ต้นกุยช่าย

คุณอาจคิดว่าวัชพืชเป็นพืชที่ไม่เป็นประโยชน์ ซึ่งเติบโตไปทั่วทั้งสวนของคุณ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าวัชพืชบางชนิดกินได้ จริงๆแล้วคุณอาจจะรับประทานมันตลอดเวลา Alliums เป็นชื่อทางวิทยาศาตร์ของพืชตระกูลนี้ ได้แก่ กุยช่าย, ต้นหอม และกระเทียม  โดยพืชเหล่านี้โตไว คุณอาจพบมันในสวนหลังบ้าน ซึ่งสามารถระบุได้โดยกระเปาะที่มีลักษณะคล้ายกับดอกลาเวนเดอร์ กุยช่าย (Chives) สามารถเข้ายึดสวนได้และต้องแยกกอต้นทุกๆ 3-4 ปี หากคุณยังต้องการให้พืชอื่นๆได้มีโอกาสเติบโต อย่างไรก็ดีด้วยรสชาติที่น่าดึงดูดของพวกมันทำให้กุยช่ายได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากรสชาติที่เผ็ดร้อนแล้ว กุยช่ายยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกมากมายที่ควรรู้

ประโยชน์ต่อสุขภาพของกุยช่าย

แม้ว่ากุยช่ายจะถูกใช้ในปริมาณเพียงเล้กน้อยเพื่อตกแต่งจานอาหาร แต่ประโยชน์ต่อสุขภาพของ Alliums เหล่านี้แนะนำให้เพิ่มลงไปในอาหารของคุณบ่อยๆ นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายของกุยช่าย

ผักกุยช่ายป้องกันโรคมะเร็ง

มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ชี้ให้เห็นว่า Alliums เช่น กุยช่าย สามารถช่วยป้องกันหรือต่อสู้กับโรคมะเร็ง สารประกอบบางอย่างที่พบในกุยช่ายรวมถึงกำมะถันสามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งไม่ให้เติบโตหรือแพร่กระจายไปทั่วร่างกายได้ แม้ว่าการศึกษาเหล่านี้จะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นแต่ก็มีงานวิจัยมากมายที่ชี้ให้เห็นถึงสิ่งเดียวกันนั่นก็คือ กุยช่ายและพืชตระกูล Alliums อื่นๆสามารถช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้

ใบกุยช่ายป้องกันโรคกระดูกพรุน

กุยช่ายเต็มไปด้วยวิตามินเค ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของความหนาแน่นของมวลกระดูก นักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษาว่าอาหารเสริมวิตามินเคมีประสิทธิภาพในการรักษาโรคกระดูกพรุนหรือไม่ แม้ว่าจะนิยมใช้ในการรักษาโรคกระดูกพรุนในบางส่วนของทวีปเอเชีย วิตามินเคถูกแนะนำให้ใช้ในทารกและเด็กเพื่อเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกไปตลอดชีวิต ส่วนอาหารที่มีวิตามินเอ เช่น กุยช่าย อาจช่วยป้องกันไม่ให้โรคกระดูกพรุนเกิดขึ้นในภายหลังChives

กุยช่ายสรรพคุณเสริมสร้างความจำ

กุยช่ายประกอบไปด้วยโคลีน(Choline) และโฟเลต(Folate) ส่วนประกอบเหล่านี้เชื่อมโยงกับการเสริมสร้างความสามารถในการจำ มีการศึกษาแสดงให้เห็นว่าผู้ใหญ่ที่รับประทานอาหารที่มีโคลีนสูงสามารถผ่านการทดสอบความรู้ความเข้าใจได้ดีกว่า ในขณะที่ผู้ที่มีระดับโคลีนต่ำดูเหมือนว่าจะมีความเสี่ยงสูงในการเป็นโรคอัลไซเมอร์ ขณะเดียวกัน โฟเลตหรือกรดโฟลิก มีการศึกษาเกี่ยวกับความผิดปกติทางสติปัญญาและความผิดปกติทางอารมณ์ พบว่าการรวมกันของโคลีนและโฟเลตในต้อนหอมจนอาจช่วยเพิ่มความจำและป้องกันการเกิดภาวะต่างๆ เช่น ภาวะสมองเสื่อมและโรคอัลไซเมอร์

