เริมที่ปาก (Cold Sores) : อาการ สาเหตุ ปัจจัยเสี่ยง วิธีรักษา

สาเหตุการของเริมที่ปากคืออะไร

เริมที่ปากเกิดจากอะไร Herpes Labialis คือแผลพุพอง ตุ่มใสที่ริมปีปาก มีของเหลวเกิดขึ้นบริเวณปากหรือรอบๆ ทำให้เป็นแผลที่ปาก เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes Simplex Type 1 Virus (HSV-1) เป็นโรคติดต่อที่สามารถส่งผ่านไปยังบุคคลอื่นได้ผ่านการ สัมผัสอย่างใกล้ชิด เช่นการจูบ บางครั้งหากรับเชื้อมาแล้วอาจจะไม่แสดงอาการในทันที แต่สามารถแพร่เชื้อไปยังคนอื่นได้ แต่หากเป็น herpes simplex type 2 virus (HSV-2) จะทำให้เป็นเริมที่อวัยวะเพศ

ทุกคนสามารถได้รับเชื้อไวรัสเริมได้โดยการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ โดยทางน้ำลาย น้ำเหลือง น้ำอสุจิ สิ่งนี้อาจเกิดขึ้นจากการจูบ การแบ่งปันเครื่องสำอาง หรือแบ่งปันอาหาร ออรัลเซ็กซ์อาจจะก่อให้เกิดเริมได้ทั้งสองที่คือที่อวัยวะเพศและที่ปาก เริมไม่สามารถรักษาให้หายได้ และอาจจะกำเริบตอนไหนก็ได้เนื่องจากไม่มีสัญญาณเตือน แต่มียาบางตัวที่สามารถระงับอาการไม่ให้กลับมาเป็นอีกได้ โดยส่วนใหญ่แล้วการกำเริบจะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายอ่อนแอ หรือนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ป่วย มีความเครียด หรือภูมิคุ้มกันต่ำ

อาการเริมของที่ปาก

โรคเริมมีอาการอย่างไร อาการเริมที่ปากนั้น ผู้ป่วยจะรู้สึกริมฝีปากร้อนผ่าว ๆ คันยุบยิบ แสบ เกิดขึ้นหลายวันก่อนที่จะปรากฎเป็น ตุ่มน้ำพองใส ๆ  มีผื่น  ลักษณะตุ่มน้ำเป็นเหมือนพวงองุ่นน้ำใสๆ มีทั้งส่วนที่เป็นผิวหนังธรรมดาและขึ้นคาบเกี่ยวไปบริเวณริมฝีปาก จะเกิดริมฝีปากได้ทั้งบนและล่าง ปากเป็นแผล และเมื่อมีการแสดงอาการแล้วจะมีความเจ็บปวดเพิ่มขึ้น อาจจะมีไข้ร่วมด้วย โดยอาการนี้จะเกิดขึ้นโดยประมาณ สองอาทิตย์ และสามารถแพร่เชื้อได้จนกว่าแผลจะหายหมด เมื่อปากเป็นเริมนั้นควรรีบรักษา เพราะอาจจะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันได้ โรคเริมที่ริมฝีปากส่งผล กระทบต่อรูปลักษณ์ภายนอกเป็นอย่างมากจึงควรเร่งการรักษาตั้งแต่อาการเริ่มต้น

ระยะของเริมที่ปาก

เริมที่ปากมี 5 ระยะด้วยกันคือ :
  • ระยะที่ 1 : อาการคันระคายเคืองก่อนที่จะมีแผลพุพองเกิดขึ้น
  • ระยะที่ 2 : แผลพุพองปรากฎ ปากเป็นตุ่มใส ๆ
  • ระยะที่ 3 : แผลพุพองเกิดขึ้นเต็มขั้น ทำให้เกิดการเจ็บปวด
  • ระยะที่ 4 : แผลแห้งและตกสะเก็ดทำ
  • ระยะที่ 5 : แผลตกสะเก็ดหาย ไม่แสดงอาก

ปัจจัยเสี่ยงของโรค

จากข้อมูลของ Mayo Clinic จำนวนประชากร 90% ทั่วโลกตรวจพบ herpes simplex type 1 virus และเมื่อรับเชื้อมาแล้วคุณจะมีเชื้อนี้ ถึงแม้รักษาหายก็สามารถที่ จะกลับมาเป็นได้อีก หากมีอาการดังนี้ :
  • ความเครียด
  • การเข้ารับการบำบัดคีโม
  • เกิดอาการผิวหนังอักเสบ
  • การมีประจำเดือน
  • ผิวไหม้แดด
  • ติดเชื้อ มีไข้
  • ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ติดเชื้อ HIV
cold sores

อาการแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นจากเริมที่ริมฝีปาก

การติดเชื้อเริมครั้งแรกอาจทำให้เกิดอาการและภาวะแทรกซ้อนรุนแรงเนื่องจากร่างกาย หากมีอาการดังนี้คุณควรพบแพทย์ทันที :
  • ระคายเคืองบริเวณรอบดวงตา ตาแดง
  • ไข้สูง
  • หายใจติดขัด
โดยทั่วไปแล้วอาการแทรกซ้อนมักเกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่เป็นโรคผิวหนัง หรือโรคอื่น ๆ ที่ ทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอลง เช่นผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็ง หรือติดเชื้อเอชไอวี การรักษาเริมที่ปาก (Cold Sores) ปัจจุบันวิธีรักษาเริมให้หายขาดนั้นยังเป็นไปไม่ได้ แต่เมื่อเกิดอาการก็จะมีวิธีบรรเทาอาการให้ไม่ปรากฎ เช่น การใช้ชนิดทา หรือรับประทาน ยารักษาเริมที่ปากมีดังนี้ :

