ยาโคลพิโดเกรล (Clopidogrel) คืออะไร
ยาโคลพิโดเกรล มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Clopidogrel และมีสูตรทางเคมีดังนี้ C16H18ClNO6S2 สำหรับยาชนิดนี้เรารู้จักกันดี ในฐานะยาต้านเกล็ดเลือดหรือป้องกันให้เลือดไม่จับตัวกัน และอุดตัน จึงถูกนำมาใช้ในโรคหลอดเลือดสมอง รวมทั้งโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด และในบางกรณีใช้ร่วมกับยาแอสไพริน เพื่อรักษาภาวะเจ็บหน้าอกในบางกรณี ยาโคลพิโดเกรล (Clopidogrel) เป็นอนุพันธ์ของ Thienopyridine ที่ยับยั้งการกระตุ้น และการรวมตัวของเกล็ดเลือดโดยการปิดกั้นตัวรับ ADP P2Y12 ถูกคิดค้นมาเพื่อลดปรากฎการณ์เกิดลิ่มเลือดอุดตัน (Therothrombotic) ในผู้ป่วยโรคหัวใจ และหลอดเลือด ยาโคลพิโดเกรล Clopidogrel มีผลข้างเคียงที่ดีกว่า Ticlopidine ที่เคยถูกพัฒนามาก่อนหน้านี้คุณสมบัติ และสรรพคุณของยาโคลพิโดเกรล
ยาโคลพิโดเกรลมีกลไกการออกฤทธิ์ ด้วยการยับยั้งไม่ให้ ADP ไปรวมตัวกับเกล็ดเลือด และชะลอกลไกการรวมตัวของสารที่จะทำให้เลือดแข็งตัว จึงเป็นยาที่สามารถยับยั้งการแข็งตัวของเลือด หรือที่เราเรียกว่า ยับยั้งการเกิดลิ่มเลือดได้ ทำให้ตัวยามีสรรพคุณดังนี้- สามารถรักษาภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน (Acute coronary syndrome) ด้วยการป้องกันลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด
- สามารถรักษาโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Atrial fibrillation)
- สามารถรักษาโรคเส้นเลือดในสมองตีบ (Ischemic stroke)
- บรรเทาภาวะอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการแข็งตัวของเลือด ตามดุลยพินิจของแพทย์
วิธีการใช้ยาโคลพิโดเกรล
สำหรับการใช้ยาโคลพิโดเกรลนั้นสามารถแบ่งได้ดังนี้- ผู้ใหญ่รับประทาน 75 มิลลิกรัมต่อวัน สำหรับผู้ป่วยหลอดเลือดหัวใจ
- ผู้ใหญ่รับประทาน 75 มิลลิกรัมต่อวัน ร่วมกับยาแอสไพริน สำหรับในผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย ST-elevation
- ในผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายชนิดที่ไม่มี ST-elevation โดยใช้ร่วมกับยาแอสไพริน เริ่มต้นครั้งแรกด้วยปริมาณ 300 มิลลิกรัม และรับประทานอย่างต่อเนื่อง 75 มิลลิกรัมต่อวัน
ผลข้างเคียงในการใช้ยาโคลพิโดเกรล
ยาโคลพิโดเกรลอาจทำให้เลือดออก ปวดท้อง และท้องผูกได้ง่าย แต่ทั้งนี้โปรดจำไว้ว่าแพทย์ได้สั่งจ่ายยานี้เนื่องจากเขาได้พิจารณาแล้วว่า ประโยชน์ของยาโคลพิโดเกรลนั้นมีมากกว่าความเสี่ยงของผลข้างเคียง หลายคนที่ใช้ยานี้ไม่มีผลข้างเคียงที่ร้ายแรง แต่ในบางรายซึ่งมีจำนวนน้อยอาจมีเลือดออกรุนแรงในกระเพาะอาหาร ลำไส้ ตา หรือสมอง หรือทำให้เกิดโรคเลือด Thrombotic thrombocytopenic purpura-TTP แต่พบได้น้อยมาก ผลข้างเคียงทั่วไปอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาหลังจากเริ่มใช้ยานี้ แต่หากเกิดกรณีดังต่อไปนี้ โปรดพบแพทย์โดยทันที :- ปวดท้องอย่างรุนแรง
- มีเลือดออกจากเหงือก หรือจมูกไม่หยุด
- อุจจาระเป็นเลือด หรือสีดำ
- ปวดศีรษะกะทันหัน
- ผิวซีดอย่างมาก
- มีไข้ อ่อนเพลีย
- วิงเวียนศีรษะ เป็นลม
- ตาพร่ามัว
- หายใจลำบาก
- อาการอื่นๆ ที่ผิดปกติของร่างกายอย่างรุนแรง
ข้อควรระวังในการใช้ยาโคลพิโดเกรล
- การรับประทานยาเกินขนาด อาจจะทำให้เกิดอาการชัก ซึม และเป็นอันตรายต่อสุขภาพอื่นๆ ดังนั้นควรเก็บยานี้ให้พ้นมือเด็ก และใช้ตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
- หากใช้แล้วมีอาการผื่นแพ้ ลมพิษ หรือความผิดปกติ หลังจากใช้ยานี้ ควรหยุดใช้ยาทันที ไม่ควรใช้ซ้ำอีกครั้ง และรีบไปพบแพทย์อย่างเร่งด่วน
- ยานี้สามารถทำให้เกิดอาการตกเลือดในมารดาตั้งครรภ์บางคนได้ ดังนั้นหากตั้งครรภ์ไม่ควรใช้ยานี้ โดยเฉพาะมารดาที่ตั้งครรภ์ไม่ถึง 3 เดือน เพราะอาจสร้างอันตรายให้กับทารกในครรภ์ได้
- สามารถทำให้เกิดโรคเรย์ซินโดรม (Reye’s Syndrome) ในเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ที่เป็นไข้หวัดใหญ่ และอีสุกอีใส โดยอาจเป็นอันตรายจนถึงแก่ชีวิตได้
- หลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับยา Omeprazole หรือ Esomeprazole
- ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่มีภาวะตกเลือก เช่น เลือดออกในช่องสมอง หรือเลือดออกในระบบทางเดินอาหาร เป็นต้น
- ควรใช้ตามคำแนะนำแพทย์อย่างเคร่งครัด และเมื่อพบความผิดปกติจากการใช้ยา รีบพบแพทย์โดยเร่งด่วน
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น