โภชนาการของผักกุยช่าย

เนื่องจากกุยช่ายมักใช้ในการตกแต่งจานอาหารแทนที่จะเป็นองค์ประกอบหลักในการรับประทานในปริมาณมาก สารอาหารต่อมื้อจะคำนวณจากกุยช่าย 1 ช้อนโต๊ะ กุยช่าย 1 ช้อนโต๊ะประกอบไปด้วย: 
  • มีวิตามินเอ ร้อยละ 3 ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
  • มีวิตามินซี ร้อยละ 3 ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
สารอาหารอื่นๆรวมถึงโคลีนและโฟเลตมีอยู่ในปริมาณที่น้อยกว่า อย่างไรก็ตามหากคุณใช้กุยช่ายแทนหัวหอมสีเขียวในอาหาร คุณจะเห็นประโยชน์ของสารประกอบทางโภชนาการอื่นๆเหล่านี้ 

สารอาหารต่อหนึ่งหน่วยบริโภค

1 ช้อนโต๊ะของกุยช่ายสด ประกอบไปด้วย: 
  • แคลอรี่: 1
  • ไขมัน: 0 กรัม
  • คอเลสเตอรอล: 0 มก.
  • โซเดียม: 0 มก.
  • คาร์โบไฮเดตร: 0 กรัม
  • โปรตีน: 0 กรัม

กุยช่ายทำอะไรได้บ้าง

เนื่องจากโดยปกติแล้วต้อนหอมจีนจะรับประทานเป็นเครื่องเคียงหรือเอาไว้ตกแต่ง จึงไม่มีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับการรับประทานกุยช่ายในปริมาณที่มากขึ้น ในขณะที่การเพิ่มกุยช่าย 1 ช้อนโต๊ะลงในอาหารของคุณจะดีต่อสุขภาพและในขณะที่ปริมาณที่มากขึ้นอาจไม่เป็นไร ในบางครั้งการรับประทานกุยช่ายที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการปวดท้องและอาหารไม่ย่อย แต่ทั้งนี้ปัจจุบันคนนิยมทำกุยช่ายในรูปแบบอื่น ๆ เช่น ขนมกุยช่ายทอด หรือกุยช่ายอบ 

วิธีเตรียมกุยช่าย

กุยช่ายมีรสชาติเผ็ดเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งรสชาติอยู่ระหว่างรสชาติของกระเทียมและหัวหอม ความฉุนของมันเขากันดีเมื่อนำมาประกอบอาหารแบบสดๆ วิธีที่ใช้กันทั่วไปในการรับประทานกุยช่าย คือ หั่นเป็นชิ้นเล็กๆแล้วโรยลงบนอาหารปรุงสุกเพื่อเป็นการตกแต่งจากอาหารหรือเป็นเครื่องเคียง อย่างไรก็ตามสามารถเพลิดเพลินกับกุยช่ายทั้งแบบสดหรือสุกลมปริมาณที่มากขึ้น รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของมันสามารถใช้ทดแทนกระเทียมหรือหัวหอมสีเขียวในสูตรอาหารได้อย่างง่ายดาย หรือเพิ่มสูตรอาหารที่มีรสชาติเหล่านั้นได้อย่างแยบยล หากคุณต้องการเพิ่มกุยช่ายลงไปในอาหารของคุณ วิธีง่ายๆที่ทำได้ เช่น : 
  • โรยลงบนขนมปังกระเทียม
  • หั่นและผสมลงไปในเนื้อของแฮมเบอร์เกอร์
  • โรยลงบนมันอบ
  • ผสมลงไปในเนยโฮมเมด
  • ใส่ลงในสลัด

เรื่องน่ารู้ของกุยช่าย

กุ้ยช่ายเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์หลากหลายและมีรสชาติอยู่ในตระกูลเดียวกับหัวหอม กระเทียมต้น และกระเทียม ต่อไปนี้เป็นข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเกี่ยวกับกุ้ยช่าย:
  • คำอธิบายทางพฤกษศาสตร์:กุ้ยช่าย (Allium schoenoprasum) เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลอัลเลียมและเป็นที่รู้จักในเรื่องลำต้นยาวสีเขียวบาง ๆ โดยทั่วไปแล้วพวกมันจะเติบโตเป็นกระจุก และดอกของมันจะมีสีชมพูหรือสีม่วง
  • การใช้ในการประกอบอาหาร:กุ้ยช่ายมีรสชาติหอมอ่อนๆ และใช้เป็นเครื่องปรุงหรือปรุงรสในอาหารต่างๆ มักสับและโรยบนซุป สลัด ไข่เจียว มันฝรั่งอบ และอาหารคาวอื่นๆ
  • โภชนาการ:มีแคลอรี่ต่ำและอุดมไปด้วยสารอาหาร กุ้ยช่ายมีวิตามิน A และ C รวมถึงแร่ธาตุ เช่น แคลเซียมและธาตุเหล็ก
  • ปลูกง่าย:กุ้ยช่ายฝรั่งค่อนข้างปลูกง่ายและมักปลูกในสวนในบ้าน เจริญเติบโตได้ดีในดินที่มีการระบายน้ำได้ดี และชอบสถานที่ที่มีแสงแดดส่องถึง
  • สมุนไพรยืนต้น:กุ้ยช่ายเป็นสมุนไพรยืนต้น ซึ่งหมายความว่าสามารถเติบโตได้ปีแล้วปีเล่าโดยไม่จำเป็นต้องปลูกใหม่  
  • ประโยชน์ต่อสุขภาพ:กุ้ยช่ายก็เหมือนกับผักตระกูล Allium อื่นๆ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระและสารประกอบซัลเฟอร์ที่อาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น คุณสมบัติต้านการอักเสบและส่งเสริมภูมิคุ้มกัน
  • ยาไล่แมลง:กุ้ยช่ายมีสารประกอบจากธรรมชาติที่สามารถทำหน้าที่เป็นยาไล่แมลงได้ การปลูกกุ้ยช่ายในสวนสามารถช่วยขับไล่สัตว์รบกวนเนื่องจากกลิ่นของมันได้
  • พันธุ์:แม้ว่ากุ้ยช่ายฝรั่งทั่วไปจะมีรสชาติหัวหอมอ่อนๆ แต่ก็มีรูปแบบอื่นๆ เช่น กุ้ยช่ายกระเทียม (Allium tuberosum) ซึ่งมีรสชาติคล้ายกระเทียมและใบแบน
  • การใช้ยา:กุ้ยช่ายถูกนำมาใช้ในการแพทย์แผนโบราณเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ รวมถึงการช่วยย่อยอาหารและเป็นการรักษาโรคหวัด
กุ้ยช่ายเป็นสมุนไพรที่ได้รับความนิยมและมีประโยชน์หลากหลายซึ่งไม่เพียงแต่เพิ่มรสชาติให้กับอาหารเท่านั้น แต่ยังนำมาซึ่งประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการอีกด้วย พวกมันค่อนข้างเติบโตง่าย ทำให้เป็นที่ชื่นชอบในหมู่ชาวสวนในบ้านในด้านคุณค่าทางอาหารและไม้ประดับ

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

  • https://www.medicalnewstoday.com/articles/275009
  • https://www.eatingwell.com/article/7828611/chives-vs-green-onions
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด