สำลัก (Choking) เกิดขึ้นเมื่อมีอาหาร วัตถุหรือของเหลวไหลเข้าไปในหลอดลม หรือช่องคอ โดยทั่วไปแล้วเด็กมักสำลักเนื่องจากการใส่สิ่งแปลกปลอมเข้าปาก ผู้ใหญ่อาจสำลักจากการหายใจเอาควันหรือกินหรือดื่มน้ำเร็วเกินไปจึงทำให้เกิดอาการสำลัก
อาการสำลัก
อาการสำลักอาจส่งผลให้เกิดการไออย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะขับอาหารหรือของเหลวออกจากคอหรือทางเดินหายใจออกมาได้ แต่ในบางกรณีเมื่อมีวัตถุ อาหารหรือของเหลวเข้าไปติดในลำคอและปิดกั้นอากาศได้ คนที่กำลังสำลักจะไม่สามารถ พูดหรือส่งเสียงได้ตามปกติ ในบางกรณีจะหายใจไม่ออก โดยให้สังเกตุจากสีผิว หรือสีปากที่เปลี่ยนไปเนื่องจากการขาดออกซิเจนสาเหตุของการสำลัก
กรณีที่เกิดขึ้นในเด็ก มักเกิดจากการนำสิ่งของหรือวัตถุไว้ในปาก ปกติพวกเขาทำสิ่งนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น อย่างไรก็ตามพวกเขาอาจสำลักอาหารเมื่อรับประทานอาหารเร็วเกินไปหรือเมื่อพูดโดยมีอาหารอยู่ในปาก หรือจากการสำลักน้ำเนื่องจากดื่มน้ำเร็วเกินไป นอกจากนี้ยังมีอาหารติดหลอดลม หรือวัตถุอื่น ๆ ที่สามารถทำให้เด็กสำลักได้ เช่น:- ป๊อปคอร์น
- ลูกอม
- ยางลบ
- หมากฝรั่ง
- ถั่ว
- ผลไม้ที่มีชื้นใหญ่
วิธีปฐมพยาบาลผู้ที่สำลัก
เมื่อต้องการปฐมพยาบาลเบื้องต้นแก่ผู้ที่สำลักควรพยายามกระตุ้นให้ผู้สำลักไอ เพื่อสิ่งแปลกปลอมหรืออาหารจะหลุดออกมาจากหลอดลม หรือทางเดินหายใจ โดยมีวิธีช่วยเหลือดังนี้- ให้ตบหลังผู้ป่วย โดยระหว่างนั้นให้ประคองผู้ป่วยโดยการประคองที่หน้าอกและให้ผู้ป่วยโน้มตัวไปด้านหน้า และตบหลังเพื่อให้สิ่งที่ติดในหลอดลมหรือช่องคอหลุดออกมา
- หากการตบหลังไม่เกิดผล ให้ยืนด้านหลังผู้สำลักแล้วกดที่ท้อง โดยใช้แขนทั้งสองข้างโอบเหนือสะดือ แต่วิธีนี้ไม่สามารถทำกับสตรีมีครรภ์ หรือเด็กอายุน้อยกว่า 1 ขวบ
- เรียกรถพยาบาล ระหว่างนั้นให้พยายามปฐมพยาบาลเบื้องต้นตามวิธีข้างต้น
- สำหรับเด็กทารก ให้ตบหลัง หากไม่ได้ผลให้ใช้วิธีกดที่หน้าอกของเด็ก ด้วยการจับให้เด็กนอนหงายหน้าขึ้นขนานกับต้นขา จากนั้นใช้นิ้ว 2 นิ้วกดลงไปตรงกลางใต้ราวนมของเด็ก 5 ครั้ง จนสิ่งแปลกปลอมจะหลุดออกมา
การป้องกันการสำลัก
ในเด็กเล็กควรมีการสอนสั่งว่าห้ามนำวัตถุแปลกปลอม เช่น เหรียญ ยางลบ บล็อคและของเล่นตัวต่อ เข้าปากเด็กขาด เพราะอาจส่งผลให้เด็กสำลักและสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้นสามารถเข้าไปอุดตันในหลอดลมได้ ไม่ให้เด็กคุยขณะรับประทานอาหาร การเคี้ยวอาหารให้ละเอียดภาพรวมของอาการสำลัก
