การทำซีพีอาร์ หรือ Cardiopulmonary Resuscitation – CPR คือ เทคนิคการช่วยชีวิตที่มีประโยชน์ในกรณีฉุกเฉินทุกชนิด เช่นภาวะหัวใจวายหรือ จมน้ำ ซึ่งทำให้หยุดหายใจ หรือหัวใจไม่เต้น
หากคุณกลัวการทำ CPR หรือ ไม่แน่ใจในวิธีการทำ CPR ที่ถูกต้อง การได้เรียนรู้เป็นเรื่องที่ดีมากกว่าไม่พยายามทำอะไรเลย
ต่อไปนี้คือข้อแนะนำจากทาง American Heart Association:
- ไม่เคยได้รับการฝึก หากไม่เคยได้รับการฝึกทำ CPR มาก่อน หรือรู้สึกเป็นกังวลเกี่ยวกับการเป่าปากช่วยชีวิต โดยให้ทำซีพีอาร์ โดยใช้มือเท่านั้น ซึ่งนั้นหมายความว่าต้องมีการกดที่อกไม่หยุด 100 ถึง120 ครั้งต่อนาที หรือจนกว่านักปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์จะมาถึง คุณไม่จำเป็นต้องพยายามจะช่วยชีวิตแบบเป่าปาก
- มีการฝึก และพร้อมจะไปต่อ หากคุณได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี และมีความมั่นใจในความสามารถ ให้ตรวจเช็คดูชีพจรและการหายใจ หากไม่พบชีพจร หรือการหายใจภายใน 10 วินาที ให้เริ่มกดหน้าอกปั้มหัวใจ เริ่มทำซีพีอาร์ด้วยการกดหน้าอก 30 ครั้งก่อนจะเป่าปากช่วยชีวิตสองครั้ง
- เคยฝึกมาก่อนแต่ทิ้งไปนาน หากคุณเคยได้รับการฝึกการทำซีพีอาร์มาก่อนแต่คุณไม่มั่นใจในความสามารถของคุณ ให้ทำแต่กดหน้าอกปั๊มหัวใจด้วยอัตรา 100 ถึง 120 ครั้งต่อนาที
การทำ CPR เบื้องต้น ก่อนเริ่มทำการ ซีพีอาร์
ก่อนเริ่มต้องตรวจเช็ดดังต่อไปนี้:- สิ่งแวดล้อมรอบตัวปลอดภัย หรือไม่?
- ผู้ประสบเหตุมีสติ หรือไม่?
- หากพบว่าไม่มีสติให้ตบเบาๆ หรือเขย่าเขา หรือเธอที่ไหล่แล้วตะโกนถามดังๆว่า “ยังโอเคอยู่ไหม”?”
- หากคนๆนั้นไม่มีการตอบสนอง และมีคนอยู่กับคุณที่สามารถช่วยเหลือคุณได้ ให้โทรเรียกฉุกเฉิน ไปเอาเครื่อง AED ย่อมาจาก Automated External Defibrillator (เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ) และอีกคนเริ่มต้นทำซีพีอาร์
- หากคุณอยู่เพียงลำพังให้โทรหาฉุกเฉินก่อนเริ่มการทำซีพีอาร์ ไปนำเครื่อง AED มาหากทำได้
- ทันทีที่เครื่อง AED พร้อมใช้ให้ทำตามคำแนะนำของอุปกรณ์ และเริ่มทำซีพีอาร์
ข้อควรจำท่องไว้เสมอ C-A-B
The American Heart Association ใช้ตัวอักษร C-A-B เพื่อช่วยคนในการจำขั้นตอนการทำซีพีอาร์ ดังนี้- C: Compressions คือ การกด
- A: Airway คือ ทางเดินอากาศ
- B: breathing คือ การหายใจ
C คือ การกด : เป็นการกู้คืนการไหลเวียนของเลือด