ยาทารักษาเริม

ทั้งนี้ผู้ป่วยสามารถหายาทาเริมที่ปากมารักษาได้ ดังนี้
  • การรักษาด้วยครีมต้านไวรัสเช่น Penciclovir (Denavir)
  • ครีม Docosanol

ยาชนิดรับประทาน

  • acyclovir (Zovirax)      
  • valacyclovir (Valtrex) Famciclovir (Famvir)
ยาประเภทนี้จะสามารถสั่งจ่ายได้โดยแพทย์เท่านั้น 
วิธีการรักษาผิวที่มีปัญหา ?

การรักษาด้วยตัวเองที่บ้าน

  • การประคบเย็นด้วยน้ำแข็ง หรือน้ำเย็น
  • เจลว่านหางจระเข้เจลเย็นทาบริเวณแผลวันละสองสามครั้ง
  • น้ำมันทรีทีออยล์ ช่วยต้านเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรีย จำเป็นต้องเริ่มทาในระยะแรก ๆ เท่านั้นจึงจะเห็นผลชัดเจน

 แผลร้อนในกับเริม แตกต่างกันอย่างไร

แผลร้อนในและแผลเริมที่ปาก มีความคล้ายคลึงกันคือแผลเปื่อยเป็นแผลที่เกิดขึ้นที่ด้านในของปาก ลิ้น คอและแก้ม อาจเป็นตุ่มใสในปาก หรือแผลหนอง แต่ไม่ได้เป็นโรคติดต่อ เริมมักเกิดขึ้นบริเวณริมฝีปากและนอกปาก มีลักษณะเป็นตุ่มพองเหมือนพวงองุ่น และแผลร้อนในมักอยู่ด้านในริมฝีปาก

การป้องกันการแพร่กระจายของเริม

เพื่อป้องกันไม่ให้โรคติดต่อไปยังผู้อื่นคุณควรล้างมือบ่อยๆและหลีกเลี่ยงการสัมผัสทางผิวหนังกับผู้อื่น ไม่ใช้สิ่งของหรือของใช้ส่วนตัวร่วมกับใคร งดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าอาการแผลที่ริมฝีปากจะหายไป หากเป็นเริมที่ปากคุณควรทาลิปบาล์มที่มีส่วนผสมของ Zinc Oxide เพื่อป้องกันแสงแดด หากอาการปรากฎแล้วแนะนำให้ทำใจให้สบายไม่ควรมีความเครียด

คำถามที่พบบ่อย

ทำอย่างไรให้เริมหายไว มียาต้านไวรัสที่สามารถช่วยให้เริมหายเร็วขึ้น ได้แก่ acyclovir, valacyclovir, famciclovir และ penciclovir หากคุณมีการระบาดบ่อยครั้งหรือประสบกับผลข้างเคียงที่ร้ายแรงของการเป็นโรคเริม แพทย์อาจพิจารณาสั่งจ่ายยาต้านไวรัส โรคเริมติดต่อได้นานแค่ไหน  เริมเกิดจากไวรัสชนิดหนึ่งที่เรียกว่าเริมชนิดที่ 1 ติดต่อกันได้จนกว่าจะหายสนิท ซึ่งโดยปกติจะใช้เวลาประมาณสองสัปดาห์ เริมเป็นโรคติดต่อได้มากที่สุดเมื่อมีของเหลวซึมออกมาจากแผล ถ้าฉันจูบคนที่เป็นโรคเริมล่ะ ความจริง: คุณสามารถเป็นหวัดได้โดยการจูบ แม้ว่าคุณจะไม่เห็นแผล แต่ไวรัสก็สามารถติดต่อได้ แต่คุณควรระมัดระวังเป็นพิเศษในการจูบคนที่มีแผลพุพอง เพราะนั่นคือเวลาที่ไวรัสแพร่กระจายได้ง่ายที่สุด อาหารอะไรที่ทำให้เริมกำเริบ อาหารที่อุดมด้วยอาร์จินีน อาหาร ที่มีอาร์จินีน ได้แก่ เมล็ดแฟลกซ์ เมล็ดทานตะวัน เมล็ดงา ช็อกโกแลต ผักโขม เมล็ดธัญพืช อัลมอนด์ ถั่วลิสง เฮเซลนัท และวอลนัท หลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้โดยสิ้นเชิงเมื่อคุณรู้สึกถึงอาการเริมแรกๆ วิตามินอะไรป้องกันเริม วิตามินซีและฟลาโวนอยด์อาจช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น มีการแสดงวิตามินซีเพื่อยับยั้งไวรัสเริมในหลอดทดลอง ในการศึกษาหนึ่ง คนที่ติดเชื้อเริมได้รับยาหลอกหรือวิตามินซี 200 มก. บวกฟลาโวนอยด์ 200 มก. โดยรับประทานครั้งละ 3-5 ครั้งต่อวัน

ลิงค์ด้านล่างนี้เป็นแหล่งข้อมูลของบทความของเรา

  • https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/cold-sore/symptoms-causes/syc-20371017
  • https://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/understanding-cold-sores-basics
  • https://www.nhs.uk/conditions/cold-sores/
  • https://kidshealth.org/en/teens/cold-sores.html
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด