ผู้เขียน Dr. Sommai Kanchana
0
clorazepate

clorazepate คือ

Clorazepate หรือ clorazepate dipotassium เป็นยาในกลุ่ม benzodiazepines ซึ่งใช้เป็นยากดประสาท และยากล่อมประสาท ออกฤทธิ์โดยช่วยลดความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าในสมอง ใช้รักษาโรควิตกกังวล กลุ่มอาการเนื่องจากการขาดสุรา โรคลมชัก การชักเกร็งกล้ามเนื้อ และนอนไม่หลับ หรือใช้รักษาอาการอื่น ๆ ตามที่แพทย์กำหนด อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ : xxx clorazepate

วิธีการใช้ยา

โดยทั่วไปยา clorazepate จะใช้ภายใต้การควบคุมของแพทย์ โดยพิจารณาอาการของผู้ป่วยเป็นรายบุคคล และต้องใช้วิธีการใช้ที่ระบุเอาไว้บนฉลากยา หรือคำปนะนำของแพทย์ ยานี้มีทั้งรูปแบบยาเม็ด หรือแคปซูล ใช้สำหรับรับประทาน โดยทั่วไปควรรับประทานวันละ 1 – 3 ครั้ง หรือใช้ยานี้ปริมาณที่กำหนดไว้ในฉลากยาอย่างเคร่งครัด ห้ามเปลี่ยนปริมาณยาด้วยตนเอง และหากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกร หากผู้ป่วยใช้ยา clorazepate เพื่อรักษาอาการวิตกกังวล หรืออาการชัก แพทย์อาจให้ผู้ป่วยเริ่มใช้ยานี้ในปริมาณน้อย ๆ ก่อน แล้วจึงปรับปริมาณยาเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ หากใช้ยานี้เพื่อเลิกเหล้า แพทย์อาจเริ่มปริมาณยามาก ๆ ก่อน แล้วจึงปรับปริมาณยาลงอย่างช้า ๆ จนผู้ป่วยสามารถควบคุมอาการได้ ห้ามหยุดใช้ยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เนื่องจากอาจทำให้อาการแย่ลง หรือ เกิดอาการถอนยาได้ เช่น รู้สึกตื่นเต้น กระวนกระวายใจ นอนไม่หลับ หงุดหงิดฉุนเฉียวง่าย ท้องเสีย ปวดตามกล้ามเนื้อ มีปัญหาเรื่องความจำ ชักเกร็ง สับสน ตัวสั่น ปวดท้อง กล้ามเนื้อเป็นตะคริว อาเจียน หรือเหงื่อออกมาก ยานี้อาจทำให้เกิดอาการง่วงซึมได้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาเมื่อต้องขับรถหรือทำงานกับเครื่องจักร หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ ในขณะที่รับประทานยานี้  เพราะยาอาจก่อให้เกิดอาการหน้ามืด วิงเวียนศรีษะ จึงควรลุกจากเตียงช้า ๆ หรือนั่งพักสักครู่ก่อนลุกขึ้นยืน เมื่ออยู่ในท่านอนนาน ๆ

