ไบโอติน (Biotin) คือ อะไร
บางครั้งเรียกมันว่าวิตามิน H ไบโอตินเป็นหนึ่งในวิตามินบีคอมเพล็กซ์ที่ช่วยให้ร่างกายเปลี่ยนอาหารเป็นพลังงาน คำว่า “Biotin” มาจากภาษากรีกโบราณ “Biotos” ซึ่งแปลว่า ชีวิต หรือ สิ่งยังชีพ วิตามินบี โดยเฉพาะไบโอติน ทำให้ผิว ผม ตา ตับ และระบบประสาทมีสุขภาพดี ไบโอตินเป็นสารอาหารที่จำเป็นในช่วงที่ตั้งครรภ์ เพราะมีความสำคัญต่อการพัฒนาของตัวอ่อนคนส่วนใหญ่ได้ไบโอตินจากการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ แต่ก็มีการกล่าวอ้างว่าการรับประทานไบโอตินมากขึ้นช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด ทำให้ผม ผิว เล็บมีสุขภาพดี และช่วยในการพัฒนาของทารกในครรภ์ แต่มากแค่ไหนจึงจะพอ จะได้จากไหนและจะมีผลอะไรบ้างต่อร่างกายความต้องการต่อวัน
สำหรับผู้ใหญ่ และวัยรุ่นควรได้รับ 30-100 ไมโครกรัมต่อวัน แต่เพราะมันละลายน้ำได้ ไบโอตินส่วนเกินจะถูกขับออกมากับปัสสาวะ คนส่วนใหญ่มักไม่มีปัญหากับการกินอาหารเสริมไบโอติน แต่บางคนอาจที่อาการคลื่นไส้ และท้องไส้ปั่นป่วน ยังไม่พบอาการเป็นพิษจากการกินไบโอตินมากเกินไปอาหารเสริมและเบาหวาน
มีผลการวิจัยในสัตว์พบว่า ผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 จะได้ประโยชน์จากไบโอตินในการควบคุมน้ำตาลในเลือด แต่ยังไม่มีผลการวิจัยมากพอที่จะยืนยันเรื่องนี้วิตามินบำรุงผม
การขาดไบโอตินพบได้ยาก แต่เพราะผู้ที่ขาดวิตามินนี้อาจมีอาการเพียงผมร่วง หรือหนังศีรษะลอกมีผื่นแดง ไบโอตินถือว่าเป็นอาหารเสริมบำรุงผมการพัฒนาของทารกในครรภ์
หญิงตั้งครรภ์อาจขาดไบโอตินได้ แม้ว่าจะเกิดได้ยาก ควรเสริมวิตามินที่มีไบโอติน และกรดโฟลิกในขณะตั้งครรภ์ แต่การได้รับไบโอตินมากเกินไปอาจทำให้เกิดอันตรายต่อทารกได้ จึงไม่ควรกินอาหารเสริมไบโอตินในขณะตั้งครรภ์แหล่งไบโอตินจากธรรมชาติ
ได้จากอาหาร เช่น- ไข่แดง
- ตับ ไต
- ถั่ว เช่น อัลมอนด์ ถั่วลิสง พีแคน และวอลนัท
- เนยจากถั่ว
- ถั่วเหลือง และถั่วฝักอื่นๆ
- ธัญพืชทั้งเมล็ด และซีเรียล
- ดอกกะหล่ำ
- กล้วย
- เห็ด
จะเกิดอะไรขึ้นหากขาดไบโอติน
แม้ว่าการขาดไบโอตินจะเกิดขึ้นได้ยาก แต่ก็อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพหลายประการได้ ต่อไปนี้คือผลที่ตามมาของการขาดไบโอติน:- ปัญหาผิว:
-
-
- การขาดไบโอตินอาจปรากฏในปัญหาผิวหนัง รวมถึงผื่น ผิวหนังอักเสบ และผิวแห้งหรือมีเกล็ด วิตามินเกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์กรดไขมัน และการขาดอาจส่งผลต่อสุขภาพผิวหนัง
-
- ผมร่วง:
-
-
- ไบโอตินมักเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมให้เส้นผมแข็งแรง แม้ว่าการขาดไบโอตินอย่างรุนแรงจะพบได้ไม่บ่อย แต่บุคคลบางคนที่มีข้อบกพร่องเล็กน้อยอาจพบปัญหาผมร่วงหรือผมบางได้
-
- เล็บเปราะ:
-
-
- การขาดไบโอตินอาจทำให้เล็บเปราะและเพิ่มความไวต่อการติดเชื้อที่เล็บได้ ไบโอตินเกี่ยวข้องกับการสร้างเคราติน ซึ่งเป็นโปรตีนที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของเล็บ
-
- อาการทางระบบประสาท:
-
-
- แม้ว่าการขาดไบโอตินอย่างรุนแรงซึ่งเกิดขึ้นได้ยากอาจนำไปสู่อาการทางระบบประสาท รวมถึงอาการชา รู้สึกเสียวซ่า และความบกพร่องทางสติปัญญา ไบโอตินเกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์ไมอีลิน ซึ่งเป็นสารที่ป้องกันเส้นใยประสาท
-
- ปวดกล้ามเนื้อและความอ่อนแอ:
-
-
- การขาดไบโอตินอาจทำให้เกิดอาการปวดกล้ามเนื้อและอ่อนแรง เนื่องจากวิตามินเกี่ยวข้องกับการเผาผลาญพลังงานและการใช้กรดอะมิโน
-
- ความเหนื่อยล้าและพลังงานต่ำ:
-
-
- ไบโอตินมีบทบาทในการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน ซึ่งจำเป็นต่อการผลิตพลังงาน การขาดอาจนำไปสู่ความเหนื่อยล้าและขาดพลังงาน
-
- การรบกวนทางเมตาบอลิซึม:
-
-
- ไบโอตินเกี่ยวข้องกับกระบวนการสร้างกลูโคสซึ่งเป็นกระบวนการที่ร่างกายผลิตกลูโคสจากแหล่งที่ไม่ใช่คาร์โบไฮเดรต การขาดไบโอตินอาจขัดขวางกระบวนการนี้ และอาจส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด
-
- อาการซึมเศร้าและการเปลี่ยนแปลงอารมณ์:
-
- การศึกษาบางชิ้นชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการขาดไบโอตินกับการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ รวมถึงอาการซึมเศร้า อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อสร้างความเชื่อมโยงที่ชัดเจน
สรุป
ไบโอตินจำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย และอาหารเสริมอาจใช้ในผู้ที่ตั้งครรภ์ และผู้ที่เป็นเบาหวาน ช่วยให้อาการดีขึ้น แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอว่ามันจะช่วยทำให้ ผม ผิว และเล็บมีสุขภาพดีแต่อย่างไรก็ดี การกินอาหารตามหลักโภชนาการจะดีต่อสุขภาพ และผ่านกระบวนการปรุงแต่งน้อยที่สุด เพื่อให้มีสุขภาพดีหัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น