แผลเป็นไฟไหม้ (Burn) คืออาการธรรมดาทั่วไปที่เกิดขึ้นภายในบ้าน โดยเฉพาะเด็ก คำว่า “ไฟลวก” มีความหมายมากกว่าความรู้สึกแสบร้อนที่เกิดขึ้นกับอาการบาดเจ็บ โดยอาการเผาไหม้หมายถึงผิวหนังที่เกิดความเสียหายอย่างรุนเเรงซึ่งทำให้เซลล์ผิวหนังตาย
คนส่วนใหญ่สามารถหายจากแผลเป็นไฟไหม้ได้เองโดยไม่เกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆตามมาซึ่งขึ้นอยู่กับสาเหตุและระดับความรุนเเรงของอาการบาดเจ็บ สำหรับแผลไฟไหม้ที่รุนเเรงควรได้รับการรักษาทันทีเพื่อป้องกันภาวะเเทรกซ้อนและทำให้เสียชีวิตได้
ระดับแผลเป็นไฟไหม้
แผลไฟไหม้แบ่งออกเป็น 3 ระดับได้แก่ระดับที่หนึ่ง สอง และสาม โดยแผลเผาไหม้แต่ละระดับแบ่งตามความรุนเเรงและความเสียหายของผิวหนัง ซึ่งระดับที่หนึ่งเริ่มต้นจากผิวหนังเสียหายน้อยที่สุดและระดับที่สามคือผิวหนังเกิดความเสียหายอย่างรุนเเรง โดยมีอาการรุนเเรงดังต่อไปนี้ได้แก่- แผลไหม้ระยะแรก ผิวแดงและไม่มีผิหนังพุพอง
- แผลไหม้ระยะที่ 2: เกิดแผลพุพองและมีสะเก็ดเกิดขึ้นบนผิวหนัง
- แผลไหม้ระยะที่ 3: เกิดผิวหนังตกสะเก็ดและมีผิวหนังลอกเกิดขึ้น
- สัมผัสกับความร้อนหรือน้ำร้อนลวก
- สารเคมีเผาไหม้
- ไฟฟ้าลวก
- ไฟลวกเช่นไฟจากไม้ขีดไฟ เทียนและไฟแช็ก
- ออกแดดมากเกินไป
แผลไหม้ระยะแรก
แผลไหม้ระยะแรกเกิดจากบาดแผลขนาดเล็กเรียกว่า “บาดแผลชนิดตื้น” เนื่องจากเป็นบาดแผลขนาดเล็กที่อยู่ผิวหนังด้านนอก สัญญาณแผลไหม้ระยะแรกได้แก่ แผลเผาไหม้ระยะแรกเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้- ผิวหนังแดง
- อาการอักเสบหรืออาการบวม
- อาการเจ็บปวด
- ผิวแห้งและผิวซีดบริเวณที่เกิดแผลไหม้
- หัวเข่า
- ข้อเท้า
- เท้า
- กระดูกไขสัน
- หัวไหล่
- ข้อศอก
- แขน
- ใช้น้ำสบู่ล้างแผลในน้ำเย็นเป็นเวลา 5 นาทีหรือนานกว่านั้น
- ทานยาแก้ปวดพาราเซลตามอลหรือไอบลูโฟรเพนเพื่อบรรเทาอาการปวด
- ทายา lidocaine (ยาชา) กับเจลว่านหางจรเข้หรือครีมเพื่อทำให้ผิวเรียบเนียน
- ใช้ยาทาแผลไฟไหม้และใช้ผ้าก๊อซพันหลวมๆที่บริเวณเกิดแผลไหม้
แผลไหม้ระยะที่ 2
แผลไหม้ระยะที่ 2 เป็นแผลที่ค่อนข้างรุนเเรงเนื่องจากเกิดความเสี่ยงหายของเนื้อเยื่อเพิ่มมากขึ้น โดยแผลไหม้ในระยะนี้ทำให้เกิดแผลพุพองขึ้นบนผิวหนังและทำให้เกิดอาการบวมเเดงเจ็บปวด แผลพุพองบางชนิดเป็นแผลเปิดและมีน้ำหนองไหลออกมา เมื่อเวาผ่านไป แผลไหม้บริเวณนั้นจะหนาขึ้นเเละมีลักษณะอ่อนนุ่ม เกิดการอักเสบโดยเฉียบพลันและมีหนองเกิดขึ้นบนแผล เนื่องจากลักษณะทางธรรมชาติของร่างกายบางแผลชนิดนี้ควรรักษาบริเวณที่พันแผลให้อย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันการติดเชื้อและช่วยทำให้แผลหายได้เร็วขึ้น นอกจากนี้แผลไหม้ระยะที่ 2 บางชนิดอาจต้องใช้เวลารักษามากกว่า 3 อาทิตย์และสามารถหายได้อย่างสมบูรณ์ภายใน 2-3 อาทิตย์โดยปราศจากแผลเป็นแต่สีผิวบริเวณที่เกิดแผลไหม้มักเปลี่ยนแปลงไป แผลพุพองที่รุนเเรงจำเป็นต้องใช้เวลารักษาที่ยาวนานขึ้น ในบางกรณีที่รุนเเรงอาจจำเป็นต้องการปลูกถ่ายผิวหนังเพื่อซ่อมเเซมส่วนที่เกิดความเสียหาย โดยการปลูกถ่ายผิวหนังเป็นการนำผิวหนังส่วนที่มีสุขภาพดีมาปลูกถ่ายบริเวณที่นำผิวหนังที่เสียหายเนื่องจากถูกไฟไหม้ออก เมื่อแผลไหม้ระยะที่ 1 ควรหลีกเลี่ยงการใช้สำลีก้านเนื่องจากอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย สำหรับการรักษาแผลไหม้ระยะที่ 2 สามารถทำได้ด้วยวิธีดังตอนไปนี้- ใช้น้ำเย็นล้างเป็นเวลา 15 นาทีหรือนานกว่า
