กระดูกหัก (Bone Fracture) : อาการ สาเหตุ การรักษา

กระดูกหัก"}” data-sheets-userformat=”{"2":4226,"4":{"1":2,"2":16777215},"10":2,"15":"Arial"}”>กระดูกหัก (Bone Fracture) มีตั้งแต่อาการกระดูกแตกร้าวไปจนถึงกระดูกหักออกจากกัน ซึ่งกระดูกแตกสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งแบบแนวขวางและแนวตั้ง ในกรณีที่รุนเเรงหมายถึงกระดูกที่แตกออกจากกันหลายชิ้น โดยส่วนใหญ่กระดูกแตกมีสาเหตุเกิดจากกระดูกเกิดแรงกดทับมากเกินไป  ถ้าคุณมีกระดูกหักหักควรไปพยแพทย์ทันที

อาการกระดูกหักเป็นอย่างไร ?

โดยส่วนใหญ่เเล้วเมื่อมีกระดูกหักเกิดขึ้นจะทำให้รู้สึกเจ็บปวดมากตั้งแต่กระดูกเริ่มแตกร้าวและอาการจะยิ่งแย่ลงเมื่อเกิดการเคลื่อนไหวหรือจับบริเวณที่เกิดอาการบาดเจ็บ ในบางกรณีอาการบาดเจ็บทำให้คุณหมดสติได้เนื่องจากคุณจะรู้สึกวิงเวียนศีรษะและหนาวสั่นจากอาการช็อกจนหมดสติ อาการอื่นๆที่เกิดขึ้นได้จากกระดูกหักได้แก่ 
  • เกิดเสียงกระดูกแตกในบริเวณที่เกิดอาการบาดเจ็บ
  • มีอาการบวมแดงเกิดและฟกช้ำเกิดขึ้นบริเวณที่เกิดการบาดเจ็บ 
  • ลงน้ำหนักตัวบริเวณที่เกิดอาการบาดเจ็บได้ลำบาก
  • บริเวณที่เกิดอาการบาดเจ็บเกิดความผิดรูปต่างจากปกติ
ในบางกรณีคุณอาจสังเกตุเห็นกระดูกที่แตกออกนูนออกมาจากผิวหนัง 

ความแตกต่างของกระดูกหักมีกี่ประเภท?

กระดูกหักสามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิดได้แก่กระดูกหักแบบปิดหรือแบบแผลเปิดและกระดูกหักแบบไม่สมบูรณ์หรือกระดูกหักแบบสมบูรณ์

กระดูกหักแบบปิด vs.กระดูกหักแบบแผลเปิด

กระดูกหักแบบปิดเรียกว่ากระดูกหักธรรมดา โดยเป็นกระดูกหักที่ไม่มีแผลทะลุผิวหนังออกมา กระดูกหักแบบแผลเปิดภาษาอังกฤษเรียกว่า compound fracture เป็นอาการกระดูกหักที่ทำให้เกิดแผลเปิดทะลุผิวหนังออกมา เมื่อกระดูกและอวัยวะภายในอื่นๆเกิดการทะลุออกมามีความเสี่ยงก่อให้เกิดการติดเชื้อที่สูงกว่า 

กระดูกหักไม่แบบสมบูรณ์ vs. กระดูกหักแบบสมบูรณ์ 

กระดูกร้าวเป็นกระดูกที่เกิดการแตกออกแบบไม่สมบูรณ์ กล่าวคือเกิดรอยร้าวที่กระดูกโดยที่กระดูกไม่ได้หักออกจากกัน ประเภทของกระดูกหักแบบไม่สมบูรณ์มีดังต่อไปนี้ 
  • เกิดรอยแตกร้าวที่กระดูกเป็นแนวยาวซึ่งมีกระดูกหักออกเล็กน้อย 
  • กระดูกเดาะเป็นกระดูกที่แตกเพียงด้านเดียวในขณะที่กระดูกอีกด้านหนึ่งงอไปอีกด้านหนึ่ง 
  • การหักที่เกิดจากแรงกดบริเวณเปลือกนอกของกระดูกที่ส่งผลให้กระดูกอีกด้านหนึ่งถูกแรงกดเเละทำให้เกิดการเเตกร้าวไปด้วย 
กระดูกหักแบบสมบูรณ์หมายถึงกระดูกที่แตกหักออกจากกัน โดยกระดูกอาจแตกออกจากกันหนึ่งชิ้นหรือหลายชิ้น ประเภทของกระดูกหักแบบสมบูรณ์มีดังต่อไปนี้ 
  • กระดูกหัก 1 ชิ้นหมายถึงการเกิดกระดูกหักหนึ่งที่ทำให้กระดูกหักออกจากกันเป็น 2 ชิ้น 
  • กระดูกแตกย่อยหมายถึงกระดูกที่แตกหักออกจากกันเป็น 3 ชิ้น 
  • กระดูกยุบตัวเป็นอาการกระดูกหักที่เกิดจากแรงกระเเทกอย่างเเรง
  • กระดูกที่หักที่ไม่แยกจากกันทั้งสองท่อนหมายถึงกระดูกที่หักแต่ไม่แยกออกจากกันและไม่เคลื่อนที่ออกจากกัน
  • กระดูกที่หักและเคลื่อนไปจากที่เดิมหมายถึงกระดูกที่หักออกจากกันเเละอยู่ในตำแหน่งที่เปลี่ยนไปจากเดิม
  • กระดูกหักหลายชิ้นหมายถึงกระดูกที่แตกออกจากกันเป็น 2 ชิ้นโดยที่ชิ้นหนึ่งหลุดออกไม่มีการยึดติดอยู่กับกระดูกท่อนเดิม
โดยทั่วไปกระดูกหักแบบไม่สมบูรณ์มีโอกาสเกิดขึ้นกับเด็กได้มากกว่าเนื่องจากกระดูกของพวกเขาอ่อนกว่ากระดูกของผู้ใหญ่จึงทำให้มีโอกาสเกิดกระดูกงอได้มากกว่ากระดูกหักและสำหรับกระดูกหักแบบสมบูรณ์มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย

สาเหตุของกระดูกหักเกิดจากอะไร ?

Bone fracture กระดูกของคุณสามารถเกิดการหักได้เมื่อได้รับแรงกระเเทกหรือแรงกดทับมากเกินไป โดยเป็นแรงกระเเทกที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันและรุนเเรงมากซึ่งระดับความรุนเเรงของแรงกระเเทกสามารถบ่งบอกความรุนเเรงของอาการกระดูกหักได้  สาเหตุทั่วไปที่ทำให้กระดูกหักได้แก่ 
  • ตกจากที่สูง
  • แรงกระแทกที่เกิดกับร่างกายโดยตรง
  • ภัยอันตรายเช่นอุบัติเหตุรถยนต์หรือแผลจากการถูกยิง 
  • injuries from sports การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา 

ผู้ใดบ้างที่มีความเสี่ยง

กระดูกหักสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่ผู้ที่มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคกระดูกหักได้มากที่สุดคือผู้ที่กระดูกเปราะง่ายหรือมีความหนาแน่นของกระดูกต่ำ กระดูกของคุณสามารถเปราะและหักได้ถ้าหากคุณเป็นผู้ที่

