การใช้อาหารเสริมแคลเซียม:
- ใช้ในการรักษา หรือป้องกันระดับแคลเซียมในร่างกายต่ำ
- แพทย์ใช้ในการรักษาอื่นๆ
ข้อควรรู้ก่อนกินแคลเซียม
- หากคุณมีอาการแพ้แคลเซียม หรือส่วนประกอบอื่น ๆ ของแคลเซียม
- หากคุณแพ้แคลเซียม หรือยาอาหาร หรือสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับแคลเซียม ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับอาการแพ้ และสัญญาณที่เกิดขึ้น
- หากคุณมีระดับแคลเซียมในร่างกายสูง
- บอกแพทย์ หรือผู้ดูแลสุขภาพของคุณได้ทราบถึงการใช้แคลเซียม
- แคลเซียมอาจจะป้องกันไม่ให้ยาอื่น ๆ เข้าสู่ร่างกาย หากคุณใช้ยาอื่นโปรดตรวจสอบกับแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อดูว่าคุณจำเป็นต้องใช้ยาเหล่านี้ในเวลาใด
- บอกแพทย์หากคุณกำลังตั้งครรภ์ หรือวางแผนที่จะตั้งครรภ์ เพราะแคลเซียมมีประโยชน์ และความเสี่ยงบางประการหากใช้ระหว่างตั้งครรภ์
- บอกแพทย์หากคุณอยู่ระหว่างให้นมบุตร เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงใด ๆ ต่อลูกน้อยของคุณ
แคลเซียมกินตอนไหน
การรับประทานแคลเซียมนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของแคลเซียม และความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร ดังนั้นการรับประทานแคลเซียมควรรับประทานหลังอาหารประมาณ 1 ชั่วโมง หรือบางประเภทอาจแนะนำให้รับประทานพร้อมอาหาร โปรดใช้แคลเซียมตามคำสั่งแพทย์ หรือคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด หากลืมรับประทานยา สามารถรับประทานยาให้เร็วที่สุดทันทีที่คิดได้ กรณีที่ใกล้ถึงเวลาสำหรับการรับประทานยาครั้งต่อไปให้ข้ามไปก่อน และรับประทานยาในรอบถัดไป ไม่ควรรับประทาน 2 ครั้ง ในเวลาเดียวกันหรือรับประทานในปริมาณที่มากกว่าปกติผลข้างเคียงของแคลเซียม
คำเตือน / ข้อควรระวัง: แม้อาจพบผลข้างเคียงได้น้อย แต่บางคนอาจมีผลข้างเคียงที่รุนแรงหรืออันตรายถึงกับชีวิตได้ แจ้งให้แพทย์ทราบทันทีหากมีอาการดังต่อไปนี้:- มีสัญญาณของอาการแพ้ เช่น ผื่น ลมพิษ อาการคัน แดงบวม แผลพุพอง หรือผิวหนังลอก มีไข้ หายใจไม่ออก ความแน่นหน้าอกหรือลำคอ ปากหรือลิ้นบวม เป็นต้น
- มีสัญญาณของระดับแคลเซียมสูง เช่น อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดท้อง หรืออาเจียนเป็นต้น
- อารมณ์แปรปรวน
ผลข้างเคียงของการกินแคลเซียม
ยาทุกชนิดอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง อย่างไรก็ตามในบางคนอาจไม่มีผลข้างเคียงหรือมีเพียงเล็กน้อย ควรไปพบแพทย์หากคุณมีอาการข้างเคียงต่อไปนี้: สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นทั้งหมด หากคุณมีอาการผิดปกติอื่นๆ ก็ควรพบแพทย์เช่นกันหากสงสัยว่าได้รับในปริมาณที่มากเกินไป
หากสงสัยว่าใช้ยาเกินขนาด ให้พบแพทย์โดยทันที และให้ข้อมูลเกี่ยวกับยาที่ใช้ข้อมูลสำหรับผู้บริโภคยาแคลเซียม
- หากอาการ หรือปัญหาสุขภาพไม่ดีขึ้น หรือแย่ลง ควรรีบไปพบแพทย์
- อย่าใช้ยาร่วมกับผู้อื่น รวมถึงอย่ารับประทานยาของผู้อื่น
- หากข้อมูลบนฉลากไม่ชัดเจน หรือคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับแคลเซียมโปรดปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกร
- หากคุณคิดว่ามีการใช้ยาเกินขนาดให้รีบติดต่อแพทย์ และอย่าลืมแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับยาที่ใช้โดยละเอียด
อาหารเสริมแคลเซียมบำรุงกระดูก
อาหารเสริมแคลเซียม มีอยู่หลากหลายชนิด ซึ่งร่างกายคนเราสามารถดูดซึมปริมาณ แคลเซียมแต่ละชนิดได้ไม่เท่ากัน และผลิตออกมาหลายรูปแบบ เช่น ชนิดเม็ดรับประทาน ชนิดเม็ดฟู่ละลายน้ำ โดยอาหารเสริมแคลเซียมสามารถแยกย่อยออกมาได้ดังนี้แคลเซียมซิเทรต (Calcium Citrate)
ให้ปริมาณแคลเซียมร้อยละ 21 ร่างกายดูดซึมได้ประมาณ 50%ไตรแคลเซียมฟอสเฟต ( Tricalcium Phosphate)
ให้ปริมาณแคลเซียมร้อยละ 38 กรัมต่อน้ำหนักตัวแคลเซียมคาร์บอเนต (Calcium Carbonate CaCo3)
ให้ปริมาณแคลเซียมร้อยละ 40 กรัมของน้ำหนักตัว โดยแคลเซียมประเภทนี้จำเป็นต้องรับประทานพร้อมอาหารแคลเซียมแล็กเทต (Calcium Lactate )
ให้ปริมาณแคลเซียมร้อยละ 13 ต่อน้ำหนักตัวการเก็บรักษาแคลเซียม
- เก็บรักษาที่อุณหภูมิห้อง
- หลีกเลี่ยงความร้อน
- เก็บในที่แห้ง ไม่ชื้น
- เก็บยาไว้ในที่ปลอดภัย เก็บยาให้พ้นมือเด็ก และสัตว์เลี้ยง
- ทิ้งยาที่ไม่ใช้ หรือหมดอายุ อย่าทิ้งลงชักโครก หรือระบบระบายน้ำหากไม่ได้รับอนุญาต
แหล่งแคลเซียมจากธรรมชาติ
แคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการพัฒนาและบำรุงรักษากระดูกและฟันให้แข็งแรงตลอดจนการทำงานของร่างกายต่างๆ แม้ว่าหลายคนจะคิดว่าผลิตภัณฑ์จากนมเป็นแหล่งแคลเซียมหลัก แต่ก็มีแคลเซียมจากธรรมชาติที่ไม่ใช่นมอยู่หลายชนิดเช่นกัน ต่อไปนี้เป็นอาหารและซอสบางชนิดที่อุดมไปด้วยแคลเซียมตามธรรมชาติ:- เมล็ดงาและทาฮินี:เมล็ดงาและทาฮินี (ส่วนผสมที่ทำจากเมล็ดงาบด) เป็นแหล่งแคลเซียมที่ดีเยี่ยม คุณสามารถใช้ทาฮินีเป็นฐานสำหรับทำน้ำสลัดหรือน้ำจิ้มได้
- อัลมอนด์:อัลมอนด์เป็นแหล่งแคลเซียมที่ดี คุณสามารถทำเนยอัลมอนด์หรือใช้อัลมอนด์สับเป็นท็อปปิ้งกรุบกรอบสำหรับอาหารจานต่างๆ ได้
- เต้าหู้:ผลิตภัณฑ์เต้าหู้หลายชนิดเสริมด้วยแคลเซียม ทำให้เป็นแหล่งแคลเซียมจากพืชที่ดีเยี่ยม เต้าหู้สามารถนำมาใช้ในอาหารคาวหรือหวานและสามารถดูดซับรสชาติของซอสและน้ำดองได้
- ผักใบเขียวเข้ม:ผัก เช่น ผักคะน้า ผักกระหล่ำปลี และหัวผักกาด อุดมไปด้วยแคลเซียม คุณสามารถเตรียมได้หลายวิธี เช่น ผัด นึ่ง หรือผสมเป็นสมูทตี้
- ปลาแซลมอนและปลาซาร์ดีน:ปลาแซลมอนและปลาซาร์ดีนกระป๋องมีกระดูกเป็นแหล่งแคลเซียมที่ดี คุณสามารถสร้างซอสหรือน้ำดองที่มีรสชาติสำหรับรับประทานกับปลาเหล่านี้ได้
- ถั่วและพืชตระกูลถั่ว:ถั่วและพืชตระกูลถั่วบางชนิด เช่น ถั่วขาว ถั่วดำ และถั่วเลนทิล มีแคลเซียมในปริมาณที่เหมาะสม คุณสามารถใส่มันลงในซุป สตูว์ และสลัด หรือทำซอสถั่วก็ได้
- บรอกโคลีและบกฉ่อย:ผักเหล่านี้มีแคลเซียม สามารถนำไปนึ่งหรือผัด เสิร์ฟพร้อมซอสหรือน้ำสลัดรสอร่อย
- ส้มและน้ำส้ม:ส้มและน้ำส้มเสริมแคลเซียมให้แคลเซียมในปริมาณที่ดีพร้อมกับวิตามินซี
- เมล็ดเชีย:เมล็ดเจียเป็นแหล่งแคลเซียมที่มีประโยชน์หลายอย่าง และสามารถนำไปใช้ในพุดดิ้ง สมูทตี้ และโยเกิร์ตได้
- กากน้ำตาล:กากน้ำตาล เป็นสารให้ความหวานที่มีแคลเซียม คุณสามารถใช้เป็นส่วนผสมในซอส ขนมอบ หรือน้ำหมักต่างๆ ได้
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.nof.org/patients/treatment/calciumvitamin-d/
- https://www.nhs.uk/conditions/vitamins-and-minerals/calcium/
- https://www.medicalnewstoday.com/articles/248958
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น