ร้อนใน (Canker Sore) คือ แผลร้อนในหรือแผลพุพอง เป็นแผลในปากที่เป็นแผลเปิดและมีอาการร้อนในในปาก มีอาการเจ็บปวด แผลในปากที่พบมากที่สุดบริเวณริมฝีปากหรือบริเวณกระพุ้งแก้ม มักจะเป็นลักษณะสีขาวหรือสีเหลืองและล้อมรอบด้วยเนื้อเยื่ออ่อนมีลักษณะสีแดงเนื่องมาจากมีอาการอักเสบ
อาการปวดร้อน มีดังนี้ :
- มีแผลเล็กที่ปาก ๆ รูปไข่สีขาวหรือสีเหลืองภายในปาก หรือขอบปากเป็นแผล
- ส่วนที่เป็นสีแดงจะมีอาการเจ็บปวด
- มีความรู้สึกเสียวในปาก
- ร้อนในลิ้น
- ต่อมน้ำเหลืองบวม
- มีไข้
- รู้สึกไม่สบายตัว
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
ความเสี่ยงในการเป็นแผลร้อนในจะเพิ่มขึ้นหากมีประวัติคนในครอบครัวเคยเป็นร้อนใน แผลร้อนในมีสาเหตุหลายอย่างและที่พบมากที่สุด ได้แก่ :- การติดเชื้อไวรัส
- ความตึงเครียด
- ความแปรปรวนของฮอร์โมน
- อาการแพ้อาหาร
- มีรอบเดือนในผู้หญิง
- การขาดวิตามินหรือแร่ธาตุ
- ปัญหาระบบภูมิคุ้มกัน
- อาการบาดเจ็บที่ปาก
การวินิจฉัยร้อนใน
แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคปากร้อนใน โดยอาจทำการตรวจเลือดหรือตรวจชิ้นเนื้อหากมีอาการปวดที่รุนแรงหรือ หากมีอาการเหล่านี้ :- ไวรัส
- การขาดวิตามินหรือแร่ธาตุ
- ความผิดปกติของฮอร์โมน
- ปัญหากับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- สุขภาพเสื่อมโทรม
- มีเลือดออกจากปากหรือเหงือก
- ฟันโยก
- มีปัญหาในการกลืน
- ปวดหู
วิธีรักษาร้อนใน
ร้อนในสามารถหายเองได้โดยไม่ต้องรักษา อย่างไรก็ตามเพื่อรักษาอาการร้อนในในปากอาจจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตประจำวันที่เป็นประโยชน์เพื่อรักษาแผลเปื่อยในปาก การแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำเพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดเพื่อเร่งให้แผลหายเร็วขึ้น การดื่มนมหรือทานโยเกิร์ตหรือไอศกรีมก็ช่วยลดอาการปวดได้เช่นกัน บางครั้งผู้มีแผลร้อนในในปากอาจมีอาการปวดรุนแรง การบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากหรือน้ำเกลือจะช่วยให้ลดอาการปวดซึ่งในตอนแรกอาจรู้สึกเฝื่อนๆ ในปากแต่จะช่วยลดอาการปวดได้ ส่วนผสมบางอย่างในผลิตภัณฑ์ยาเฉพาะที่สามารถช่วยบรรเทาและรักษาแผล เช่น :- เบนโซเคน (Orabase, Zilactin-B, Kank-A)
- ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Peroxyl, Orajel)
- ยาจำพวก fluocinonide (Vanos)
- น้ำยาบ้วนปากเพื่อป้องเชื้อโรค เช่น Listerine หรือน้ำยาบ้วนปากด้วย chlorhexidine (Peridex, Periogard)
- ยาปฏิชีวนะ เช่น น้ำยาบ้วนปากหรือยาเม็ดที่มี doxycycline (Monodox, Adoxa, Vibramycin)
- ยาสเตียรอยที่ใช้ภายนอก เพื่อเป็นยาทาแผลในปาก เช่น hydrocortisone hemisuccinate หรือ beclomethasone
- ยาบ้วนปากโดยเฉพาะ ที่มีส่วนผสมของ dexamethasone หรือ lidocaine สำหรับการอักเสบและความเจ็บปวด
การดูแลตัวเองที่บ้านเมื่อเป็นแผลร้อนใน
การใช้น้ำแข็งหรือแมกนีเซียมไฮดรอกไซค์ในปริมาณเล็กน้อยสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดและช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น การล้างปากด้วยน้ำอุ่นและเบกกิ้งโซดา (1 ช้อนชาต่อน้ำ 1/2 ถ้วย) สามารถช่วยแก้ปวดได้ อีกทั้งน้ำผึ้งมีประสิทธิภาพในการรักษาแผลร้อนในได้ด้วยเช่นกัน แผลร้อนในกับเริมที่ปาก แผลเริมที่ปากจะมีอาการคล้ายกับแผลร้อนในตรงที่ปากเป็นแผลได้ อย่างไรก็ตามแผลเริมแตกต่างจากแผลร้อนใน แผลเริมจะปรากฏเป็นแผลพุพองนอกปากไม่ใช่แผลอักเสบและจะกลายเป็นแผลหลังจากเกิดแผลพุพอง แผลเริมที่เกิดจากไวรัสเริม เชื้อไวรัสนี้จะอยู่ภายในร่างกายและสามารถถูกกระตุ้นโดยความเครียด ความอ่อนเพลียและแม้กระทั่งการโดนแดด โดยแผลเริมยังสามารถเป็นที่บริเวณริมฝีปาก จมูกและดวงตาได้ด้วยภาวะแทรกซ้อนของร้อนใน
หากอาการร้อนในไม่ได้รับการรักษาเป็นเวลา 2-3 สัปดาห์หรือมากกว่านั้นอาจประสบกับภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่รุนแรงเช่น :- รู้สึกไม่สบายหรือเจ็บปวดขณะพูดคุยแปรงฟันหรือรับประทานทานอาหาร
- ความเมื่อยล้า
- แผลพุพองนอกปาก
- มีไข้
- เซลล์เนื้อเยื่ออักเสบ
สมุนไพรที่ใช้เป็นยาแก้ร้อนใน มีหลายชนิดเช่น :
- ดอกแค : นำดอกแคมาต้มกับน้ำรับประทานก็จะทำให้ร่างกายภายในเย็นลง ส่งผลดีกับอาการแผลร้อนใน
- รางจืด : นำรางจืดที่โตเต็มวัยไปตากแห้งแล้วนำมาชงดื่ม หรือจะรับประทานแบบแคปซูลก็ได้เช่นกัน
- ใบบัวบก: นำใบมาคั้นน้ำ รักษาอาการร้อนในได้เป็นอย่างดี
- ดอกดาวเรือง : โดยการนำดอกไปตากแห้งแล้วมาชงเป็นชาดื่ม จะช่วยลดความร้อนในร่างกายและทำให้ร้อนในลดลงได้
- ฟักเขียว: นำมาทำเป็นอาหารคาวหวาน หรือนำมาปั่นดื่ม สามารถช่วยลดความร้อนในร่างกายและทำให้แผลร้อนในยุบตัวเร็วขึ้น
เคล็ดลับในการป้องกันแผลร้อนใน
สามารถป้องกันการเกิดซ้ำของแผลร้อนในได้โดยหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจก่อให้เกิดแผลร้อนใน เหล่านี้มักจะรวมถึงอาหารรสเผ็ดเค็มหรือเปรี้ยว นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ เช่น ปากคัน ลิ้นบวมหรือลมพิษ หากแผลร้อนเกิดจากสาเหตุความเครียดให้ใช้วิธีการลดความเครียดง่ายๆ เช่น การหายใจลึก ๆ และการทำสมาธิ ดูแลสุขภาพช่องปากให้ดีและใช้แปรงสีฟันขนนุ่มเพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคืองของเหงือกและเนื้อเยื่ออ่อน ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับทานวิตามินหรือแร่ธาตุเสริม เพื่อให้แพทย์แนะนำอาหารที่เหมาะกับร่างกายของผู้เป็นร้อนใน หากมีอาการที่พัฒนารุนแรงขึ้นเหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์ทันที :- แผลขยายเป็นวงขนาดใหญ่
- การระบาดของแผล
- มีอาการเจ็บปวดมาก
- มีไข้สูง
- ท้องร่วง
- เป็นผื่น
- มีอาการปวดศีรษะ (Headache)
คำถามที่พบบ่อย
โรคปากนกกระจอกเป็นนานแค่ไหน แผลเปื่อยส่วนใหญ่จะหายไปเองในหนึ่งหรือสองสัปดาห์ ตรวจสอบกับแพทย์หรือทันตแพทย์ของคุณหากคุณมีแผลเปื่อยที่ใหญ่ผิดปกติหรือเจ็บปวดหรือแผลเปื่อยที่ดูเหมือนจะไม่รักษา โรคปากนกกระจอกหายไปได้อย่างไร แผลเปื่อยส่วนใหญ่จะหายได้เองภายในสองสามวันถึงสองสามสัปดาห์ ระหว่างที่คุณรอให้อาการเหล่านี้หายไป คุณสามารถใช้ยาบรรเทาปวด เช่น ไอบูโพรเฟนหรืออะเซตามิโนเฟนเพื่อบรรเทาอาการปวดได้ นอกจากนี้คุณยังต้องการดูสิ่งที่คุณกิน เกลือช่วยรักษาแผลเปื่อยได้หรือไม่ การล้างด้วยน้ำเกลือ: แม้ว่าเกลืออาจ ทำให้ความเจ็บปวดรุนแรงขึ้น แต่การล้างด้วยน้ำเค็มสามารถช่วยเร่งกระบวนการรักษาได้โดยการทำให้แผลแห้ง ผสมน้ำอุ่น ½ ถ้วยกับเกลือหนึ่งช้อนชา ให้เกลือละลายให้หมด กลั้วในปากนานถึง 30 วินาทีแล้วบ้วนทิ้ง อะไรจะรักษาโรคปากนกกระจอกได้เร็วที่สุด เพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บปวดและเร่งการรักษา ให้พิจารณาคำแนะนำเหล่านี้: บ้วนปากของคุณ ใช้น้ำเกลือหรือเบกกิ้งโซดาล้างออก (ละลายเบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชาในน้ำอุ่น 1/2 ถ้วย) แต้มผงแมกนีเซียในปริมาณเล็กน้อยบนแผลเปื่อย ของคุณ 2-3 ครั้งต่อวัน จะรู้ได้อย่างไรว่าโรคปากนกกระจอกกำลังหายดี ประมาณ 1 สัปดาห์ โรคปากนกกระจอกจะหายไปอย่างสมบูรณ์ แผลพุพองอาจใช้เวลาถึงสี่สัปดาห์ในการรักษา โรคปากนกกระจอกเป็นไวรัสหรือแบคทีเรีย ตรงกันข้ามกับความเชื่อที่แพร่หลายโรคปากนกกระจอกไม่ได้เป็นผลมาจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสและไม่ได้เป็นโรคติดต่อแต่อย่างใด แตกต่างจากโรคเริมที่เกิดจากไวรัสเริม จริง ๆ แล้วโรคปากนกกระจอกเป็นเพียงแผลเล็ก ๆ ภายในเยื่อบุป้องกันของปาก อาหารอะไรที่คุณควรหลีกเลี่ยงเมื่อเป็นโรคปากนกกระจอก หลีกเลี่ยงกาแฟ ช็อกโกแลต อาหารเผ็ดหรือเค็ม ผลไม้รสเปรี้ยวหรือน้ำผลไม้ ถั่ว เมล็ดพืช และมะเขือเทศ ดื่มน้ำเย็น เช่น น้ำเปล่าหรือชาเย็น หรือกินไอติม บางครั้งของเหลวที่สัมผัสกับแผลเปื่อยอาจทำให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อนได้ ใช้ฟางเพื่อไม่ให้ของเหลวสัมผัสกับโรคปากนกกระจอก ทำไมแผลเปื่อยถึงแย่ลง อาหารที่เป็นกรด เค็ม หรือเผ็ด ผักและผลไม้ที่เป็นกรด เช่น มะนาว สับปะรด มะเขือเทศ และส้ม สามารถทำให้แผลเปื่อยระคายเคืองและทำให้อาการปวดแย่ลงได้ อาหารรสเค็มหรือเผ็ดมากเกินไปอาจทำให้แผลเปื่อยระคายเคือง ทำไมแผลในปากถึงไม่หาย แต่บางครั้งการมีแผลในปากที่เป็นมานานก็เป็นสัญญาณของมะเร็งในช่องปาก ทางที่ดีควรได้รับการตรวจสอบ แพทย์ของคุณสามารถสั่งการรักษา เช่น ยาอมคอร์ติโคสเตียรอยด์ หากแผลกลับมาเป็นซ้ำ แพทย์อาจส่งคุณหรือลูกไปตรวจเลือด โรคปากนกกระจอกสามารถหายในกี่วัน อาการปวดมักจะหายไปใน 7 ถึง 10 วัน อาจใช้เวลา 1 ถึง 3 สัปดาห์กว่าที่โรคปากนกกระจอกจะหายสนิท แผลขนาดใหญ่อาจใช้เวลานานกว่าจะหาย ไอศกรีมดีต่อแผลในปากหรือไม่ รับประทานอาหารอ่อนๆ รสจืดที่เคี้ยวและกลืนได้ง่าย เช่น ไอศกรีม คัสตาร์ด คอทเทจชีส มักกะโรนีและชีส ไข่สุก โยเกิร์ต หรือซุปครีม หั่นอาหารเป็นชิ้นเล็กๆ หรือบด บด ปั่น หรือบดอาหารเพื่อให้เคี้ยวและกลืนได้ง่ายขึ้น วิตามินซีรักษาโรคปากนกกระจอกได้หรือไม่ วิตามินซีช่วยรักษาเยื่อเมือกในปากของคุณ โดยปกติแล้วเราจะหันไปหาวิตามินซีจากผลไม้รสเปรี้ยว แต่จริงๆ แล้วสิ่งเหล่านี้อาจทำให้บางคนเป็นโรคปากนกกระจอกได้ ให้กินวิตามินซีเสริมแทน ลอง 1,000 มิลลิกรัมสามครั้งต่อวันลิ้งค์ด้านล่างเป็นแหล่งที่มาข้อมูลของเรา
- https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/canker-sore/symptoms-causes/syc-20370615
- https://www.webmd.com/oral-health/guide/canker-sores
- https://www.aaom.com/index.php%3Foption=com_content&view=ar%20%20ticle&id=82:canker-sores
- https://kidshealth.org/en/teens/canker.html
- https://medlineplus.gov/ency/article/000998.htm
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น