การสำลักอาจเป็นอันตรายอย่างยิ่งและอาจถึงแก่ชีวิตได้ การสำลักเกิดขึ้นเมื่อมีวัตถุติดอยู่ในลำคอของบุคคล ปิดกั้นทางเดินหายใจและทำให้ไม่สามารถหายใจได้อย่างถูกต้อง สิ่งนี้สามารถนำไปสู่การขาดออกซิเจน ซึ่งอาจทำให้สมองเสียหายหรือเสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที สาเหตุทั่วไปของการสำลัก ได้แก่ การกลืนอาหารชิ้นใหญ่ วัตถุชิ้นเล็ก หรือแม้แต่การอาเจียนของตัวเอง เด็กเล็กจะสำลักได้ง่ายเป็นพิเศษเพราะอาจเอาของเล็กๆ เข้าปากได้ นอกจากนี้ สภาวะทางการแพทย์หรือความบกพร่องบางอย่างสามารถเพิ่มความเสี่ยงของการสำลักทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ หากมีคนสำลัก ควรดำเนินการทันทีเพื่อล้างสิ่งอุดตันและฟื้นฟูการไหลเวียนของอากาศที่เหมาะสม Heimlich maneuver (การดันช่องท้อง) เป็นเทคนิคที่รู้จักกันดีซึ่งใช้ในการขับสิ่งกีดขวางออกจากทางเดินหายใจ สำหรับทารกและเด็กเล็ก การตบหลังและการผลักอกเป็นเทคนิคที่เหมาะสม สิ่งสำคัญคือต้องเรียนรู้และทำความคุ้นเคยกับเทคนิคเหล่านี้เพื่อเตรียมพร้อมในกรณีฉุกเฉิน ในกรณีใดก็ตามที่สำลัก หากบุคคลนั้นหมดสติ ควรเริ่มทำ CPR (การช่วยชีวิตหัวใจและหลอดเลือด) ทันที นอกจากนี้ แนะนำให้ไปพบแพทย์แม้ว่าจะนำวัตถุนั้นออกได้สำเร็จก็ตาม เนื่องจากอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือความเสียหายระหว่างการสำลักได้ การป้องกันยังเป็นกุญแจสำคัญในการหลีกเลี่ยงเหตุการณ์สำลัก สำหรับทารกและเด็กเล็ก การเก็บสิ่งของเล็กๆ ให้พ้นมือ และจัดหาอาหารที่เหมาะสมและปลอดภัยสามารถลดความเสี่ยงได้ สำหรับผู้ใหญ่ การตัดอาหารเป็นชิ้นเล็กๆ ที่จัดการได้ และการรับประทานช้าๆ สามารถช่วยลดโอกาสการสำลักได้ โปรดจำไว้ว่าการสำลักเป็นเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ร้ายแรง และการรู้วิธีตอบสนองสามารถสร้างความแตกต่างในการช่วยชีวิตได้ หากคุณพบคนที่สำลัก ให้โทรขอความช่วยเหลือทางการแพทย์และดำเนินการที่เหมาะสมเพื่อให้ความช่วยเหลือจนกว่าความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญจะมาถึงนี่คือแหล่งที่มาของแหล่งบทความของเรา
- https://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid-choking/basics/art-20056637
- https://www.nhs.uk/common-health-questions/accidents-first-aid-and-treatments/what-should-i-do-if-someone-is-choking/
- https://kidshealth.org/en/parents/choking.html
เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น