วิธีวินิจฉัยอาการกระดูกหักทำอย่างไร

ถ้าหากคุณสงสัยว่ามีกระดูกแตกหักหรือไม่ คุณควรไปพบเเพทย์ทันที แพทย์จะทำการวินิจฉัยด้วยการสอบถามเกี่ยวกับอาการและทำการตรวจสอบบริเวณที่เกิดอาการบาดเจ็บรวมถึงแพทย์จะบอกให้คุณลองขยับบริเวณที่เกิดอาการเจ็บปวดดูเพื่อตรวจสอบลักษณะอาการบาดเจ็บหรือกระดูกหักที่อาจเกิดขึ้นได้ ถ้าหากเเพทย์คิดว่าเกิดกระดูกหัก พวกเขาจะสั่งให้คนไข้เข้ารับการเอกซเรย์ ข้อมูลจากสถาบันศัลยศาสตร์ออร์โทพีดิกส์ในสหรัฐอเมริกาได้ระบุว่าการเอกซเรย์เป็นวิธีที่ใช้วินิจฉัยเพื่อตรวจหากระดูกหักได้ดีที่สุดซึ่งการเอกซเรย์จะทำให้เห็นภาพกระดูกและบริเวณที่เกิดกระดูกหักรวมถึงสัญญาณอันตรายที่เกิดจากกระดูกหัก นอกจากนี้การเอกซเรย์ยังช่วยระบุประเภทของกระดูกหักได้อีกด้วย  ในบางกรณีแพทย์จะสั่งให้ตรวจร่างกายด้วยเครื่องสร้างภาพด้วยคลื่นสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) หรือเข้ารับการตรวจด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT หรือ CAT scan) เพื่อตรวจสอบกระดูกและเนื้อเยื่อรอบๆ

กระดูกหักมีวิธีรักษาอย่างไร ?

ถ้าหากคุณได้รับการวินิจฉัยว่ามีกระดูกหัก้กิดขึ้น การรักษาขึ้นอยู่กับบริเวณและลักษณะกระดูกที่เกิดการแตกหัก  โดยปกติแพทย์จะพยายามต่อกระดูกที่แตกออกให้กลับเข้าที่ในตำแหน่งที่เหมาะสมและทำให้กระดูกเกิดความมั่นคงเมื่อทำการรักษา สิ่งที่สำคัญคือไม่ควรขยับบริเวณที่กระดูกหักจนกว่ากระดูกจะกลับเข้าที่เดิมอย่างสมบูรณ์ ในระหว่างกระบวนการรักษา เซลล์กระดูกใหม่จะเกิดขึ้นที่รอบๆปลายกระดูกที่แตกออกจากกัน ถ้าหากกระดูกที่แตกออกถูกจัดอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมและมั่นคง เซลล์กระดูกใหม่ที่เกิดขึ้นจะผสานเชื่อมต่อกันในที่สุด แพทย์อาจจะใช้เฝือกเพื่อทำให้กระดูกของคุณไม่เกิดการเคลื่อนที่ออกจากกัน โดยเฝือกทำมาจากปูนพลาสเตอร์หรือไฟเบอร์กลาสซึ่งการใส่เฝือกจะช่วยรักษาบริเวณที่เกิดกระดูกหักและป้องกันไม่ให้กระดูกที่หักเคลื่อนออกจากกันในขณะที่ทำการรักษา  ในกรณีส่วนน้อยที่แพทย์จำเป็นต้องรักษากระดูกหักด้วยวิธีดึงกระดูกเพื่อจัดกระดูกให้อยู่ในบริเวณที่ถูกต้อง การดึงกระดูกเป็นการยืดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณรอบๆกระดูกของคุณ โดยแพทย์จะใช้ระบบการทำงานของรอกและการถ่วงน้ำหนักด้วยลูกตุ้มโลหะที่อยู่เหนือเตียงของคุณ โดยการรักษาด้วยระบบนี้จะค่อยๆ ด้วยการเคลื่อนไหวด้วยการดึงที่ทำให้แพทย์สามารถรักษาบริเวณที่เกิดอาการบาดเจ็บได้  กระดูกที่เกิดการแตกออกหลายชิ้น คุณอาจจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดจัดกระดูกแบบเปิดด้วยการยึดตรึงกระดูกหักภายในและภายนอกเพื่อรักษาไม่ให้กระดูกเคลื่อนที่ออกจากกัน    ในการจัดกระดูกแบบเปิดและการยึดตรึงกระดูกหักภายใน อันดับเเรกเเผลจะทำการผ่าตัดเปิดแผลบริเวณที่เกิดกระดูกหักโดยตรงเพื่อจัดตำแหน่งกระดูกที่แตกออก ให้กลับเข้าที่ตามปกติ จากนั้นแพทย์จะทำการเชื่อมต่อหรือ “ซ่อมแซม” กระดูกที่แตกออกเข้าด้วยกัน การผ่าตัดด้วยวิธีนี้ทำด้วยสกรูยึดกระดูกหรือ metal plates หรือทั้งสองอย่าง ในบางกรณีแพทย์สามารถทำการผ่าตัดด้วยการสอดขดลวดเข้าไปในแกนกลางของกระดูก การยึดตรึงกระดูกหักภายนอก แพทย์จะทำการตรึงกระดูกของคุณโดยหมุดหรือสกรูไว้ด้านบนและด้านล่างบริเวณที่เกิดกระดูกหัก โดยแพทย์จะทำการเชื่อมต่อหมุดหรือสกรูนี้เข้ากับแท่งโลหะจัดกระดูกที่อยู่นอกผิวหนังของคุณ โดยแท่งโลหะนี้จะช่วยยึดกระดูกของคุณให้อยู่มนตำแหน่งที่ถูกต้องและไม่เคลื่อนที่ในขณะที่ทำการรักษากระดูกแตก แพทย์จะส่งยาเพื่อรักษาอาการเจ็บปวดและต่อสู้กับการติดเชื้อหรือจัดการกับอาการข้างเคียงต่างๆ หลังจากการปฐมพยาบาลกระดูกหักเบื้องต้นเเละรักษากระดูกหักในระยะเเรกเเล้ว แพทย์จะเเนะนำให้คุณเข้ารับการกายภาพบำบัดเพื่อช่วยทำให้คุณสามารถกลับมาเคลื่อนไหวได้ตามปกติ

บทสรุปเกี่ยวกับกระดูกหัก

ถ้าหากคุณเคยมีอาการเกี่ยวกับกระดูกหัก บริเวณที่เกิดกระดูกหักเเละความรุนเเรงที่เกิดขึ้นสามารถบ่งบอกได้ถึงระยะเวลาในการรักษา นอกจากนี้อายุและประวัติสุขภาพของคุณยังเกี่ยวข้องกับกระบวนการฟื้นฟูเเละรักษาอีกด้วย โดยในกระบวนการรักษาคุณจำเป็นต้องหยุดการเคลื่อนบริเวณหรือตำแหน่งที่เกิดกระดูกหักเพื่อให้เวลาร่างกายได้รักษากระดูกที่แตกจนกระทั่งหายดีได้  ทั้งนี้การรักษาอาจจะต้องใช้ระยะเวลาหลายสัปดาห์หรือในบางกรณีอาจต้องใช้เวลาหลายเดือนสำหรับรักษากระดูกที่แตกหัก ในกรณีส่วนใหญ่อาการเจ็บปวดอาจบรรเทาลงเเล้วหายก่อนกระบวนการรักษากระดูกที่แตกออกผสานเข้าด้วยกัน แต่อย่างไรก็ตามคุณจำเป็นต้องเข้มงวดในการเคลื่อนไหวบริเวณที่เกิดกระดูกหักจนกระทั่งกระดูกที่เเตกออกเชื่อมเข้าด้วยกันสนิท ซึ่งอาจทำให้คุณไม่สามารถทำกิจกรรมตามปกติหรือเล่นกีฬาบางอย่างได้ ดังนั้นคุณจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันใหม่จนกระทั่งคุณหายดี  เมื่อกระดูกที่หักเกิดการผสานเข้าด้วยกันดีเเล้ว คุณสามารถกลับไปใช้ชีวิตหรือทำกิจกรรมตามปกติได้ ในบางกรณีคุณอาจจำเป็นต้องเข้ารับการบำบัดทางกายภาพซึ่งเป็นการช่วยทำให้คุณสามารถเคลื่อนไหวบริเวณที่เกิดกระดูกหักได้ตามปกติ เนื่องจากการหยุดขยับหรือการไม่เคลื่อนไหวอวัยวะที่เกิดกระดูกหักเป็นเวลานานทำให้สูญเสียกล้ามเนื้อเเละความยืดหยุ่นบริเวณที่เกิดการบาดเจ็บได้ ดังนั้นการทำกายภาพบำบัดจึงเป็นการช่วยทำให้คุณหายจากกระดูกหักได้อย่างสมบูรณ์ เพื่อช่วยทำให้คุณหายได้ไวขึ้น ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

วิธีป้องกันกระดูกหักหรือกระดูกหักสามารถทำอย่างไรได้บ้าง ?

คุณสามารถป้องกันกระดูกเเตกได้ แต่อย่างไรก็ตามคุณสามารถบริหารร่างกายเพื่อทำให้กระดูกเเข็งเเรงและไม่เกิดความเสียหายได้ง่าย เพื่อรักษากระดูกให้เเข็งเเรงอยู่เสมอคุณควรรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนที่อุดมไปด้วยแคลเซียมและวิตามินดี นอกจากนี้คุณควรออกกำลังกายเป็นประจำด้วยการออกกำลังกายแบบแอโรบิกโดยมีการลงน้ำหนักที่ขาที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและช่วยยืดกระดูก การได้แก่การเดิน การปั่นจักรยาน การวิ่ง การเต้นและเวทเทรนนิ่ง

อาหารที่ช่วยรักษากระดูกที่หักให้หายเร็วขึ้นได้

 นม

นม โยเกิร์ต และชีสเป็นแหล่งวิตามินดีและแคลเซียมที่ดี ซึ่งเป็นสารอาหารหลัก 2 ชนิดที่ร่างกายต้องการเพื่อความแข็งแรงและการเจริญเติบโตของกระดูก หากคุณมีอาการกระดูกหัก ให้พยายามเพิ่มการบริโภคผลิตภัณฑ์จากนมเพื่อเร่งกระบวนการรักษาให้หายเร็วขึ้น

 นมถั่วเหลือง

แม้ว่านมจะมีชื่อเสียงในด้านการรักษากระดูกให้แข็งแรงและซ่อมแซมกระดูกหัก แต่ผู้ที่แพ้แลคโตสก็สามารถเลือกดื่มนมถั่วเหลืองเสริมอาหารแทนได้ นมถั่วเหลืองเสริมเป็นแหล่งแคลเซียมที่ดีและไม่มีแลคโตส นมถั่วเหลืองไม่มีคอเลสเตอรอลและมีไขมันอิ่มตัวตามธรรมชาติต่ำ นมถั่วเหลืองยังเป็นแหล่งโปรตีนและโพแทสเซียมที่ดีอีกด้วย

เมล็ดฟักทอง

วันฮัลโลวีนนี้ ทำความสะอาด ตากแห้ง และคั่วเมล็ดฟักทองจากฟักทองฮาโลวีนของคุณ เมล็ดฟักทองเป็นแหล่งแมกนีเซียมที่ดี ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียม มีส่วนช่วยให้กระดูกมีความแข็งแรงและแน่น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ 2 ประการเมื่อคุณพยายามรักษากระดูกหัก คุณสามารถโยนเมล็ดฟักทองคั่วบนสลัดหรือเคี้ยวอย่างเดียวเป็นของว่างกรุบกรอบ

พริกหยวก

พริกหยวกหวาน โดยเฉพาะพริกแดง เต็มไปด้วยวิตามินซี ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจน และมีความสำคัญต่อการสร้างกระดูกใหม่   เชื่อหรือไม่ว่าพริกหยวก ½ ถ้วยมีวิตามินซีมากกว่าส้ม  

ถั่วดำ

หากคุณต้องการเสริมสร้างกระดูกของคุณ ให้หาเหตุผลที่จะกินถั่วดำ พวกมันเป็นแหล่งแมกนีเซียมที่ดีอีกแหล่งหนึ่ง ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อการรักษาโครงกระดูกให้เร็วขึ้น คุณสามารถใส่มันในสลัดทาโก้ เบอร์ริโต หรือใส่ในพริกหม้อใหญ่

เนื้อสัตว์

โครงสร้างกระดูกเกือบครึ่งหนึ่งของคุณทำจากโปรตีน ร่างกายของคุณต้องการโปรตีนเพื่อสร้างกระดูกใหม่เพื่อซ่อมแซมหลังกระดูกหัก นอกจากนี้ยังช่วยให้ร่างกายของคุณใช้แคลเซียมได้อย่างเหมาะสม เนื้อสัตว์เป็นแหล่งโปรตีนที่ดีที่สุดแหล่งหนึ่ง

ปลาซาร์ดีน

ปลาซาร์ดีนเป็นแหล่งแคลเซียมและวิตามินดีที่ดี ซึ่งเป็นสารอาหารหลัก 2 ชนิดในการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง

ปลาไขมัน

แคลเซียมทำงานได้ดีก็ต่อเมื่อคุณได้รับวิตามินดีด้วย ปลาที่มีไขมัน เช่น ปลาทูน่าเป็นแหล่งวิตามินดีที่ดี แม้ว่าแคลเซียมจะเป็นสารอาหารหลักในการรักษากระดูก แต่วิตามินดีก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน วิตามินดีช่วยรักษาระดับแคลเซียมในเลือดให้คงที่และมีบทบาทสำคัญในโครงสร้างกระดูกและการเจริญเติบโต

ผักคะน้า

ผักคะน้าเป็นแหล่งวิตามินเคที่ดี ซึ่งเป็นวิตามินที่ช่วยในการจับแคลเซียมในการสร้างกระดูก

ไข่

มีแหล่งอาหารของวิตามินดีอยู่ไม่กี่แหล่ง และไข่ก็เป็นหนึ่งในนั้น นอกจากนี้ ไข่ยังมีแคลเซียม แมกนีเซียม เหล็ก โปรตีน และวิตามินบีอีกด้วย

องุ่น

ผลไม้หวานฉ่ำนี้เต็มไปด้วยวิตามินเค อันที่จริง ¾ ถ้วยให้คุณค่า 25 เปอร์เซ็นต์ต่อวันของคุณ มัวร์กล่าว รับประทานเปล่าๆ แช่แข็งเพื่อรับประทานแบบเย็น หรือใช้เป็นสลัด โยเกิร์ต หรือโรยหน้าข้าวโอ๊ต

ผักชีฝรั่ง

 สมุนไพรนี้มีประโยชน์มากกว่าเป็นเครื่องปรุง แต่เป็นแหล่งวิตามินเคชั้นเยี่ยม ทำเพสโต้ผักชีฝรั่งสำหรับวิธีที่ง่ายและอร่อยในการบริโภคจำนวนมาก ใส่เพสโต้ลงบนผักหรือปลาที่สร้างกระดูกจากรายการด้านบนเพื่อเพิ่มความพิเศษ

 สัตว์ปีก 

กรดอะมิโนเฉพาะซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของโปรตีน มีบทบาทสำคัญในการรักษาบาดแผลและการทำงานของภูมิคุ้มกัน สัตว์ปีก รวมทั้งไก่และไก่งวงบรรจุกลูตามีนและอาร์จินีน ซึ่งเป็นกรดอะมิโน 2 ชนิดที่อาจช่วยฟื้นฟูและรักษา กลูตามีนให้การปกป้องเซลล์ในช่วงเวลาที่เกิดความเครียด เช่น การเจ็บป่วยและการบาดเจ็บ ในขณะที่อาร์จินีนช่วยในการผลิตคอลลาเจนและการรักษาบาดแผล ยิ่งไปกว่านั้น อาร์จินีนจะหมดไปอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาแห่งความเครียด การบาดเจ็บ และความเจ็บป่วย ทำให้การบริโภคกรดอะมิโนนี้อย่างเพียงพอมีความสำคัญมากขึ้น

นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา

  • https://www.medicinenet.com/broken_bone_types_of_bone_fractures/article.htm
  • https://www.webmd.com/a-to-z-guides/understanding-fractures-basic-information
  • https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/15241-bone-fractures
  • https://www.nhs.uk/common-health-questions/accidents-first-aid-and-treatments/how-do-i-know-if-i-have-broken-a-bone/
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด