ภาพรวม
ตาโปน (Bulging Eyes) หรือตาถลนออกจากตำแหน่งปกติอาจเป็นสัญญาณของโรคที่ร้ายเเรงได้ ซึ่งคำว่าexophthalmos และ Proptosis คือคำศัพท์ทางการเเพทย์ที่ใช้อธิบายลักษณะของอาการตาโปน บางคนอาจเกิดมามีตาโปนออกจากเบ้าตามากกว่าปกติ ในขณะที่หลายคนอาจมีอาการตาโปนที่เกิดจากโรค ในกรณีส่วนใหญ่ส่วนที่เป็นตาขาวไม่ควรอยู่เหนือจากม่านตา (บริเวณที่เป็นสีของดวงตา) โดยปราศจากเปลือกตาปิด ถ้าหากพบว่าตาขาวอยู่ระหว่างม่านตาหรือบนเปลือกตา อาจเป็นสัญญาณของอาการตาโปนผิดปกติได้ สำหรับแผนการรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุของตาโปน เมื่อเกิดภาวะตาโปนเฉียบพลันเพียงข้างเดียวเป็นกรณีฉุกเฉินที่ควรต้องไปพบเเพทย์ทันที เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณผิดปกติของโรคร้ายได้สาเหตุของตาโปน
สาเหตุของใหญ่ของตาโปนเกิดจากภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินปกติหรือภาษาอังกฤษเรียกว่า hyperthyroidism ต่อมไทรอยด์หมายถึงต่อมที่อยู่ด้านลำคอ ซึ่งทำหน้าที่ปล่อยฮอร์โมนหลายชนิดเพื่อช่วยควบคุมการทำงานของระบบการเผาผลาญภายในร่างกาย ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไปเกิดขึ้นเมื่อต่อมไทรอยด์ปล่อยฮอร์โมนออกมามากเกินไป ความผิดปกติเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันที่เรียกว่า โรคเกรฟส์เป็นสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติและตาโปน สำหรับอาการของโรคเกรฟส์ทำให้เกิดผิวหนังรอบดวงตาเกิดอาการอักเสบ ซึ่งทำให้เกิดอาการตาโปน ทุกคนสามารถเป็นโรคเกรฟส์ได้ ข้อมูลจากงานวิจัยด้านสุขภาพของผู้หญิง พบว่าในผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 30 ถึง 60 ปีมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้มากที่สุด สาเหตุอื่นๆที่ทำให้เกิดตาโปนได้แก่- โรคมะเร็งเนื้อเยื่อประสาท เป็นโรคมะเร็งชนิดหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อระบบประสาทซิมพาเทติก
- โรคลูคีเมีย เป็นโรคมะเร็งชนิดหนึ่งที่สามารถทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวได้
- มะเร็งที่เกิดจากเซลล์ตัวอ่อนที่จะพัฒนาเป็นเซลล์กล้ามเนื้อลายเป็นมะเร็งชนิดที่เกิดกับการสร้างเนื้อเยื่ออ่อน
- โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โดยส่วนใหญ่มักเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน
- หนังตาอักเสบ เป็นอาการติดเชื้อเกิดขึ้นบริเวณเนื้อเยื่อรอบดวงตา
- เนื้องอกหลอดเลือดเป็นเนื้องอกในตาที่เกิดจากการรวมตัวของหลอดเลือดผิดปกติ
- มีเลือดออกด้านหลังดวงตาเนื่องจากการบาดเจ็บ
- การแบ่งเซลล์ของเนื้องอกมะเร็งที่บริเวณใดก็ตามของร่างกาย
- โรคเนื้อเยื่อเกี่ยวกับเช่นโรคซาร์คอยด์
การวินิจฉัยสาเหตุของลักษณะตาโปน
ถ้าหากคุณมีอาการตาโปนเกิดขึ้นที่ตาข้างใดข้างหนึ่งหรือตาทั้งสองข้าง คุณควรไปพบเเพทย์โดยเร็วที่สุดและควรเตรียมประวัติการรักษาสุขภาพเพื่อเป็นข้อมูลให้กับเเพทย์ ได้แก่รายการยาที่เคยได้รับหรือยาที่หาซื้อเองรวมถึงยาที่เป็นอาหารเสริมต่างๆ แพทย์ต้องการทราบเกี่ยวกับการเฉพาะของลักษณะตาโปนที่เกิดขึ้นเช่น- คุณสังเกตุพบลักษณะตาโปนครั้งเเรกเมื่อไหร่
- คุณมีลักษณะตาโปนอย่างร้ายเเรงตั้งเเต่พบอาการครั้งเเรกหรือไม่
- คุณเคยมีอาการอื่นๆหรือไม่ โดยเฉพาะอาการปวดหัวหรือการมองเห็นภาพเปลี่ยนแปลง
- ตรวจการมองห็น
- การตรวจขยายม่านตา
- การตรวจตาด้วยเครื่อง slit lamp เป็นการตรวจตาด้วยกล้องจุลทรรศน์กำลังขยายต่ำและมีปล่อยประจุความเข้มสูงเพื่อตรวจดูโครงสร้างด้านหน้าดวงตาของคุณ
- ตรวจร่างกายด้วยภาพเช่นการสแกน CT หรือ MRI
- ตรวจเลือด
วิธีรักษาสำหรับตาโปน
แผนการรักษาของคุณขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดตาโปน เช่นวิธีวินิจฉัยโรค ซึ่งแพทย์จะทำการรักษาด้วยวิธีหนึ่งหรือหลายวิธีได้แก่- การใช้ยาหยอดตา
- ยาปฏิชีวนะ
- ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์เพื่อลดการติดเชื้อ
- การผ่าตัดตา
- การผ่าตัด การทำเคมีบำบัดหรือฉายเเสงบำบัดเพื่อรักษาโรคมะเร็ง
- ใช้ยาเช่นยาเบต้าบล็อกเกอร์หรือยาต้านไทรอยด์
- การใช้แร่ไอโอดีนหรือการผ่าตัดเพื่อนำต่อมไทรอยด์ออก
- ให้ฮอร์โมนไทรอยด์ทดเเทน ถ้าหากคุณตัดต่อมไทรอยด์ออก
ภาวะแทรกซ้อนของตาโปน
ภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับตาโปนอาจรวมถึง:- ปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น : ดวงตาที่ยื่นออกมาอาจทำให้เกิดปัญหากับการจัดตำแหน่งและการโฟกัสของดวงตาที่เหมาะสม สิ่งนี้สามารถนำไปสู่การมองเห็นภาพซ้อน (ภาพซ้อน) หรือความยากลำบากในการรักษาการมองเห็นที่ชัดเจน
- อาการตาแห้ง : ตาโปนอาจส่งผลให้เปลือกตาปิดไม่เพียงพอ ทำให้น้ำหล่อลื่นของดวงตาลดลง ซึ่งอาจทำให้ตาแห้ง ระคายเคือง และไม่สบายตาได้
- การสัมผัสกับกระจกตา : เมื่อดวงตานูนขึ้นอย่างมาก กระจกตา (พื้นผิวด้านหน้าที่ชัดเจนของดวงตา) อาจเปิดออกและมีแนวโน้มที่จะเกิดความเสียหาย แผลที่กระจกตาหรือการติดเชื้อสามารถเกิดขึ้นได้หากกระจกตาไม่ได้รับการปกป้องอย่างเหมาะสมจากเปลือกตา
- ปัญหาเปลือกตา : เปลือกตาอาจปิดได้ไม่สนิทเหนือดวงตาที่โปนออกมา ทำให้กระพริบตาลำบากและป้องกันดวงตาไม่เพียงพอ สิ่งนี้สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่ตาและภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ
- ผลกระทบด้านความงามและจิตใจ : ตาโปนสามารถเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของบุคคลได้อย่างมาก ซึ่งอาจส่งผลต่อความนับถือตนเองและภาพลักษณ์ของร่างกาย สิ่งนี้สามารถนำไปสู่ความทุกข์ทางจิตใจและคุณภาพชีวิตที่ลดลง
- เงื่อนไขทางการแพทย์พื้นฐาน : ตาโปนมักเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ โดยเฉพาะโรคเกรฟส์ โรคแพ้ภูมิตัวเองนี้สามารถนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ นอกเหนือจากอาการทางตา รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์และอวัยวะอื่นๆ
- การกดทับของเส้นประสาทตา : ในกรณีที่รุนแรง อาการตาโปนสามารถกดทับเส้นประสาทตาซึ่งทำหน้าที่ส่งข้อมูลภาพไปยังสมอง การบีบอัดนี้อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นหรือภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาทอื่นๆ
- ไซนัสและการติดเชื้อ : การสัมผัสกับดวงตาเนื่องจากการโป่งสามารถเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อในไซนัสหรือวงโคจร (เบ้าตา) ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา
นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://www.nhs.uk/conditions/bulging-eyes/
- https://www.webmd.com/eye-health/bulging-eyes-exophthalmos-causes
- https://www.medicinenet.com/bulging_eyes/article.htm
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น