ข้อควรระวังในการใช้ยา Clorazepate

  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา clorazepate หากมีประวัติแพ้ยา หรือส่วนประกอบใดส่วยประกอบหนึ่งของยาชนิดนี้ และแพ้ยาชนิดอื่น ๆ อาหาร หรือสารใด ๆ
  • แจ้งให้แพทย์เกี่ยวกับยาทุกชนิดที่กำลังใช้อยู่ ทั้งยาที่แพทย์สั่ง ยาที่หาซื้อมาใช้เอง วิตามิน และสมุนไพร เพราะมีผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจทำปฏิกิริยากับยา clorazepate
  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยานี้ หากเป็นโรคต้อหิน โรคซึมเศร้า หรือมีอาการผิดปกติทางจิตเภทอื่น ๆ
  • แจ้งให้แพทย์ พยาบาล เภสัชกร และทันตแพทย์ทราบว่ากำลังใช้ยานี้ ก่อนเข้ารับการรักษาอาการของโรคอื่น ๆ
  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา หากมีพฤติกรรมชอบดื่มแอลกอฮอล์ หรือกำลังใช้ยา หรือผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายลดลง
  • ห้ามให้เด็กอายุต่ำกว่า 9 ปี ใช้ยา clorazepate
  • ผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไป ให้ใช้ยา clorazepate อย่างระมัดระวัง เพราะเสี่ยงที่ผลข้างเคียงจะรุนแรงขึ้น
  • ห้ามเริ่มใช้ยา หยุดยา หรือเปลี่ยนแปลงปริมาณการใช้ยา clorazepate เอง โดยไม่ปรึกษาแพทย์ เนื่องจากเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนได้
  • หลีกเลี่ยงการขับรถ และทำกิจกรรมที่อาศัยความตื่นตัว หรือการมองเห็นที่ชัดเจน จนกว่าจะแน่ใจว่ายานี้ไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รบกวนการทำกิจกรรมเหล่านี้
  • ผู้ป่วยที่ใช้ยานี้ติดต่อกันเป็นเวลานานอาจต้องเข้ารับการตรวจเลือด เพื่อติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอ
  • การใช้ยานี้ติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ อาจทำให้เกิดการเสพติดยา clorazepate ได้
  • การใช้ยา clorazepate dipotassium 5 mg ในระหว่างการตั้งครรภ์อาจทำให้เกิดอันตรายต่อทารก ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา และหากรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ในระหว่างกำลังใช้ยา clorazepate ให้รีบแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
  • ห้ามให้นมบุตรในระหว่างที่ใช้ยานี้ เพราะยาอาจซึมผ่านน้ำนม และทำให้ทารกเป็นอันตรายได้

ผลข้างเคียงของยา clorazepate

ผลข้างเคียงจากยา clorazepate dipotassium 5 mg ได้แก่เกิดปัญหาปากแห้ง ง่วงนอนไม่หาย และปัญหาที่กระเพาะอาหาร ผู้ป่วยบางคนจะรู้สึกเวียนศีรษะ หรือหลงลืมง่าย เมื่อรับประทานยานี้ บางคนพบอาการปวดหัว ผื่นคัน หรือการมองเห็นที่ไม่ชัด ผลข้างเคียงที่ไม่เป็นอันตรายอื่น ๆ เช่นปัญหาความสมดุลของร่างกาย กล้ามเนื้ออ่อนแรง และหงุดหงิดง่าย ยานี้อาจทำให้ผู้ใช้ยาเกิดความคิดฆ่าตัวตาย ดังนั้นหากผู้ป่วยรู้สึกอยากฆ่าตัวตายหรือสิ้นหวังไร้ทางออก ควรรีบให้แจ้งแพทย์ทราบทันที นอกจากนี้ยาเสพติดก็อาจกระตุ้มให้เกิดข้อบกพร่องจากการใช้ยา ผลข้างเคียงที่ร้ายแรงของ dipotassium clorazepate ยังรวมถึงความสับสนอย่างรุนแรง หรือการกระตุกของกล้ามเนื้อ ปริมาณปัสสาวะอาจลดลง กรณีพบอาการข้างเคียงที่ร้ายแรงเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์ทันที ยา clorazepate สามารถทำปฏิกิริยากับยาบางชนิดได้ เช่นยาที่มีสารเสพติดอย่าง opioids, barbiturates, antihistamines หรือยารักษาอาการทางจิตเวชอาจเพิ่มผลกระทบของยากล่อมประสาท เพื่อหลีกเลี่ยงปฏิกิริยาที่ร้ายแรง ผู้ป่วยควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์ผู้สั่งจ่ายยา ไม่แนะนำให้ใช้แอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้เกิดอาการที่ร้ายแรงได้
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด