คลอเฟนิรามีน Chlorpheniramine คืออะไร
คลอเฟนิรามีน Chlorpheniramine คือ ยาแก้แพ้หรือยาต้านฮิสตามีนที่อยู่ในกลุ่มอัลไคลามีน (Alkylamine) ใช้รักษาอาการแพ้จากสิ่งเร้าต่าง ๆ อาทิแก้อาการลมพิษ ผื่นคัน บรรเทาอาการหวัดจากภูมิแพ้ ใช้บรรเทาอาการหวัด คัดจมูก (ลดน้ำมูกใส) และบรรเทาอาการคัน แต่ยานี้ผลข้างเคียงของยานี้คือความรู้สึกง่วงนอน หรือหากอาการไม่มากอาจรู้สึกซึม ๆ ไม่สดชื่น และอยากนอนตลอดเวลา แต่อาการลักษณะนี้จะกลับมาเป็นปกติได้เอง แต่บางคนที่มีอาการรุนแรง ก็จะง่วงนอนจนลุกไม่ได้ จนไม่สามารถทำงาน หรือดำเนินชีวิตได้ตามปกติการใช้ยาแก้แพ้คลอเฟนิรามีน
คลอเฟนิรามีน หรือ Cpm เป็นยาแก้แพ้ที่นิยมใช้กันมาก โดยมีอัตราการใช้ยานี้มากเป็นอันดับ 2 ของรายการยาสามัญประจำบ้าน รองลงมาจากยาพาราเซตามอล เนื่องจากเป็นยาที่มีราคาไม่แพ้ มีความปลอดภัยในการใช้ยา ผู้ป่วยมีอาการแพ้ยา หรือเกิดผลข้างเคียงจากยานี้น้อยมาก และหาซื้อได้ง่าย ความปลอดภัยของยาคลอร์เฟนิรามีนค่อนข้าง แม้แต่คนที่กำลังตั้งครรภ์ก็สามารถใช้ได้แต่ควรอยู่ในการแนะนำของแพทย์ ยังไม่พบรายงานผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายจากการใช้ยานี้ แม้จะมีการใช้ยาติดต่อกันเป็นเวลานาน อย่างไรก็ตามพบว่าตัวยานี้สามารถถ่ายทอดผ่านทางน้ำนมได้ จึงต้องระมัดระวังในการใช้ยานี้ หากกำลังให้นมบุตร ยา Chlorpheniramine มีฤทธิ์ต้านฮิสตามีน ใช้บรรเทาอาการภูมิแพ้ต่าง ๆ ทั้งต่อระบบทางเดินหายใจ ดวงตา และผิวหนัง ที่มีต่อละอองเกสรดอกไม้ ฝุ่นละออง หรือสารภูมิแพ้อื่น ๆ ได้การใช้ยาแก้แพ้ Cpm
- ยานี้สามารถรับประทานพร้อมมื้ออาหาร หรือรับประทานระหว่างท้องว่างก็ได้
- รับประทานยาตามปริมาณ และระยะเวลาที่แพทย์กำหนด กรณีซื้อยามาใช้เองให้ทำตามที่ระบุไว้บนฉลากยาอย่างเคร่งครัด
- กรณีอยู่ในรูปแบบยาแก้แพ้เม็ดสีเหลืองไม่ควรบด ขบกัด หรือเคี้ยวก่อนกลืน แต่ควรกลืนลงไปทั้งเม็ด
- กรณีอยู่ในรูปแบบยาน้ำควรใช้ช้อนหรือถ้วยยาที่ออกแบบเฉพาะสำหรับตวงปริมาณที่ต้องรับประทาน
- กรณีลืมรับประทานยาตามเวลาที่กำหนด แต่รู้ตัวเมื่อใกล้ถึงเวลารับประทานครั้งต่อไป ให้ข้ามมื้อยานั้นไปเลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยาทดแทน
- กรณีรับประทานยานานกว่า 7 วัน อาการยังไม่ดีขึ้น หรือมีอาการแย่ลง ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ และดำเนินการรักษา
- กรณีกำลังใช้ยา Cpm อยู่ ก่อนเข้ารับการรักษาอาการใด ๆ หรือทำทันตกรรมใด ๆ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทำการรักษา
ข้อควรระวังในการใช้ยาแก้แพ้คลอร์เฟนิรามีน
- ห้ามใช้ยานี้ในผู้ผ่วยที่มีอาการแพ้ยาคลอเฟนิรามีน หรือยากลุ่มอัลไคลามีน
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยที่มีอาการของโรคหอบหืด ทารกแรกเกิด รวมถึงทารกที่คลอดก่อนกำหนด
- กรณีผู้ป่วยโรคหอบหืด โรคต้อหิน มีภาวะปัสสาวะลำบากเนื่องจากต่อมลูกหมากโต หญิงตั้งครรภ์ (โดยเฉพาะช่วงแรกของการตั้งครรภ์) และหญิงที่กำลังให้นมบุตร ต้องใช้ยาภายใต้การควบคุมของแพทย์
- กรณีที่ผู้ป่วยที่มีน้ำมูกลักษณะเหนียวข้น หรือมีสีเหลืองหรือสีเขียว ไม่ควรใช้ยานี้ในการรักษาอาการหวัด
- หลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ร่วมกับยานอนหลับ ยากล่อมประสาท ยารักษาอาการซึมเศร้า หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะจะเสริมฤทธิ์ให้รู้สึกง่วงนอนมากขึ้น
- ผู้ที่ต้องขับรถ ขับยวดยานพาหนะต่าง ๆ หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการใช้ยา เพราะยานี้มักทำให้รู้สึกง่วงนอน มึนงง วิงเวียนศีรษะ และตาพร่ามัวได้ หากมีอาการง่วงนอนมาก ควรหยุดทำงานที่ต้องใช้สมาธิจนกว่าจะหมดฤทธิ์ยาเสียก่อน
ผลข้างเคียงของยาคลอเฟนิรามีน
โดยทั่วไปผู้ใช้ยานี้จะสึกง่วงนอน มึนงง เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ ตาพร่ามัว แต่ก็อาจมีอาการที่รุนแรงมากขึ้นอย่างอาการ- ปาก คอ จมูก แห้ง
- ใจสั่น
- ความดันโลหิตต่ำ
- หงุดหงิด
- มือสั่น
- คลื่นไส้
- อาเจียน
- เบื่ออาหาร
- ท้องเสีย หรือท้องผูก
- ปัสสาวะลำบาก
- เกิดลมพิษ ผื่นคัน
การเก็บรักษายาคลอเฟนิรามีน
- เก็บรักษายาในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท และเก็บยาให้พ้นมือเด็ก
- เก็บยาที่อุณหภูมิห้อง ไม่ถูกแสงแดด ไม่อยู่ใกล้ความร้อนมากกว่า 30 องศาเซลเซียส หรือในบริเวณที่เปียกชื้น
- กำจัดยาที่เสื่อมสภาพหรือหมดอายุแล้ว
ใครที่ไม่ควรใช้คลอเฟนิรามีน
คลอร์เฟนิรามีนเป็นสารต่อต้านฮีสตามีนที่ใช้กันทั่วไปเพื่อบรรเทาอาการภูมิแพ้ ไข้ละอองฟาง และโรคไข้หวัด แม้ว่าโดยทั่วไปจะถือว่าปลอดภัยสำหรับบุคคลจำนวนมาก แต่ก็มีสถานการณ์และเงื่อนไขบางประการที่อาจไม่แนะนำให้ใช้คลอเฟนิรามีน และบุคคลควรใช้ความระมัดระวังหรือหลีกเลี่ยงการใช้งาน ข้อควรพิจารณาบางประการมีดังนี้:- ปฏิกิริยาการแพ้:
-
-
- บุคคลที่ทราบว่าแพ้คลอเฟนิรามีนหรือยาแก้แพ้อื่น ๆ ไม่ควรใช้ยานี้ ปฏิกิริยาการแพ้อาจมีตั้งแต่อาการเล็กน้อย เช่น ผื่นที่ผิวหนัง ไปจนถึงปฏิกิริยารุนแรงที่อาจรวมถึงการหายใจลำบาก
-
- ตั้งครรภ์และให้นมบุตร:
-
-
- คลอร์เฟนิรามีนสามารถผ่านเข้าสู่น้ำนมแม่ได้ และความปลอดภัยระหว่างให้นมบุตรยังไม่เป็นที่แน่ชัด มารดาที่ให้นมบุตรควรปรึกษากับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพก่อนใช้คลอเฟนิรามีน และอาจพิจารณาการรักษาทางเลือกอื่น
-
- โรคตับอย่างรุนแรง:
-
-
- บุคคลที่เป็นโรคตับอย่างรุนแรงอาจจำเป็นต้องใช้คลอเฟนิรามีนด้วยความระมัดระวัง ยาจะถูกเผาผลาญในตับ และการทำงานของตับบกพร่องอาจส่งผลต่อการขับยาออกจากร่างกาย
-
- ต่อมลูกหมากโต
-
-
- คลอเฟนิรามีนอาจทำให้อาการของต่อมลูกหมากโตมากเกินไปและการเก็บปัสสาวะแย่ลง บุคคลที่มีอาการเหล่านี้ควรใช้คลอเฟนิรามีนด้วยความระมัดระวังและอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
-
- โรคต้อหินมุมปิด:
-
-
- คลอร์เฟนิรามีนอาจเพิ่มความดันในลูกตาและทำให้อาการของโรคต้อหินแบบมุมปิดรุนแรงขึ้น บุคคลที่มีปัญหาทางดวงตาควรหลีกเลี่ยงคลอเฟนิรามีน หรือใช้ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญด้านตา
-
- การอุดตันของกระเพาะอาหารหรือลำไส้:
-
-
- บุคคลที่มีประวัติกระเพาะอาหารหรือลำไส้อุดตันไม่ควรใช้คลอเฟนิรามีน เนื่องจากอาจทำให้อาการนี้แย่ลงได้
-
- การอุดตันของกระเพาะปัสสาวะ:
-
-
- คลอเฟนิรามีนอาจทำให้เกิดปัสสาวะไม่ออก และบุคคลที่มีประวัติกระเพาะปัสสาวะอุดตันควรใช้ยานี้ด้วยความระมัดระวังและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
-
- บุคคลที่ใช้สารยับยั้ง Monoamine Oxidase (MAOIs):
-
-
- โดยทั่วไปการใช้คลอเฟนิรามีนมีข้อห้ามในบุคคลที่รับประทานยา monoamine oxidase inhibitors (MAOIs) หรือภายใน 14 วันหลังจากหยุดการรักษาด้วย MAOI การใช้ยาเหล่านี้ร่วมกันอาจทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูงได้
-
- เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี:
-
- ความปลอดภัยและประสิทธิภาพของคลอเฟนิรามีนในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปียังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนใช้ยานี้ในเด็กเล็ก
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.webmd.com/drugs/2/drug-53948/Chlorpheniramine-allergy-oral/details
- https://medlineplus.gov/druginfo/meds/a682543.html
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น