ยา Colchicine
ยาโคลซิลิน (Colchicine) มีลักษณะเป็นเม็ดใช้รับประทาน โดยมีชื่อทางการค้าเรียกว่า Colcrys นอกจากนี้ยังมีชื่อสามัญ แต่การใช้ชื่อสามัญทำให้มูลค่าลดลง ในบางกรณีมีใช้เพียงชื่อทางการค้าเพื่อแสดงจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ยาโคลซิลินยังมีอยู่ในรูปแบบแคปซูล โดยมีชื่อทางการค้าเรียกว่า Mitigare เป็นยาแคปซูลที่มีชื่อสามัญเช่นกันยาลดกรดยูริค Colchicine
- ยาโคลซิซินอยู่ในรูปแบบเม็ดสำหรับทาน โดยมีทั้งชื่อสามัญและชื่อทางการค้า เรียกว่า Colcrys
- นอกจากนี้ยังอยู่ในรูปแบบแคปซูลที่มีทั้งชื่อสามัญและชื่อทางการค้าเรียกว่า Mitigare
- ยาโคซิลินเป็นยาที่ใช้ป้องกันหรือรักษาโรคเก๊าท์ ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากสารในร่างกายที่เรียกว่ากรดยูริกก่อตัวเป็นผลึกในร่างกาย โดยส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นที่ข้อต่อ
- นอกจากนี้ยาชนิดนี้ยังนำมาใช้รักษาโรคข้ออักเสบทางพันธุกรรม ซึ่งโรคนี้ทำให้เกิดข้อต่ออักเสบและมีอาการปวดบวมในข้อต่อ ปอดหรือช่องท้อง
คำเตือนก่อนใช้ยา Colchicine
- ระวังการใช้งานเกินขนาด การทานยาโคลซิลินมากเกินไปอาจทำให้เป็นอันตรายร้ายแรงถึงชีวิตได้ ดังนั้นอย่าทานยาชนิดนี้เกินปริมาณที่แพทย์สั่ง
- ระวังเลือดผิดปกติ ยาโคลซิลินทำให้ร่างกายผลิตเซลล์เม็ดเลือดแต่ละชนิดน้อยลง ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงติดเชื้อหรือมีเลือดออก เนื่องจากเซลล์เม็ดเลือดเหล่านี้ต่อสู้กับการติดเชื้อและช่วยในการแข็งตัวของลิ่มเลือด หากคุณเป็นโรคเลือด ควรปรึกษากับแพทย์ว่าการใช้ยาชนิดนี้ปลอดภัยกับคุณหรือไม่
- คำเตือนเกี่ยวกับการทำลายกล้ามเนื้อ ยาโคลซิลินเป็นอันตรายต่อกล้ามเนื้อได้ ถ้าทานยาชนิดนี้ติดต่อกันนาน 6 เดือนหรือนานกว่านั้น ซึ่งการใช้ยานี้มีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นในผู้สูงอายุ นอกจากนี้มียาประเภทอื่นที่ก่อให้เกิดปัญหากล้ามเนื้อเสียได้ เช่น ยาลดคอลเลสเตอรอลที่เพิ่มความเสี่ยงมากขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการใช้ยาโคลซิลิน ถ้าหากคุณกำลังทานยาลดคอลเลสเตอรอล
Colchicine คือยาโรคเก๊าท์
ยาโคลซิลินใช้รักษาอาการของโรคเก๊าท์และเป็นยาแก้ปวดเก๊าท์และโรคข้ออักเสบทางพันธุกรรม ซึ่งโรคข้ออักเสบด้วยตัวเองเกิดจากพันธุกรรมที่ส่งผ่านมาจากคนในครอบครัว ทำให้เกิดอาการอักเสบติดเชื้อและปวดบวมในข้อต่อ ปอดหรือท้อง นอกจากนี้ยาโคลซิลินยังใช้รักษาโรคเก๊าท์ ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่ากรดยูริกก่อตัวเป็นผลึกคริสตัลภายในร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณข้อต่อ ทั้งนี้ยาโคลซิลีนอาจนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของการรักษาแบบผสมผสานกัน ซึ่งหมายความว่าคุณต้องใช้ยาโคลซิลินร่วมกับยาชนิดอื่นๆColchicine กลไกการออกฤทธิ์
ยาโคลซิลินจัดอยู่ในกลุ่มยาที่เรียกว่ายาป้องกันโรคเก๊าท์ โดยยาในกลุ่มนี้มีกลไกการทำงานคล้ายกัน ซึ่งมักใช้รักษาโรคคล้ายกัน การทำงานของโคลซิลินยังไม่ทราบอย่างชัดเจน ยาชนิดนี้อาจนำมาใช้ป้องกันเซลล์ภูมิคุ้มกันร่างกาย เพื่อไม่ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดและการอักเสบติดเชื้อผลข้างเคียงของยาโคลซิซิน
การทานยาโคลซิซินไม่ได้ทำให้เกิดอาการง่วงซึม อย่างไรก็ตามอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้เช่นกันผลข้างเคียงทั่วไปอื่นๆ
ผลข้างเคียงทั่วไปของยาโคลซิซินได้แก่ อาการเหล่านี้เป็นผลข้างเคียงที่ไม่รุนแรงและสามารถหายไปภายในระยะเวลาไม่กี่วันหรือสองอาทิตย์ ถ้าหากมีอาการข้างเคียงที่รุนแรงหรือไม่หาย ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรผลข้างเคียงร้ายแรง
ควรโทรหาหน่วยฉุกเฉินทันที่ เมื่อเกิดเหตุร้ายและควรโทรเบอร์ 1669 หากอาการที่เกิดขึ้นเป็นอันตรายต่อชีวิต หากคุณคิดว่าไม่ได้มีอาการเป็นอันตรายต่อชีวิต อาจเป็นอาการของผลข้างเคียงที่รุนแรงได้ เช่น- ภาวะกล้ามเนื้อสลาย (กล้ามเนื้อเสียหาย) เป็นโรคที่รุนแรงที่เกิดจากโรคไตและเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ ซึ่งมีอาการได้แก่
ยาโคลซิซินอาจมีปฏิกิริยาต่อยาชนิดอื่นๆ
ยาโคลซิซินชนิดทานสามารถเกิดปฏิกิริยากับยาชนิดอื่น วิตามิน หรือยาสมุนไพรที่คุณกำลังทานอยู่ได้ โดยปฏิกิริยานี้เกิดขึ้นเมื่อตัวยาที่ทานร่วมกันเข้าไปเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของยาโคลซิซิน อาจก่อให้เกิดอันตรายหรือทำให้ยาออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่ เพื่อป้องกันการเกิดปฏิกิริยาร่วมกันระหว่างยา แพทย์ควรจัดยาให้คุณอย่างระมัดระวัง เพื่อความมั่นใจควรแจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยาทุกชนิดที่คุณใช้ไม่ว่าจะเป็นวิตามินหรือยาสมุนไพรที่คุณทานอยู่ โดยวิธีที่ทราบได้ว่ายาชนิดใดมีปฏิกิริยาต่อกัน ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยายาที่คุณไม่ควรใช้กับยาโคลซิซิน
การทานยาบางชนิดพร้อมกับยาโคลซิซินสามารถทำให้เกิดผลข้างเคียงอันตรายต่อร่างกาย ตัวอย่างของยาที่คุณไม่ควรทานกับยาโคลซิซินได้แก่- ยาต้านเชื้อรา เช่น ยา Ketoconazole หรือ ยา Itraconazole การใช้ยาเหล่านี้ร่วมกับยาโคลซิซินทำให้ยาโคลซิซินเป็นอันตรายต่อร่างกายสูงมาก โดยเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดภาวะกล้ามเนื้อสลายอย่างรุนแรงได้
- ยาต้านเชื้อ HIV เช่น ยา Indinavir ยา Atazanavir ยา Nelfinavir ยา Saquinavir หรือ ยา Ritonavir การใช้ยาโคลซิซินร่วมกับยาเหล่านี้ส่งผลทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายอย่างรุนแรงเช่นภาวะกล้ามเนื้อสลาย
- ยาปฏิชีวนะ เช่น ยา Clarithromycin หรือ ยา Telithromycin การใช้ยาเหล่านี้ร่วมกับยาโคลซิซินทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อสลายได้เช่นกัน
- ยาต้านอาการซึมเศร้า การใช้ยาโคลซิซินร่วมกันยาชนิดนี้เพิ่มความเสี่ยงทำให้ร่างกายศูยเสียมวลกล้ามเนื้อได้เช่นกัน
ปฏิกิริยาที่เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียง
การทานยาโคลซิซินร่วมกับยาบางชนิดเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาโคลซิซิน ซึ่งได้แก่ยาดังต่อไปนี้- ยาลดคอเลสเตอรอล เช่น ยา atorvastatin ยา Fluvastatin ยา lovastatin ยา pravastatin ยา simvastatin ยา fibrates หรือ ยา Gemfibrozil ยาเหล่านี้เพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่รุนแรงอย่างเช่นภาวะกล้ามเนื้อสลาย แพทย์ลดปริมาณการใช้ยาโคลซิซินเพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียง
- ยา Digoxin เป็นยารักษาภาวะหัวใจเต้นผิดปกติและเป็นยาที่สามารถทำให้กล้ามเนื้อเสียหายอย่างรุนแรงได้เช่นกัน โดยแพทย์สามารถลดปริมาณยาโคลซิซินเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว
- ยารักษาโรคหัวใจ เช่น ยา verapamil หรือ ยา Diltiazem เป็นยาที่เพิ่มอาการข้างเคียงได้แก่ อาการปวดท้อง ท้องผูก ท้องเสีย คลื่นไส้และอาเจียน แพทย์สามารถลดปริมาณยาโคลซิซินเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว
ข้อควรระวังของการใช้ยาโคลซิลิน
การทานยาโคลซลินมีข้อควรระวังหลายอย่าง ดังนี้ข้อควรระวังอาการแพ้
ยาโคลซิซินสามารถก่อให้เกิดปฏิกริยาแพ้อย่างรุนแรง โดยอาการที่เกิดขึ้นได้แก่- มีปัญหาการหายใจ
- ลิ้นหรือคอบวม
ปฏิกิริยากับอาหาร
ผลเกรปฟรุตหรือน้ำผลไม้เกรปฟรุตอาจทำให้ร่างกายดูดซึมยาโคลซิซินได้น้อยลง ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงทำให้เกิดผลข้างเคียงมากขึ้น ดังนั้นไม่ควรทานเกรปฟรุตหรือน้ำผลไม้เกรปฟรุตร่วมกับยาโคลซิซินข้อควรระวังสำหรับผู้ที่เป็นโรคบางชนิด
สำหรับผู้ที่เป็นโรคไต ไตของเขาควรขับยาชนิดนี้ออกไปให้หมด หากไตไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ อาจส่งผลให้เกิดยาตกค้างในร่างกายและเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียงอันตราย เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ แพทย์จะทำการลดปริมาณยาโคลซิซินให้กับคุณ สำหรับผู้ที่เป็นโรคตับ ตับควรมีกระบวนการจัดการกับยาชนิดนี้ หากตับไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ยาโคลซิซินอาจเกิดการตกค้างในร่างกาย ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพ ดังนั้นแพทย์ควรลดปริมาณการใช้ยาโคลซิซินให้กับผู้ป่วยผู้ที่ห้ามใช้ยาโคลซิซิน
โคลชิซีนเป็นยาที่ใช้กันทั่วไปในการรักษาโรคเกาต์ ซึ่งเป็นโรคข้ออักเสบประเภทหนึ่งที่เกิดจากการสะสมของผลึกกรดยูริกในข้อต่อ แม้ว่าโคลชิซินสามารถรักษาโรคเกาต์และอาการอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็มีบางคนที่ไม่ควรใช้ยานี้หรือควรใช้ด้วยความระมัดระวัง ข้อควรพิจารณาที่สำคัญบางประการมีดังนี้:- โรคภูมิแพ้หรือภูมิไวเกิน:บุคคลที่ทราบว่าเป็นโรคภูมิแพ้หรือภูมิไวเกินต่อโคลชิซินไม่ควรใช้ยานี้ ปฏิกิริยาการแพ้อาจมีตั้งแต่ผื่นผิวหนังเล็กน้อยไปจนถึงภูมิแพ้รุนแรง
- ปัญหาเกี่ยวกับตับหรือไต:โคลชิซินถูกเผาผลาญในตับเป็นหลักและขับออกทางไต บุคคลที่มีความบกพร่องทางตับหรือไตอย่างรุนแรงอาจจำเป็นต้องปรับขนาดยาหรือควรหลีกเลี่ยงโคลชิซิน เนื่องจากอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงมากขึ้น
- ยาบางชนิด:โคลชิซินสามารถโต้ตอบกับยาอื่นๆ ได้ โดยเฉพาะยาที่ส่งผลต่อการทำงานของตับและไต เช่น ยาปฏิชีวนะบางชนิดและยาบางชนิดที่ใช้รักษาภาวะหัวใจ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแจ้งผู้ให้บริการดูแลสุขภาพของคุณทราบถึงยาและอาหารเสริมทั้งหมดที่คุณกำลังใช้เพื่อป้องกันปฏิกิริยาที่อาจเกิดขึ้น
- สภาวะระบบทางเดินอาหาร:โคลชิซีนอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงในทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย และปวดท้อง ผู้ที่มีประวัติปัญหาระบบทางเดินอาหารควรใช้โคลชิซีนด้วยความระมัดระวัง
- อายุ:ผู้สูงอายุจะไวต่อผลข้างเคียงของโคลชิซีนมากกว่า โดยเฉพาะปัญหาระบบทางเดินอาหาร การปรับขนาดยาหรือการตรวจสอบอย่างระมัดระวังอาจจำเป็นสำหรับผู้สูงอายุ
- การตั้งครรภ์และให้นมบุตร:ความปลอดภัยของโคลชิซินในระหว่างตั้งครรภ์และให้นมบุตรยังไม่เป็นที่แน่ชัด และการใช้โคลชิซินในช่วงเวลาเหล่านี้ควรได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบและตรวจสอบโดยผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ
- ความผิดปกติของกล้ามเนื้อ:โคลชิซีนอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อ ในบางกรณีที่พบไม่บ่อย อาจเกิดภาวะร้ายแรงที่เรียกว่า rhabdomyolysis
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.webmd.com/drugs/2/drug-8640-20/colchicine-oral/colchicine-oral/details
- https://www.nhs.uk/medicines/colchicine/
- https://www.nhs.uk/medicines/colchicine/
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น