แครนเบอร์รี่ (Cranberries) : ประโยชน์ และสิ่งควรรู้

แครนเบอร์รี่ คืออะไร

แครนเบอร์รี่เป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่เช่นเดียวกับ บลูเบอร์รี่ บิลเบอร์รี่ และลินกอนเบอร์รี่  ชนิดที่พบมากที่สุดคือแครนเบอร์รี่ที่ปลูกในอเมริกาเหนือ (Vaccinium macrocarpon) แต่ชนิดอื่น ๆ ก็ถูกพบทั่วไปในธรรมชาติ แครนเบอร์รี่ไม่ค่อยถูกกินดิบ ๆ เท่าใดนักเพราะมีรสเปรี้ยว  ปกติแล้วจะถูกบริโภคในรูปแบบของน้ำผลไม้ ซึ่งถูกทำให้หวานและนำไปผสมกับน้ำผลไม้อื่น  หรือเป็นแครนเบอร์รี่อบแห้ง ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่มีแครนเบอร์รี่เป็นส่วนประกอบเช่น ซอส แครนเบอร์รี่แห้ง แป้ง และสารสกัดที่เป็นอาหารเสริม  แครนเบอร์รี่มีวิตามินและสารประกอบที่ดีต่อสุขภาพหลายชนิด บางชนิดสามารถต้านการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะได้  บทความนี้จะบอกทุกอย่างที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับแครนเบอร์รี่ รวมไปถึงคุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์ต่อสุขภาพ 

คุณค่าทางโภชนาการ 

แครนเบอร์รี่สดประกอบไปด้วยน้ำ 90% ที่เหลือก็เป็นคาร์โบไฮเดรตและไฟเบอร์  แครนเบอร์รี่สด 1 ถ้วยมีคุณค่าทางอาหาร: 
  • แคลลอรี่: 46 
  • น้ำ: 87%
  • โปรตีน: 0.4 กรัม
  • คาร์บ: 12.2 กรัม
  • น้ำตาล: 4 กรัม
  • ไฟเบอร์: 4.6 กรัม
  • ไขมัน: 0.1 กรัม 

คาร์บและไฟเบอร์ 

แครนเบอร์รี่ประกอบไปด้วยคาร์ปและไฟเบอร์ (เส้นใยอาหาร) ทั้งยังมีน้ำตาล เช่น ซูโครส กลูโคส และฟรุกโตส ทั้งหมดเป็นไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำ เช่น เพคติน เซลลูโลส และเฮมิเซลลูโลส ซึ่งจะผ่านลำไส้ใหญ่แทบจะทั้งหมด  ในแครนเบอร์รี่ยังมีไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ ด้วยเหตุผลนี้ แครนเบอร์รี่เป็นสาเหตุของท้องเสียได้  ในทางกลับกัน น้ำแครนเบร์รี่ไม่มีไฟเบอร์และมันก็เจือจางไปกับน้ำผลไม้อื่น และถูกทำให้หวานโดยการใส่น้ำตาลเพิ่ม

วิตามินและแร่ธาตุ 

แครนเบอร์รี่เป็นแหล่งของวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิตามินซี 
  • วิตามินซีหรือแอสคอร์บิกแอซิด เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีในแครนเบอร์รี่ ซึ่งสำคัญต่อผิว กล้ามเนื้อ และกระดูก 
  • แมงกานีส พบมากในอาหารต่าง ๆ แมงกานีสจำเป็นต่อการเติบโตของร่างกาย การเผาผลาญ และระบบต้านอนุมูลอิสระของร่างกาย 
  • วิตามินอี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ละลายในไขมัน
  • วิตามินเค 1 หรือ ฟิลโลควิโนน เป็นวิตามินที่ทำให้เกิดลิ่มเลือด 
  • คอปเปอร์ การรับประทานคอปเปอร์อย่างไม่เหมาะสมอาจส่งผลต่อหัวใจได้ 

สารประกอบพืชอื่น ๆ 

 แครนเบอร์รี่มีสารประกอบพืชและสารต้านอนุมูลอิสระที่ออกฤทธิ์ทางชีวภาพสูงมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งฟลาโวนอลโพลีฟีนอล  สารประกอบพืชเหล่านี้พบมากบนผิวของแครนเบอร์รี่ และลดลงมากเมื่อกลายเป็นน้ำแครนเบอร์รี่ 
  • เควอซิทิน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีมากที่สุดในแครนเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่เป็นหนึ่งในผลไม้ที่อุดมไปด้วยเควอซิทิน 
  • ไมริเซติน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระโพลีฟีนอลที่พพบมากในแครนเบอร์รี่ ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพมาก 
  • พีโอนิดิน เมื่อเทียบกับไซยานิเชดินแล้ว พีโอนิดินทำให้เกิดสีแดงในแครนเบอร์รี่และมีประโยชน์ต่อสุขภาพ พีโอนิดินพบมากในแครนเบอร์รี่ 
  • กรดยูโซลิก พบมาในผิวของแครนเบอร์รี่ กรดยูโซลิกเป็นสารประกอบไตรเทอร์พีน เป็นส่วนผสมในยามุนไพรแบบดั้งเดิมมากมาย และมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ 
  • ชนิดเอ หรือแทนนิน เป็นโพลีฟีนอลที่มีฤทธิ์ต้านการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ 
Cranberries

ป้องกันการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ 

การติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะเป็นการติดเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้หญิง  มีสาเหตุเกิดจากแบคทีเรียในลำไส้ Escherichia coli (E. coli) ซึ่งไปติดในพื้นผิวของกระเพาะปัสสาวะและทางเดินปัสสาวะ  แครนเบอร์รี่มีสารไฟโตนิวเทรียน Proanthocyanidins ชนิดเอ หรือแทนนิน  Proanthocyanidins ชนิดเอ สามารถป้องกันแบคทีเรีย E. coli ไม่ให้ไปติดในกระเพาะปัสสาวะและทางเดินปัสสาวะได้ ทำให้แครนเบอร์รี่สามารถป้องกันการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะได้  แครนเบอร์รี่มี Proanthocyanidins อยู่มาก โดยเฉพาะชนิดเอ  การศึกษาในมนุษย์พบว่า การดื่มน้ำแครนเบอร์รี่หรือการรับประทานอาหารเสริมแครนเบอร์รี่สามารถลดความเสี่ยงของการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ทั้งในเด็กและในผู้ใหญ่  การทบทวนอย่างเป็นระบบแะการวิเคราะห์อภิมานสนับสนุนการค้นพบเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้หญิงที่มีการอักเสบของกระเพาะปัสสาวะซ้ำซ้อน  ผลิตภัณฑ์จากแครนเบอร์รี่ทุกชนิดไม่ได้มีผลต้านการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ เพราะในบางกระบวณการเกิดการสูญเสีย Proanthocyanidins ทำให้ไม่พบในหลาย ๆ ผลิตภัณฑ์  ในทางกลับกัน อาหารเสริมจากแครนเบอร์รี่ ซึ่งมี Proanthocyanidins ชนิดเออยู่มาก อาจเป็นวิธีการป้องกันที่ดี  หากคุณสงสัยว่าคุณกำลังเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาเบื้องต้น ซึ่งคือการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ  แครนเบอร์รี่ไม่ได้มีฤทธิ์รักษาการติดเชื้อ แต่เพียงช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อขึ้น 

ประโยชน์อื่นของแครนเบอร์รี่อบแห้ง

แครนเบอร์รี่ยังมีประมีประโยชน์ต่อสุขภาพด้านอื่น ๆ ดังนี้ 

น้ำแครนเบอร์รี่ป้องกันโรคมะเร็งและแผลในกระเพาะอาหาร

โรคมะเร็งกระเพาะอาหารเป็นหนึ่งในโรคที่ทำให้คนเสียชีวิตทั่วโลก เกิดขึ้นจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori (H. pylori) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร การอักเสบ และแผลในกระเพาะอาหาร  แครนเบอร์รี่มีสารประกอบพืช Proanthocyanidins ชนิดเอ ที่ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหารโดยการป้องกันไม่ให้ H. pylori เกาะผิวกระเพาะอาหาร  การศึกษาในผู้ใหญ่ 189 แนะนำว่าการดื่มน้ำแครนเบอร์รี่ 2.1 แก้ว (500 ml) เป็นประจำอาจช่วยลดการติดเชื้อจาก H. pylori อีกการศึกษาหนึ่งในเด็ก 295 พบว่า การบริโภคน้ำแครนเบอร์รี่ทุกวันเป็นเวลา 3 สัปดาห์ช่วยลดการเติบโตของ H. pylori  ประมาณ 17% ในผู้ที่มีการติดเชื้อ 

แครนเบอร์รี่สรรพคุณที่ดีต่อสุขภาพของหัวใจ 

โรคหัวใจเป็นโรคที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตทั่วโลก  แครนเบอร์รี่มีสารต้านอนุมูลอิสระมากมายที่อาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพของหัวใจ ซึ่งรวมไปถึง Anthocyanins Proanthocyanidins และ Quercetin ในการศึกษาในมนุษย์ น้ำแครนเบอร์รี่หรือสารสกัดจากแครนเบอร์รี่มีประโยชน์ต่อปัจจัยความเสี่ยงของโรคหัวใจหลายอย่าง ผลิตภัณฑ์จากแครนเบอร์รี่อาจช่วย: 
  • เพิ่มปริมาณคอเลสเตอรอลชนิดดี 
  • ลดคอเรสเตอรอลชนิดไม่ดีในผู้ป่วยเบาหวาน
  • ป้องกันคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีจากการทำปฏิกริยา 
  • ลดความเเข็งของหลอดเลือดในผู้ที่เป็นโรคหัวใจ 
  • ลดความดันโลหิต
  • ลดระดับโฮโมซิสเตอิน ซึ่งทำให้ความเสี่ยงที่หลอดเลือดจะอักเสบลดลง 
แต่การศึกษาต่าง ๆ มีผลลัพท์ที่แตกต่างกัน 

ความปลอดภัยและผลข้างเคียง 

แครนเบอร์รี่และผลิตภัณฑ์จากแครนเบอร์รี่ปลอดภัยสำหรับคนส่วนมากที่จะบริโภค  อย่างไรก็ตาม การบริโภคที่มากเกินไปอาจทำให้ปวดท้องและท้องเสีย และอาจทำให้เกิดนิ่วในไตในบางราย 

นิ่วในไต 

นิ่วในไตเกิดจากการที่แร่ธาตุบางชนิดในปัสสาวะมีสูงเกินไป ซึ่งสร้างความเจ็บปวดมาก นิ่วในไตส่วนมากเกิดจากแคลเซียมออกซาเลต หากมีมากในปัสสาวะจะทำให้เกิดนิ่ว  แครนเบอร์รี่ โดยเฉพาะอย่างย่ิงสารสกัดจากแครนเบอร์รี่ อาจมีออกซาเลตในปริมาณที่สูง ด้วยเหตุนี้ มันจึงทำให้เกิดความเสี่ยงของการเกิดนิ่วในไตหากบริโภคในปริมาณที่สูงเกินไป  ความไวต่อการเกิดนิ่วในไตนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ในผู้คนส่วนมาก แครนเบอร์รี่ไม่ได้ก่อให้เกิดโรคนิ่วในไต  แต่คุณก็ยังมีความเสี่ยงที่จะเป็นนิ่วในไตได้ ฉะนั้น จึงควรรับประทานแครนเบอร์รี่และอาหารที่มีออกซาเลตสูงอย่างเหมาะสม แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วแครนเบอร์รี่จะถือว่าปลอดภัยและมีคุณค่าทางโภชนาการเมื่อบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ แต่การกินแครนเบอร์รี่ในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้หลายประการ สิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้หากคุณบริโภคแครนเบอร์รี่มากเกินไป:
  • ระบบทางเดินอาหารแปรปรวน:การบริโภคแครนเบอร์รี่มากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการระบบทางเดินอาหารแปรปรวน รวมถึงอาการต่างๆ เช่น ท้องร่วง ปวดท้อง และคลื่นไส้ ปริมาณเส้นใยสูงในแครนเบอร์รี่อาจทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้เมื่อบริโภคในปริมาณมาก
  • ปริมาณแคลอรี่:แครนเบอร์รี่อาจมีน้ำตาลธรรมชาติสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ในการเตรียมน้ำตาล เช่น ซอสแครนเบอร์รี่หรือเครื่องดื่มแครนเบอร์รี่รสหวาน การรับประทานแครนเบอร์รี่มากเกินไปอาจทำให้มีการบริโภคแคลอรี่มากเกินไป และอาจส่งผลให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้
  • ฟันผุ:การบริโภคผลิตภัณฑ์แครนเบอร์รี่ที่มีน้ำตาลสูงอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพช่องปากได้ เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อฟันผุได้
  • กรดไหลย้อน:ความเป็นกรดของแครนเบอร์รี่สามารถกระตุ้นหรือทำให้อาการของโรคกรดไหลย้อน หรืออาการเสียดท้องในบางคนรุนแรงขึ้นเมื่อบริโภคในปริมาณที่มากเกินไป
  • การทำให้เลือดบาง:แครนเบอร์รี่มีสารประกอบที่อาจทำให้เลือดบางลงได้เล็กน้อย การบริโภคผลิตภัณฑ์แครนเบอร์รี่มากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณทานยาลดความอ้วนในเลือดอยู่แล้ว อาจนำไปสู่ปัญหาเรื่องการแข็งตัวของเลือดได้
สิ่งสำคัญคือต้องรับประทานแครนเบอร์รี่ในปริมาณที่พอเหมาะซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่สมดุล แครนเบอร์รี่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายในปริมาณที่เหมาะสม รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินซี และการป้องกันการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับอาหารหลายชนิด การรับประทานมากเกินไปอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพต่างๆ ได้

นี่คือที่มาในบทความของเรา

  • https://www.webmd.com/food-recipes/health-benefits-cranberries
  • https://www.medicalnewstoday.com/articles/269142
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด