Ciprofloxacin คือยาอะไร
ยาไซโปรหรือ Ciprofloxacin คือยาปฏิชีวนะที่ต้องมีใบสั่งแพทย์ เป็นยาที่ใช้รักษาการติดเชื้อที่มีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย ยาไซโปรเป็นยาในกลุ่มของยาฟลูออโรควิโนโลน ยาไซโปรมีประสิทธิภาพในการรักษาการติดเชื้อที่มีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรียหลายชนิดที่แตกต่างกัน ซึ่งร่วมถึงเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ท้อง ผิวหนัง ต่อมลูกหมากและกระดูก ได้ดีกับการติดเชื้อชนิดอื่นๆ ยาไซโปรมีหลายรูปแบบ:- แบบเม็ด (Cipro)
- แบบเม็ดชนิดออกฤทธิ์เนิ่น (Cipro XR)
- แบบยาผงสำหรับยาน้ำแขวนตะกอนสำหรับรับประทาน (Cipro)
ผลข้างเคียงของยา Ciprofloxacin
ไซโปรอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้เล็กน้อยหรือรุนแรงได้ รายการด้านล่างนี้คือผลข้างเคียงบางอย่างที่อาจเกิดขึ้นเมื่อรับประทานยาไซโปร ซึ่งไม่ใช่ผลข้างเคียงทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้น หากต้องการข้อมูลผลข้างเคียงของยาไซโปรที่อาจเกิดขึ้น หรือเคล็ดลับในการจัดการกับผลข้างเคียงที่ยุ่งยาก ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
อาการผลข้างเคียงของยาไซโปรรวมไปถึง:- คลื่นไส้
- ท้องเสีย
- อาเจียน
- ปวดท้อง
- วิงเวียนศีรษะ
- มีผื่นขึ้น
ผลข้างเคียงระยะยาว
ผลข้างเคียงของยาไซโปรส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นไม่นานหลังจากรับประทานยา แต่อย่างไรก็ตามการทานยาไซโปรในระยะยาวอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้ ผลข้างเคียงระยะยาวนี้อาจรวมไปถึงเอ็นกล้ามเนื้อเสียหาย ตับเสียหาย การติดเชื้อที่สำไส้และทีปัญหาเกี่ยวกับประสาท- ท้องเสีย
- ปวดศีรษะ
- ติดเชื้อรา
ผลข้างเคียงในเด็ก
ยาไซโปรไม่ควรใช้ในเด็กเพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายข้อต่อในเด็ก อาการข้อต่อได้รับความเสียหายในเด็กจะไปลดการเคลื่อนไหวของข้อต่อลงและมีอาการปวดข้อต่อ หากลูกของคุณทานยาไซโปรและมีอาการเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์ผลข้างเคียงในผู้สูงอายุ
ผู้สูงอายุอาจมีผลข้างเคียงจากการทานยาไซโปรได้มากกว่าวัยหนุ่มสาว แต่อย่างไรก็ตามรูปแบบของผลข้างเคียงของผู้สูงอายุอาจมีอาการเหมือนกันกับที่เกิดขึ้นในวัยหนุ่มสาวยาไซโปรฟลอกซาซินเพื่ออะไร
องค์กรอาหารและยา (FDA) ได้อนุญาติให้ยา เช่น ไซโปรฟลอกซาซิน หรือยาไซโปรเป็นยาเพื่อรักษาโรคบางชนิดไซโปร ชื่อการค้า Loxcipro 500 รักษาโรคอะไร
ยาไซโปรคือยาที่ FDA อนุมัติให้ใช้เป็นยารักษาโรคติดเชื้อในผู้ใหญ่ได้หลายชนิด เช่น:- โรคติดเชื้อในช่องท้องเช่น:
- โรคถุงผนังลำไส้อักเสบ
- โรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ (รวมไปถึงโรคท้องร่วงที่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ)
- ถุงน้ำดีติดเชื้อ
- กระดูกติดเชื้อและข้อต่อติดเชื้อ
- อาหารเป็นพิษ
- การติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น:
- โรคหลอดลมอักเสบ
- โรคปอดบวม
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคหนองใน
- โรคติดเชื้อไซนัส
- โรคติดเชื้อผิวหนังเช่น เซลล์เนื้อเยื่ออักเสบ
- โรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เช่น:
- โรคติดเชื้อกระเพาะปัสสาวะ
- ไตติดเชื้อ
- ต่อมลูกหมากติดเชื้อ
- โรคติดเชื้อไซนัส
- โรคหลอดลมอักเสบ
- โรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
การไม่อนุญาติให้ใช้กับโรคบางชนิด
ยาไซโปรบางครั้งถูก FDA สั่งห้ามใช้ในบางชนิดเช่น- การติดเชื้อในกระแสเลือด
- การติดเชื้อคลาไมเดีย
- โรคซีสติกไฟโบรซีส
- เจ็บคอ หรือ คออักเสบ
- ฟันติดเชื้อ
- อาการท้องร่วงของนักเดินทาง
การใช้ยาไซโปรฟลอกซาซิน
ยาสามัญไซโปรคือยาที่ได้รับอนุญาติให้ใช้เพื่อรักษาโรคทั้งหมดที่ยาไซโปรอนุญาตืให้ใช้ได้ เพิ่มเติมในบางโรค ยาไซโปรอนุญาติให้ใช้รักษาโรคติดเชื้อที่หูได้ปริมาณการใช้ยาไซโปร