- หาซื้อยาทานเองจากร้านขายยาเช่นยาพาราเซลตามอลหรือไอบลูโพรเฟน
- ทายาแผลไฟไหม้เมื่อเกิดแผลพุพอง
- ใบหน้า
- มือ
- สะโพก
- ขาหนีบ
- เท้า
แผลไหม้ระยะที่ 3
นอกจากแผลไหม้ระยะที่ 4 เเล้ว แผลไหม้ระยะที่ 3 เป็นแผลที่รุนเเรงมากที่สุด เป็นแผลที่ทำให้เกิดความเสียหายที่ผิวหนังเป็นวงกว้างและลึกมากขึ้น มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับแผลไหม้ระยะที่ 3 ว่าเป็นแผลที่ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดมากที่สุด อย่างไรก็ตามลักษณะของแผลชนิดนี้ทำให้เกิดความเสียหายที่ผิวหนังอย่างรุนเเรงและไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดเนื่องจากระบบประสาทถูกทำลาย ทั้งนี้อาการของแผลไหม้ระยะที่ 3 ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดแผลซึ่งมีลักษณะดังต่อไปนี้- มีผิวเงาวาวหรือผิวหนังสีขาว
- ผิวไหม้เกรียม
- ผิวหนังกลายเป็นสีน้ำตาลหรือขาว
- เกิดผิวหนังลอกมากขึ้น
- ไม่มีผิวพุงพองเกิดขึ้น
ภาวะแทรกซ้อน
เมื่อเปรียบเทียบแผลไหม้ระยะที่หนึ่งและสอง แผลไหม้ระยะที่สามเป็นแผลที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อทำให้สูญเสียเลือดและเกิดอาการช็อกหมดสติได้มากที่สุด ดังนั้นเมื่อเกิดแผลไหม้รุนเเรงชนิดขึ้นจึงทำให้เสียชีวิตได้ ซึ่งในขณะเดียวกันแผลไหม้ทุกชนิดยังทำให้เกิดการติดเชื้อสูงและทำให้แบคทีเรียเข้าสู่กระดูกผ่านผิวหนังได้ โรคบาดทะยักสามารถเป็นภาวะแทรกซ้อนที่สามารถเกิดขึ้นกับแผลไฟไหม้ทุกชนิด ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อจากแบคทีเรียที่ส่งผลทำให้ระบบประสาทเกิดความเสียหายจึงทำให้เกิดปัญหากล้ามเนื้อหดตัว โดยปกติสมาชิกทุกคนในบ้านควรได้รับตัวกระตุ้นวัคซีนบาดทะยักทุกๆ 10 ปีเพื่อป้องกันการติดเชื้อ นอกจากนี้แผลไหม้ที่รุนเเรงมีความเสี่ยงทำให้เกิดสภาวะที่ร่างกายมีอุณหภูมิต่ำเกินไปและภาวะเลือดในร่างกายลดลงต่ำ ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายมากเมื่อร่างกายมีอุณหภูมิต่ำเกินไปและเป็นภาวะเเทรกซ้อนที่เกิดขึ้นแผลไหม้อย่างไม่คาดคิด โดยปกติอาการเหล่านี้เกิดขึ้นจากการที่ร่างกายสูญเสียความร้อนอย่างเฉียบพลันเนื่องจากการบาดเจ็บ สำหรับภาวะเลือดในร่างกายลดลงต่ำหรือปริมาณเลือดในร่างกายต่ำเกินไปเมื่อร่างกายสูญเสียเลือดมากเกินไปจากแผลไฟไหม้บทสรุปสำหรับแผลไหม้
แผลไหม้ระยะที่ 1 และ 2 สามารถรักษาให้หายด้วยวิธีการรักษที่เหมาะสม ซึ่งแผลไหม้ระยะนี้อาจทำให้เกิดแผลเป็นได้เล็กน้อยแต่เมื่อเวลาผ่านไปเซลล์ผิวสามารถผลัดผิวเป็นเหมือนเดิมได้ หลักการสำคัญคือควรหลีกเลี่ยงความเสียหายและการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นจากแผลไฟไหม้ในอนาคต สำหรับแผลไหม้ระยะที่ 2-3 อย่างรุนเเรงสามารถทำให้เกิดปัญหาในเนื้อเยื่อที่ส่วนลึกและกระดูกรวมถึงอวัยวะอื่นๆ ซึ่งผู้ป่วยจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาด้วยวิธีดังต่อไปนี้- การผ่าตัด
- การทำกายภาพบำบัด
- การฟื้นฟูสมรรภาพ
- การดูเเลสุขภาพในระยะยาว
การเยียวยาที่บ้านสำหรับการเผาไหม้
นอกจากครีม ผ้าพันแผล และยาที่จำหน่ายที่ร้านขายยา ยังมีวิธีรักษาแผลไฟไหม้ที่บ้านอื่นๆ ที่สามารถลองใช้ได้ รวมถึง:- ว่านหางจระเข้ – ว่านหางจระเข้เป็นสารต้านการอักเสบตามธรรมชาติและมีคุณสมบัติต่อต้านแบคทีเรีย ในรูปแบบเจลใช้รักษาแผลไฟไหม้ได้
- น้ำผึ้ง – สามารถใช้เป็นยาต้านการอักเสบ ต้านเชื้อแบคทีเรีย และสารต้านอนุมูลอิสระ การใช้น้ำผึ้งเฉพาะที่สามารถช่วยรักษาบาดแผลได้ โดยเฉพาะในแผลไฟไหม้
- ปิโตรเลียมเจลลี่ – ชั้นบางๆ นี้สามารถช่วยป้องกันแผลไหม้จากการติดเชื้อได้
- แผลไหม้ไม่หายภายในสองสัปดาห์ และ/หรือยังคงมีขนาดใหญ่อยู่
- สัญญาณของการติดเชื้อ เช่น มีน้ำมูก แดง หรือบวม
- อาการใหม่ที่อธิบายไม่ได้
- รอยแผลเป็นที่มีนัยสำคัญ
คำถามที่พบบ่อย
คุณควรปิดแผลไหม้หรือปล่อยให้แผลแห้งโดยไม่ผิดแผล
คุณควรปิดแผลไหม้ด้วยผ้าพันแผลเพื่อป้องกันไม่ให้อากาศเข้าและป้องกันการติดเชื้อ แต่ให้แน่ใจว่าห่ออย่างหลวมๆ เพื่อหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดจากการกดทับบนผิวหนังที่ไหม้9 .คุณควรทำให้แผลไหม้ชื้นหรือแห้ง
คุณควรรักษาแผลไหม้ให้ชุ่มชื้นเพราะหากบริเวณนั้นแห้ง คุณจะเสี่ยงต่อการทำลายผิวหนัง แบคทีเรียสามารถเข้าไปและทำให้เกิดการติดเชื้อได้เราจะป้องกันการไหม้ได้อย่างไร
มีหลายวิธีที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดแผลไหม้ที่บ้าน:- ลดอุณหภูมิของน้ำเมื่ออาบน้ำ ซักผ้า หรือทำความสะอาด
- เก็บอาหารและเครื่องดื่มร้อนให้ห่างจากขอบโต๊ะและเคาน์เตอร์
- ถอดปลั๊กอุปกรณ์ให้ความร้อนเมื่อไม่ใช้งาน
- เก็บไม้ขีดไฟและไฟแช็กไว้ในที่ปลอดภัย
- จัดเก็บวัตถุไวไฟอย่างปลอดภัย
- สวมครีมกันแดด SPF 30 หรือสูงกว่า
บทสรุปสำหรับแผลไหม้
แผลไหม้ระยะที่ 1 และ 2 สามารถรักษาให้หายด้วยวิธีการรักษที่เหมาะสม ซึ่งแผลไหม้ระยะนี้อาจทำให้เกิดแผลเป็นได้เล็กน้อยแต่เมื่อเวลาผ่านไปเซลล์ผิวสามารถผลัดผิวเป็นเหมือนเดิมได้ หลักการสำคัญคือควรหลีกเลี่ยงความเสียหายและการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นจากแผลไฟไหม้ในอนาคต สำหรับแผลไหม้ระยะที่ 2-3 อย่างรุนเเรงสามารถทำให้เกิดปัญหาในเนื้อเยื่อที่ส่วนลึกและกระดูกรวมถึงอวัยวะอื่นๆ ซึ่งผู้ป่วยจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาด้วยวิธีดังต่อไปนี้- การผ่าตัด
- การทำกายภาพบำบัด
- การฟื้นฟูสมรรภาพ
- การดูเเลสุขภาพในระยะยาว
นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/burns/symptoms-causes/syc-20370539
- https://www.nhs.uk/conditions/burns-and-scalds/
- https://www.webmd.com/pain-management/guide/pain-caused-by-burns
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น