การกดนั้นหมายความว่าคุณจะต้องมือทั้งสองข้างของคุณกดลงด้วยวิธีเฉพาะที่ตำแหน่งหน้าอกของคนเจ็บอย่างแรง และเร็ว การกดหน้าอกเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญที่สุดในการทำซีพีอาร์ ขั้นตอนการกดหน้าอกปั้มหัวใจของการทำซีพีอาร์คือ :- วางคนเจ็บนอนราบบนพื้นที่มีความมั่นคงแข็งแรง
- คุกเข่าอยู่ระหว่างคอ และหัวไหล่ของคนเจ็บ
- วางมือส่วนด้านล่างของฝ่ามือลงเหนือกลางหน้าอกคนเจ็บ ระหว่างหัวนมทั้งสองข้าง
- วางมืออีกข้างทับมือแรก ยืดข้อศอกให้เป็นเส้นตรง และตำแหน่งของหัวไหล่อยู่เหนือมือ
- ออกแรงงกดลงไป (การกด) ที่หน้าอกอย่างน้อย 2 นิ้ว (5 ซม.) แต่ต้องไม่มากเกิน 2.4 นิ้ว (6 ซม.) ใช้น้ำหนักตัวทั้งหมดที่มี (ไม่ใช่ออกแรงจากแค่ที่แขน) กดลงไปที่หน้าอก
- กดแรงๆให้ได้อัตรา 100 ถึง 120 ครั้งต่อนาที The American Heart Association ได้แนะนำให้กดตามจังหวะเพลง “Stayin’ Alive” ปล่อยให้หน้าอกมีจังหวะกระเด้งกลับหลังการกด
- หากคุณไม่เคยได้รับการฝึกการทำซีพีอาร์ ให้กดหน้าอกไปเรื่อยๆจนกว่าจะเห็นสัญญานการเคลื่อนไหว หรือจนกว่าหน่วยฉุกเฉินจะมารับช่วงต่อ แต่หากเคยฝึกมาให้ทำการเปิดทางเดินอากาศ และช่วยด้วยการเป่าปากช่วยชีวิต
เปิดทางเดินหายใจ
หากคุณได้รับการฝึกการทำซีพีอาร์มา และคุณได้กดหน้าอกไป 30 ครั้งแล้ว ให้เปิดช่องทางเดินหายใจโดยการกดหน้าผากให้หน้าแหงนคือ วางฝ่ามือลงบนหน้าผาก และกดศีรษะเบาๆไปข้างหลัง จากนั้นใช้มืออีกข้างยกคางขึ้นเบาๆเพื่อเป็นการเปิดทางเดินหายใจ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจจะทำให้ขาดออกซิเจนได้การช่วยหายใจ
การเป่าช่วยหายใจ หรือการผายปอดสามารถทำได้ทั้งแบบการเป่าปาก และการเป่าจมูก หากพบว่ามีการบาดเจ็บที่ปากรุนแรงหรือไม่สามาถเปิดปากได้ Rescue Breathing Can Be Mouth To Mouth Breathing Or Mouth To Nose Breathing- หลังจากเปิดช่องทางเดินหายใจแล้ว (การกดหน้าผากให้หน้าแหงน) บีบจมูกให้ปิดสนิทพร้อมสำหรับการเป่าปาก และประกบปากคุณเข้ากับปากคนเจ็บให้สนิท
- เตรียมการเป่าปากสองครั้ง เป่าปากครั้งแรก นานราว1 วินาที และจับตาดูว่าหน้าอกมีการยกตัว หรือไม่
- หากหน้าอกมีการยกตัวขึ้น ให้เป่าปากครั้งที่สอง
- หากหน้าอกไม่มีการยกตัวขึ้น ให้ย้อนกลับไปทำการกดหน้าผากให้หน้าแหงน และจึงเริ่มเป่าปากครั้งที่สอง กดหน้าอกอีก 30 ครั้งตามด้วยเป่าปากอีกสองครั้งทำเป็นวงวนไปเรื่อยๆ จงระวังว่าต้องไม่ช่วยหายใจมากเกินไป หรือออกแรงมากเกินไป
- ย้อนกลับมากดหน้าอกเพื่อกู้คืนการไหลเวียนของเลือด
- ทันทีที่เครื่อง AED พร้อมใช้งาน ให้ทำตามขั้นตอน กระตุ้นด้วยเครื่องหนึ่งครั้ง จากนั้นกลับมากดหน้าอกอีกสองนาทีก่อนไปใช้เครื่องกระตุ้นครั้งที่สอง หากเครื่อง AED ไม่สามารถใช้ได้ ให้ย้อนกลับไปทำขั้นตอนที่ 5
- ทำการซีพีอาร์ไปเรื่อยๆจนกว่าจะเห็นสัญญาณการเคลื่อนไหว หรือจนกว่าหน่วยฉุกเฉินจะเข้ามารับช่วงต่อ
การทำซีพีอาร์ในเด็ก
การทำซีพีอาร์สำหรับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 1 ขวบจนถึงวัยรุ่น สามารถทำได้เหมือนกับที่ทำในผู้ใหญ่ ตามขั้นตอน C-A-B และต่อไปนี้คือคำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับการซีพีอาร์ในเด็กคือ :การกดช่วยหายใจ: การกู้คืนการไหลเวียนของเลือด
หากคุณอยู่เพียงลำพัง และไม่เห็นตอนที่เด็กหมดสติ ให้เริ่มด้วยการกดหน้าอกราวสองนาที โทรเรียกฉุกเฉิน และไปเอาเครื่อง หากคุณอยู่เพียงลำพัง และเห็นตอนเด็กหมดสติ ให้โทรเรียกฉุกเฉิน จากนั้นไปนำเครื่อง GED มา และเริ่มต้นการทำซีพีอาร์ หากมีคนอื่นอยู่กับคุณ ให้คนนั้นโทรเรียกฉุกเฉิน และไปเอาเครื่อง GED ในขณะคุณเริ่มทำซีพีอาร์- วางตัวเด็กลงบนพื้นที่มีความแข็งแรงมั่นคง
- คุกเข่าลงระหว่างคอ และหัวไหล่ของเด็ก
- วางมือทั้งสองข้าง ( หรือข้างเดียวหากเด็กตัวเล็กมาก)ลงบนบริเวณต่ำลงมาครึ่งหนึ่งของกระดูกหน้าอก (กระดูกสันอก)
- ใช้สันฝ่ามือหนึ่ง หรือทั้งสองข้างกดลงไปตรงๆที่หน้าอกราว 2 นิ้ว (ประมาณ 5 ซม.)แต่ต้องไม่มากกว่า 2.4 นิ้ว (ราว 6 ซม.) กดให้หนัก และเร็ว – 100 ถึง 120 ครั้งต่อนาที
- หากคุณไม่เคยได้รับการฝึกทำซีพีอาร์มาก่อน ให้กดหน้าอกไปเรื่อยๆจนกว่าเด็กจะมีการเคลื่อนไหว หรือจนกว่าหน่วยแพทย์ฉุกเฉินจะมารับช่วงต่อ หากคุณได้รับการฝึกการทำซีพีอาร์มาก่อน ให้เกิดช่องการหายใจ และเริ่มช่วยด้วยการเป่าปาก
ช่องทางเดินหายใจ: การเปิดช่องทางเดินหายใจ
หากคุณเคยได้รับการฝึกทำซีพีอาร์มาก่อน คุณสามารถกดหน้าอก 30 ครั้ง เปิดช่องทางเดินหายใจให้เด็กด้วยการกดหน้าผากให้หน้าแหงนขึ้น- วางฝ่ามือลงบนหน้าผากของเด็ก และยกขึ้นเบาๆให้หัวแหงนไปทางด้านหลัง
- ใช้มืออีกข้าง ยกคางขึ้นเบาๆให้แหงนขึ้นเพื่อเปิดช่องทางเดินหายใจ
การช่วยหายใจในเด็ก
ปฏิบัติตามขั้นตอนเป่าปากสำหรับเด็ก- หลังจากกดหน้าผากให้หน้าแหงนขึ้นเพื่อเปิดช่องทางเดินหายใจแล้ว ให้บีบจมูกของเด็กให้สนิท ประกบปากคุณเข้ากับปากของเด็กให้สนิท
- เป่าลมหายใจเข้าไปในปากของเด็กราว 1 วินาที ดูว่าหน้าอกมีการยกตัว หรือไม่ หากมีการยกตัวขึ้นให้เป่าปากครั้งที่สอง หากหน้าอกไม่มีการยกตัว ให้ย้อนกลับมาทำการกดหน้าผากให้หน้าแหงนขึ้นอีกครั้ง จากนั้นจึงเป่าปากครั้งที่สอง ระวังว่าไม่ควรเป่าปากมากครั้งเกินไป หรือออกแรงมากเกินไป
- หลังจากเป่าปากสองครั้งแล้ว ให้กลับมาทำตามวงจรการช่วยชีวิตตั้งแต่การกดหน้าอก และการช่วยหายใจ หมายเหตุ: หากมีคนสามารถสลับการทำซีพีอาร์ ให้เปลี่ยนคนช่วยทุกๆสองนาที หรือหากผู้ช่วยชีวิตรู้สึกเหนื่อยให้เปลี่ยนมาช่วยหายใจสองครั้งทุกๆการกด 15 ครั้ง
- ทันทีที่เครื่อง AED สามารถใช้งานได้ ให้ทำตามขั้นตอนเครื่อง ใช้แผ่นอิเล็กโทรดสำหรับเด็กอายุ มากกว่า 4 สัปดาห์จนถึง 8 ขวบ หากพบว่าแผ่นอิเล็คโทรดไม่มีความเหมาะสมสามารถใช้แผ่นสำหรับผู้ใหญ่ได้ ใช้เครื่องกระตุ้นหนึ่งครั้ง จากนั้นทำซีพีอาร์เริ่มด้วยการกดหน้าอก ราวสองนาทีก่อนกลับมาใช้เครื่องกระตุ้นอีกครั้งที่สอง
การทำซีพีอาร์ในเด็กทารกอายุ 4 สัปดาห์ขึ้นไป
ภาวะหัวใจหยุดเต้นในเด็กทารกมักเกิดขึ้นเพราะการขาดออกซิเจน เช่น การติดคอ หากคุณรู้ว่าเด็กมีสิ่งของอุดตันทางเดินหายใจ ให้ทำการปฐมพยาบาลเรื่องของอุดกั้นก่อน แต่หากไม่ทราบว่าทำไมเด็กจึงไม่หายใจให้เริ่มการทำซีพีอาร์ ในขั้นแรก ให้ประเมินสถานการณ์ก่อน จับตัวเด็ก และจับตาดูการตอบสนอง เช่น การเคลื่อนไหว อย่าเขย่าตัวเด็ก หากพบว่าไม่มีการตอบสนอง โทรเรียกฉุกเฉิน จากนั้นเริ่มทำซีพีอาร์ทันที ตามขั้นตอนด้วยการกดหน้าอก เปิดช่องทางเดินหายใจ และให้ลมหายใจ (C-A-B)ตามขั้นตอนด้านล่างสำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 1 ขวบ (ยกเว้นเด็กแรกเกิด สำหรับเด็กที่อายุ 4 สัปดาห์ขึ้นไป) หากคุณเห็นเด็กหมดสติ ให้ไปนำเครื่อง AED มาก่อนเริ่มทำซีพีอาร์ หากมีคนอยู่ด้วนให้โทรเรียกฉุกเฉินทันที และไปเอาเครื่อง GED ในขณะที่คุณเริ่มทำซีพีอาร์การกด เพื่อกู้คืนการไหลเวียนของเลือด
- วางตัวเด็กลงบนพื้นที่มีความมั่นคงแข็งแรง เช่น โต๊ะ หรือพื้น
- นึกภาพเส้นแนวขวางระหว่างหัวนมของเด็ก วางนิ้วสองนิ้วของมือข้างหนึ่งลงเหนือเส้นดังกล่าว บริเวนช่วงตรงกลางหน้าอก
- กดเบาๆที่หน้าอกราว 1.5 นิ้ว (ราว 4 ซม.)
- นับจำนวนครั้ง ควรกดให้ได้ 100 ถึง 120 ครั้งต่อนาที เช่น เดียวกับที่ทำในผู้ใหญ่
การเปิดช่องหายใจ
หลังจากกดหน้าอก 30 ครั้ง ให้ยกศีรษะแหงนไปทางด้านหลังเบาๆด้วยการยกคางขึ้นด้วยมือข้างหนึ่ง และกดหน้าผากลงด้วยมืออีกข้างหนึ่งการช่วยหายใจในเด็กทารก
- ปิดปากเด็กทารก และจมูกด้วยปากของคุณ
- เตรียมการช่วยหายใจสองครั้ง ใช้ลมจากแก้มของคุณส่งลมเบาๆ (แทนการใช้ลมหายใจลึกๆจากปอด) อย่างช้าๆเข้าไปในปากของเด็ก ราวหนึ่งวินาที จับตาดูว่าหน้าอกของเด็กมีการยกตัวขึ้น หรือไม่ หากมีให้ทำการเป่าลมครั้งที่สอง หากหน้าอกไม่มีการยกตัวขึ้นให้ย้อนกลับไปกดหน้าผากให้หน้าแหงนอีกครั้ง และเป่าปากครั้งที่สอง
- หากหน้าอกเด็กไม่มีการยกตัวขึ้น ให้คงกดหน้าอกต่อไป
- ให้เป่าปากสองครั้งทุกๆการกดหน้าอก 30 ครั้ง หากมีคนที่สามารถช่วยทำซีพีอาร์ได้ ให้เป่าปากหนึ่งถึงสองครั้งหลังการกดหน้าอกทุกๆ 15 ครั้ง
- ทำซีพีอาร์ต่อเนื่องไปเรื่อยๆจนกว่าจะเห็นสัญญานชีพ หรือจนกว่าหน่วยฉุกเฉินมาถึง
ใครที่ต้องการความช่วยเหลือด้วยการทำ CPR
การทำ CPR มีความสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาการไหลเวียนของเลือดและการจัดหาออกซิเจนไปยังอวัยวะสำคัญจนกว่าความช่วยเหลือทางการแพทย์จะมาถึง ต่อไปนี้เป็นสถานการณ์ที่บางคนอาจจำเป็นต้องทำ CPR: ภาวะหัวใจหยุดเต้น:- สถานการณ์ที่พบบ่อยที่สุดที่ต้องทำ CPR คือระหว่างภาวะหัวใจหยุดเต้น สิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อหัวใจหยุดเต้นกะทันหันหรือเต้นผิดปกติ หากไม่มีการแทรกแซงทันที อาจนำไปสู่การหมดสติและเสียชีวิตได้ภายในไม่กี่นาที
- หากมีคนสำลักและไม่ตอบสนอง อาจจำเป็นต้องทำ CPR ในกรณีเช่นนี้ การทำ CPR สามารถช่วยขับสิ่งกีดขวางและฟื้นฟูการหายใจให้เป็นปกติได้
- หากมีคนจมน้ำและไม่ตอบสนอง อาจจำเป็นต้องทำ CPR ภาวะขาดออกซิเจนสามารถนำไปสู่ภาวะหัวใจหยุดเต้นได้อย่างรวดเร็ว ทำให้การช่วยชีวิตในทันทีมีความสำคัญอย่างยิ่ง
- ไฟฟ้าช็อตที่รุนแรงสามารถรบกวนจังหวะการเต้นของหัวใจ ส่งผลให้หัวใจหยุดเต้นได้ การทำ CPR อาจจำเป็นเพื่อรักษาการไหลเวียนโลหิตจนกว่าผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์จะสามารถแก้ไขปัญหาที่ซ่อนอยู่ได้
- การใช้ยาเกินขนาดบางชนิดอาจส่งผลให้ระบบทางเดินหายใจล้มเหลวและภาวะหัวใจหยุดเต้น ในกรณีเหล่านี้ การทำ CPR สามารถช่วยช่วยเหลือบุคคลนั้นได้จนกว่าความช่วยเหลือทางการแพทย์จะมาถึง
- แม้ว่าทารกจะพบไม่บ่อย แต่ทารกอาจประสบกับการเสียชีวิตอย่างกะทันหันโดยไม่ทราบสาเหตุ ในกรณีเช่นนี้ อาจมีการพยายามทำ CPR ขณะรอความช่วยเหลือทางการแพทย์ฉุกเฉิน
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น