โดยทั่วไปรับประทานวันละสองครั้ง เช้าและเย็นเป็นเวลาติดต่อกัน 5-14 วัน ปริมาณยามีสองขนาดคือ ยา Ciprofloxacin 250 mg และยา Ciprofloxacin 500 mg การรับประทานขึ้นอยู่กับที่แพทย์แนะนำปริมาณการใช้ยาไซโปรฟลอกซาซิน
โดยทั่วไปรับประทานวันละสองครั้ง เช้าและเย็นเป็นเวลาติดต่อกัน 5-14 วัน ปริมาณยามีสองขนาดคือ ยาCiprofloxacin 250 mgและยาCiprofloxacin 500 mg การรับประทานขึ้นอยู่กับที่แพทย์แนะนำใครที่ควรหลีกเลี่ยงยาไซโปรฟลอกซาซิน
Ciprofloxacin เป็นยาปฏิชีวนะในวงกว้างที่ใช้รักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรียต่างๆ แม้ว่าโดยทั่วไปจะปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับคนจำนวนมาก แต่ก็มีบุคคลบางคนที่ควรหลีกเลี่ยงหรือใช้ Ciprofloxacin ด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากอาจมีความเสี่ยงและข้อห้าม สิ่งสำคัญที่ควรทราบก็คือ แพทย์เท่านั้นที่สามารถให้คำแนะนำโดยพิจารณาจากสภาวะสุขภาพเฉพาะของแต่ละบุคคลได้ ต่อไปนี้คือกลุ่มบางกลุ่มที่อาจจำเป็นต้องหลีกเลี่ยง Ciprofloxacin หรือใช้ด้วยความระมัดระวัง:- สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร:
-
-
- โดยทั่วไปไม่แนะนำให้ใช้ Ciprofloxacin ในระหว่างตั้งครรภ์หรือขณะให้นมบุตร เว้นแต่ประโยชน์ที่ได้รับจะมีมากกว่าความเสี่ยง อาจส่งผลเสียต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์และอาจขับออกมาทางน้ำนมแม่
- เด็กและวัยรุ่น:
- โดยทั่วไปไม่ได้สั่งยา Ciprofloxacin สำหรับเด็กหรือวัยรุ่น เว้นแต่ยาปฏิชีวนะชนิดอื่นไม่เหมาะสมหรือมีข้อบ่งชี้เฉพาะ อาจส่งผลต่อการพัฒนากระดูกและข้อต่อ
-
- ผู้ที่มีความผิดปกติของเส้นเอ็น:
-
-
- Ciprofloxacin มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของเอ็นอักเสบและการแตกของเอ็นโดยเฉพาะในเอ็นร้อยหวาย บุคคลที่มีประวัติความผิดปกติของเส้นเอ็นควรหลีกเลี่ยง Ciprofloxacin หากเป็นไปได้
-
- ผู้ที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง:
-
-
- Ciprofloxacin อาจทำให้อาการของกล้ามเนื้ออ่อนแรงรุนแรงขึ้น ซึ่งเป็นความผิดปกติของระบบประสาทและกล้ามเนื้อที่มีลักษณะเฉพาะคือกล้ามเนื้ออ่อนแรงและเหนื่อยล้า ควรใช้ด้วยความระมัดระวังหรือหลีกเลี่ยงในบุคคลที่มีภาวะนี้
-
- บุคคลที่มีความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลาง:
-
-
- Ciprofloxacin อาจมีผลข้างเคียงที่ส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง รวมถึงอาการวิงเวียนศีรษะและสับสน ควรใช้ด้วยความระมัดระวังในบุคคลที่มีประวัติชัก โรคลมบ้าหมู หรือภาวะทางระบบประสาทอื่นๆ
-
- ผู้ที่มีความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร:
-
-
- บุคคลที่มีประวัติความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร เช่น อาการลำไส้ใหญ่บวม ควรใช้ Ciprofloxacin ด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากอาจทำให้อาการเหล่านี้รุนแรงขึ้น
-
- ผู้ที่มีภาวะขาดกลูโคส-6-ฟอสเฟตดีไฮโดรจีเนส (G6PD):
-
-
- Ciprofloxacin อาจทำให้เกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตก (การทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดง) ในบุคคลที่มีภาวะขาด G6PD ควรใช้ด้วยความระมัดระวังหรือหลีกเลี่ยงในบุคคลที่มีภาวะขาดเอนไซม์นี้
-
- บุคคลที่มีประวัติภูมิไวเกิน:
-
-
- ผู้ที่เคยแพ้ยา Ciprofloxacin หรือยาปฏิชีวนะควิโนโลนอื่นๆ มาก่อนควรหลีกเลี่ยงการใช้
-
- ผู้ที่มีประวัติความผิดปกติทางจิตเวช:
-
- Ciprofloxacin อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงทางจิตเวช รวมถึงความวิตกกังวล ซึมเศร้า และภาพหลอน ควรใช้ด้วยความระมัดระวังในบุคคลที่มีประวัติความผิดปกติทางจิตเวช
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.webmd.com/drugs/2/drug-7748/ciprofloxacin-oral/details
- https://medlineplus.gov/druginfo/meds/a688016.html
- https://pubchem.ncbi.nlm.nih.gov/compound/Ciprofloxacin
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น