถูกส่งไปยังแพทย์ของคุณ (โดยปกติใช้เวลาภายใน 48 ชั่วโมง) ผลการตรวจจะถูกเผยแพร่ไปยัง My Health Portal ของคุณด้วย หลังจากได้รับผลของการสแกนแล้ว แพทย์จะทำการนัดหมายเพื่อหารือกับคุณเกี่ยวกับสิ่งที่พบเห็นจากการแสกน และแนวทางสำหรับการรักษาต่อไป (ในกรณีมีเหตุที่ต้องทำการรักษา)การเตรียมตัวและปฏิบัติตัวก่อนเข้ารับการทำ CT แสกน
เจ้าหน้าที่ของแผนก Atrius Health Imaging ของเราจะติดต่อคุณเพื่อตรวจสอบ และถามคำถามเพื่อความปลอดภัย ซึ่งเป็นการคัดกรองและให้คำแนะนำในการเตรียมตัว ในขั้นตอนนี้จะทำก่อนที่จะการสแกนประมาณ 48-72 ชั่วโมง การสอบถามและต้องได้รับคำตอบก่อนที่จะทำการแสกนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง หากคุณต้องรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งก็ขอให้รับประทานต่อไป เว้นแต่จะได้รับคำแนะนำเป็นอย่างอื่น หากคุณเพิ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการทำประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพ หรือหากคุณเคยทำการตรวจอวัยวะที่กำลังจะทำการสแกนนี้มาก่อน ขอให้คุณโปรดแจ้งแก่เจ้าหน้าที่ให้ทราบถึงเรื่องดังกล่าวด้วย บริษัทประกันชีวิตที่คุณทำประกันเอาไว้ ต้องอนุมัติให้คุณทำการตรวจและส่งเรื่องการอนุมัตินี้ให้แพทย์ของคุณก่อนที่คุณจะทำการตรวจด้วย CT แสกน ในกรณีที่คุณมีภาวะดังต่อไปนี้ คุณอาจต้องทำการตรวจเลือดก่อนที่คุณต้องฉีดสารคอนทราสต์ในการทำ CT สแกน- อายุ 60 ปีขึ้นไป
- ความดันโลหิตสูง
- มีประวัติบุคคลในครอบครัวเคยเป็นโรคไต หรือเนื้องอกในไต (มะเร็ง ) หรือเคยปลูกถ่ายไต หรือมีไตข้างเดียว
- เป็นโรคเบาหวาน
การปฏิบัติตัวเมื่อเข้ารับการทำ CT Scan
ในวันที่เข้ารับการตรวจแบบ CT สแกน คุณจะถูกร้องขอให้กรอกและลงนามในเอกสารคัดกรอง เพื่อให้แน่ใจว่าคุณพร้อมและปลอดภัยสำหรับการตรวจ เราขอแนะนำให้คุณสวมเสื้อผ้าที่สบายตัวโดยไม่มีโลหะหรือซิป คุณอาจถูกร้องขอให้เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดของโรงพยาบาล หากเป็นเช่นนั้นจะมีล็อกเกอร์เก็บของในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อความปลอดภัยในการเก็บของใช้ส่วนตัวไว้ให้คุณด้วยใครที่ต้องทำ CT Scan
การสแกน CT Scan เป็นเทคนิคการถ่ายภาพทางการแพทย์ที่ผสมผสานการเอ็กซ์เรย์และเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เพื่อสร้างภาพตัดขวางที่มีรายละเอียดของร่างกาย การสแกน CT มีประโยชน์ในการวินิจฉัยและประเมินอาการทางการแพทย์ต่างๆ โดยทั่วไปการตัดสินใจทำซีทีสแกน จะกระทำโดยผู้ให้บริการด้านสุขภาพโดยพิจารณาจากอาการเฉพาะ ประวัติทางการแพทย์ และสิ่งบ่งชี้ทางคลินิกของแต่ละบุคคล ต่อไปนี้เป็นสถานการณ์ทั่วไปที่อาจแนะนำให้ทำการสแกน CT:- กรณีการบาดเจ็บและเหตุฉุกเฉิน:
-
-
- ซีทีสแกนมักใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น การประเมินการบาดเจ็บหลังการบาดเจ็บ อุบัติเหตุ หรือการล้มอย่างรุนแรง พวกเขาสามารถให้ภาพที่มีรายละเอียดได้อย่างรวดเร็วเพื่อเป็นแนวทางในการแทรกแซงทางการแพทย์
-
- สภาพศีรษะและสมอง:
-
-
- โดยทั่วไปการสแกน CT ของศีรษะจะใช้ในการประเมินสภาวะต่างๆ เช่น การบาดเจ็บที่ศีรษะ สงสัยว่ากะโหลกศีรษะแตก มีเลือดออกในสมอง เนื้องอก และการติดเชื้อ
-
- สภาพหน้าอก:
-
-
- การสแกน CT ของหน้าอกสามารถช่วยวินิจฉัยและประเมินสภาวะต่างๆ เช่น การติดเชื้อในปอด เส้นเลือดอุดตันที่ปอด (ลิ่มเลือดในปอด) ก้อนเนื้อในปอด และปัญหาหลอดเลือดและหัวใจบางอย่าง
-
- ภาวะช่องท้องและกระดูกเชิงกราน:
-
-
- การสแกน CT ช่องท้องและอุ้งเชิงกรานใช้ในการประเมินสภาวะต่างๆ รวมถึงอาการปวดท้อง ปัญหาระบบทางเดินอาหาร โรคตับและไต เนื้องอก และความผิดปกติของกระดูกเชิงกราน
-
- การตรวจหาและระยะมะเร็ง:
-
-
- การสแกน CT มีบทบาทสำคัญในการตรวจหาและระยะของมะเร็งชนิดต่างๆ พวกเขาสามารถให้ภาพรายละเอียดของเนื้องอก ประเมินขนาดและตำแหน่งของเนื้องอก และช่วยระบุขอบเขตของโรค
-
- ปัญหากระดูกและข้อ:
-
-
- การสแกน CT มีประสิทธิภาพในการถ่ายภาพกระดูกและข้อต่อ อาจใช้ในการประเมินกระดูกหัก การติดเชื้อของกระดูก โรคข้ออักเสบ และสภาวะทางกระดูกและข้อบางประการ
-
- สภาพกระดูกสันหลัง:
-
-
- การสแกน CT ของกระดูกสันหลังสามารถช่วยวินิจฉัยอาการบาดเจ็บที่ไขสันหลัง หมอนรองกระดูกเคลื่อน เนื้องอก และความผิดปกติอื่นๆ ของกระดูกสันหลัง
-
- ไซนัสและการถ่ายภาพใบหน้า:
-
-
- การสแกน CT มักใช้เพื่อประเมินสภาพไซนัส ใบหน้าหัก และปัญหาทางทันตกรรม
-
- การศึกษาเกี่ยวกับหลอดเลือด:
-
-
- CT angiography เป็น CT scan ชนิดพิเศษที่เน้นไปที่หลอดเลือด สามารถใช้เพื่อประเมินสภาวะของหลอดเลือด เช่น โป่งพอง การอุดตัน และความผิดปกติ
-
- การประเมินอวัยวะ:
-
- การสแกน CT สามารถให้ภาพโดยละเอียดของอวัยวะต่างๆ รวมถึงตับ ม้าม ตับอ่อน และไต ช่วยในการวินิจฉัยและประเมินสภาวะที่ส่งผลต่ออวัยวะเหล่านี้
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.mayoclinic.org/tests-procedures/ct-scan/about/pac-20393675
- https://www.nhs.uk/conditions/ct-scan/
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น