ท้องลม คืออะไร
ท้องลมคือการที่ไข่ที่ปฏิสนธิและฝังตัวในมดลูกแล้ว แต่ไม่พัฒนากลายเป็นตัวอ่อน เกิดรกและถุงน้ำตัวอ่อนแต่ยังคงว่างเปล่า ไม่มีทารกที่กำลังเติบโต เป็นที่รู้จักกันว่าภาวะไข่ฝ่อหรือการตั้งครรภ์ไม่มีตัวเด็ก แม้ว่าจะไม่มีตัวอ่อน แต่รกยังคงผลิตฮอร์โมน Chorionic Gonadotropin (hCG) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ใช้เพื่อรองรับการตั้งครรภ์ เมื่อทดสอบการตั้งครรภ์ในเลือดและปัสสาวะจะตรวจหา hCG ได้ ทำให้แม้ว่าจะท้องลมแต่ผลการทดสอบภาวะตั้งครรภ์ยังคงเป็นบวก แม้ว่าการตั้งครรภ์จะไม่เกิดขึ้นจริงก็ตาม ทั้งยังมีอาการที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ เช่น เจ็บหน้าอก และคลื่นไส้ ได้อีกด้วย ไข่ที่ไม่พัฒนาจะถูกทำลายนำไปสู่การแท้งบุตร เพราะไม่สามารถเปลี่ยนเป็นการตั้งครรภ์ได้อาการท้องลม
บางครั้งไข่ที่ไม่พัฒนาจะเสื่อมสลายไปก่อนที่คุณแม่จะรู้ตัวว่ากำลังตั้งครรภ์เสียอีก บางคนอาจเข้าใจว่าตนเองมีอาการประจำเดือนที่หนักกว่าปกติ อาการท้องลมคืออาการที่คล้ายคลึงกับการตั้งครรภ์ ได้เช่นกัน ได้แก่- ผลการทดสอบการตั้งครรภ์เป็นบวก
- เจ็บหน้าอก
- ประจำเดือนขาด
สาเหตุท้องลม
ภาวะนี้ไม่ได้เกิดจากกิจกรรมที่ทำหรือไม่ได้ทำในระหว่างหรือก่อนตั้งครรภ์ ยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่แท้จริงของไข่ที่ถูกทำลาย คาดว่าท้องลมเกิดจากความผิดปกติของโครโมโซมที่เกิดขึ้นภายในไข่ที่ปฏิสนธิ ซึ่งเป็นผลมาจากพันธุกรรม หรือเกิดจากไข่หรืออสุจิที่ไม่มีคุณภาพ ไข่ที่เป็นโรคอาจเชื่อมโยงกับความผิดปกติภายในโครโมโซม 9 หากเคยตั้งครรภ์ ในลักษณะท้องลมซ้ำ ๆ ให้ปรึกษาแพทย์ เพื่อวินิจฉัยโครโมโซมของตัวอ่อนเพิ่มเติม ภาวะเสี่ยงสูงของท้องลมเกิดจากสาเหตุอะไร คาดว่าเกิดจากการที่คู่ครองมีความเกี่ยวข้องทางชีววิทยาระหว่างกัน ไข่ที่เสื่อมสภาพอาจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่ทันสังเกตอย่างไรก็ตามผู้หญิงจำนวนมากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้ แม้ว่าจะมีการตั้งครรภ์ที่มีสุขภาพดีก็ตาม ยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจนว่าไข่ที่ถูกทำลายเกิดในภาวะการตั้งครรภ์ครั้งแรกหรือเกิดในการตั้งครรภ์ที่มากกว่า 1 ครั้ง ผู้หญิงส่วนมากที่เคยท้องลม จะยังสามารถตั้งครรภ์ที่ประสบความสำเร็จและมีทารกที่แข็งแรงได้การวินิจฉัยอาการท้องลม
ไข่ที่ฝ่อไปสามารถพบได้จากผลการทดสอบอัลตราซาวนด์แรกที่แพทย์จะตรวจสอบระหว่างการนัดหมายก่อนคลอด การตรวจด้วยคลื่นเสียงจะแสดงภาพของรกและถุงตัวอ่อนที่ว่างเปล่า ไข่ฝ่อมักเกิดขึ้นระหว่างอายุครรภ์สัปดาห์ที่ 8 ถึงสัปดาห์ที่ 13แนวทางการรักษาท้องลม
หากพบไข่ที่ผิดปกติในระหว่างการติดตามอาการก่อนคลอด แพทย์จะแนะนำทางเลือกในการรักษา ซึ่งรวมถึง:- รอให้ไข่ฝ่อไปเองตามธรรมชาติ
- การใช้ยา เช่น ไมโซพรอสทอล (Cytotec) เพื่อทำให้แท้ง
- การผ่าตัดเพื่อขยาย และขูดมดลูก เพื่อเอาเนื้อเยื่อของรกที่ตกค้างออกจากมดลูก
การป้องกันท้องลม
ไม่มีแนวทางป้องกันไข่ฝ่อได้ หากเกิดความกังวลเกี่ยวกับท้องลม ควรปรึกษาแพทย์ถึงผลทางพันธุกรรมที่เป็นไปได้ รวมถึงการทดสอบระหว่างตั้งครรภ์เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดท้องลม ปรึกษากับแพทย์หากสัมผัสกับสารพิษในสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจส่งผลต่อไข่และการแท้งบุตรภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์ในอนาคต
เช่นเดียวกับการแท้งบุตร ร่างกายและอารมณ์ย่อมต้องการเวลาในการเยียวยา สิ่งสำคัญคือการรู้ว่าผู้หญิงที่ผ่านภาวะไข่ฝ่อมาแล้วสามารถตั้งครรภ์ที่ประสบความสำเร็จได้ ควรปรึกษาแพทย์ว่าควรรอนานแค่ไหนก่อนที่จะพยายามตั้งครรภ์อีกครั้ง โดยทั่วไปคือรอให้ครบ 3 รอบเดือนก่อน เพื่อให้ร่างกายได้พักฟื้นอย่างเต็มที่ และเกิดความพร้อมที่จะตั้งครรภ์อีกครั้ง ในช่วงเวลาที่รอควรปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ เช่น- กินให้มาก
- คลายเครียด
- ออกกำลังกาย
- ทานอาหารเสริมที่มีโฟเลต
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น