เบตาฮีสทีน (Betahistine) – วิธีใช้ และข้อควรระวัง

ผู้เขียน Dr. Wikanda Rattanaphan
0
เบตาฮีสทีน

1. เกี่ยวกับยา Betahistine

ยาเบตาฮีสทีน Betahistine คือยาที่ใช้เพื่อรักษาอาการโรคน้ำในหูชั้นในไม่เท่ากัน อาการรวมไปถึง: อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจ อาการบ้านหมุน ชื่อเต็มของยาคือ เบต้าฮีสทีน ไดไฮโดรคลอไรด์  ยาเป็นรูปแบบเม็ดและต้องมีใบสั่งแพทย์เท่านั้น

2. ข้อเท็จจริง

  • ยาเบตาฮีสทีนคือยาที่เหมาะสมสำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น
  • รับประทานชนิดเม็ดวันละ 3 ครั้ง ทิ้งช่วงห่างระหว่างแต่ละครั้ง 6 ถึง 8 ชั่วโมง
  • ผลข้างเคียงทั่วไปรวมไปถึงอาการปวดศีรษะ รู้สึกคลื่นไส้หรืออาหารไม่ย่อย
  • การรับประทานยาที่ดีที่สุดคือทานพร้อมหรือหลังอาหาร เพื่อช่วยทำให้อาการปวดท้องเกิดขึ้นน้อยลง
  • ยาเบตาฮีสทีนรู้จักกันในชื่อยี่ห้อ Serc    

3. คนที่สามารถรับประทานยา Betahistineได้และไม่ได้คือใครบ้าง

ยาเบตาฮีสทีนเป็นยาที่ผู้ใหญ่สามารถรับประทานได้ (อายุ 18 ปีขึ้นไป) ห้ามสั่งจ่ายยาให้เด็ก ยาเบต้าฮีสทีนไม่เหมาะสำหรับคนบางคน จึงควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบหากมีสิ่งดีงต่อไปนี้:

อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจ โรคแผลในกระเพาะอาหาร

4. วิธีและเมื่อไรที่ควรรับประทาน

ยาเบตาฮีสทีนชนิดเม็ดมีแบบ 8 มก. หรือ 16 มก.  ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ทุกครั้งถึงวิธีรับประทานและช่วงเวลาที่ควรรับประทานยา ควรรับประทานยาเบตาฮีสทีนชนิดเม็ดหลังมื้ออาหารเพื่อลดอาการปวดท้อง

ปริมาณที่ควรรับประทาน

ปริมาณขนาดยาทั่วไปเริ้มต้นที่ 16 มก. วันละ 3 ครั้ง ทิ้งช่วงห่างระหว่างมื้อ 6 ถึง 8 ชั่วโมง เมื่ออาการสามารถควบคุมได้แล้ว แพทย์อาจลดปริมาณขนาดยาเป็น 8 มก. วันละ 3 ครั้ง

จะเกิดอะไรขึ้นหากรับประทานมากเกินไป?

การรับประทานยาเบตาฮีสทีนสามารถทำให้เกิดอาการคลื่นไส้หรือง่วงนอน หรือทำให้มวนท้องได้

จะเกิดอะไรขึ้นหากลืมกินยา 

หากคุณลืมกินยาเบตาฮีสทีน ให้กินยาทันทีที่จำได้ เว้นแต่ว่าใกล้มือยาในมื้อถัดไปน้อยกว่า 2 ชั่วโมง ในกรณีนี้ให้งดมื้อยาที่ลืมและไปกินยาในมื้อตามปกติ ไม่ควรกินยาเพิ่มเป็นสองเท่าในครั้งเดียว ห้ามกินยาเพิ่มเพื่อทดแทนมื้อที่ลืมกินยาเด็ดขาด หากลืมกินยาบ่อยๆ คุณอาจใช้วิธีตั้งเวลาเตือนในการกินยา ควรปรึกษาเภสัชกรเพื่อขอคำแนะนำวิธีช่วยจำในการรับประทานยา

Betahistine

5. ผลข้างเคียง

เหมือนกับยาอื่นๆทุกชนิด ยาเบตาฮีสทีนสามารถเกิดผลข้างเคียงได้ถึงแม้จะไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคนก็ตาม 

ผลข้างเคียงทั่วไป

ผลข้างเคียงทั่วไปเกิดขึ้นมากกว่า 1 ใน 100 ราย มักมีอาการเพียงเล็กน้อยและหายได้เอง ปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์หากผลข้างเคียงรบกวนหรือไม่ยอมหายไปเช่น:

การเกิดปฏิกิริยาแพ้ที่รุนแรง

พบได้น้อยมากแต่ก็อาจเกิดปฏิกิริยาแพ้ที่รุนแรงเกิดขึ้นได้(ภูมิแพ้รุนแรงเฉียบพลัน)เมื่อมีการใช้ยาเบตาฮีสทีน

รีบพบแพทย์ฉุกเฉินทันทีหากมีอาการดังต่อไปนี้:

  • มีผื่นผิวหนังที่อาจรวมไปถึงอาการคัน แดง บวม มีตุ่มพองหรือผิวหนังลอกขุย
  • หายใจมีเสียงวี๊ด
  • แน่นหน้าอกหรือในลำคอ
  • หายใจลำบากหรือพูดลำบาก
  • ปาก ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้นหรือคอเริ่มมีอาการบวม
หากการเกิดปฏิกิริยาแพ้รุนแรงอาจจำเป็นต้องได้รับการรักษาตัวในโรงพยาบาล นี้ไม่ใช่ผลข้างเคียงจากยาเบตาฮีสทีนทั้งหมด สำหรับรายชื่อทั้งหมดให้ดูได้จากใบแผ่นพับภายในกล่องบรรจุยา

6. วิธีรับมือกับผลข้างเคียง

สิ่งที่ควรปฏิบัติ:
  • รู้สึกคลื่นไส้ – รับประทานยาเบตาฮีสทีนพร้อมหรือหลังมื้ออาหารหรือมื้ออาหารว่าง ซึ่งอาจช่วยได้หากรับปนะทานไม่เยอะหรือไม่รับประทานอาหารเผ็ด
  • อาหารไม่ย่อย – รับประทานยาพร้อมหรือหลังอาหาร หากมีอาการอาหารไม่ย่อยเกิดขึ้นซ้ำ ให้ปรึกษาแพทย์ทันทีเร็วเท่าที่สามารถทำได้ หากจำเป็นต้องการบางสิ่งบางอย่างเพื่อบรรเทาอาการไม่สบายตัว ให้ลองทานยาลดกรด
  • ท้องอืดหรือปวดท้องเล็กน้อย – ลองรับประทานยาเบตาฮีสทีนพร้อมหรือหลังอาหาร หากอาการยังคงเกิดขึ้นให้ปรึกษาแพทย์
  • ปวดศีรษะ – ต้องแน่ใจว่าได้รับการพักผ่อนและดื่มน้ำเพียงพอ ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สามารถทานยาแก้ปวดเช่นพาราเซตตามอลได้ทุกวัน ปรึกษาแพทย์หากอาการปวดศีรษะมีอาการนานเกินกว่าสัปดาห์หรือมีอาการรุนแรง

7. การตั้งครรภ์และให้นมบุตร

ยาเบตาฮีสทีนไม่แนะนำให้ใช้ในระหว่างตั้งครรภ์หรือในขณะให้นมบุตร แต่อย่างไรก็ตาม แพทย์อาจมีการสั่งจ่ายยาเบตาฮีสทีนหากคิดว่าได้ประโยชน์จากการทานยานี้มากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเวลาช่วงสัปดาห์ในการตั้งครรภ์และสาเหตุที่ต้องรับประทานยาดังกล่าว ปรึกษาแพทย์หากกำลังตั้งครรภ์หรือกำลังพยายามจะตั้งครรภ์ ยังมีวิธีการรักษาอื่นๆที่มีความปลอดภัยสำหรับคุณ

ยาเบต้าฮีสทีนและการให้นมบุตร

ยังคงไม่มีการศึกษามากพอที่จะรู้ถึงผลกระทบของยาเบต้าฮีสทีนที่มีในน้ำนมมารดา คำแนะนำทั่วๆไปคือไม่ควรใช้ยานี้ในขณะให้นมบุตร

คำแนะนำ

แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบหาก:

  • ตั้งครรภ์
  • กำลังพยายามที่จะตั้งครรภ์
  • กำลังให้นมบุตร

8. ข้อควรระวังเมื่อใช้ร่วมกับยาอื่นๆ

ยาบางชนิดและยาเบจาฮีสทีนอาจเกิดผลกระทบต่อกันและมีโอกาสให้เกิดผลข้างเคียงเพิ่มขึ้นได้ แจ้งให้เภสัชกรหรือแพทย์ทราบหากคุณกำลังรับประทานยาดังนี้:

การผสมยาเบตาฮีสทีนร่วมกับการรักษาด้วยสมุนไพรและอาหารเสริม

ยังคงมีข้อมูลเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับการรักษาด้วยสมุนไพรและอาหารเสริมในขณะรับประทานยาเบต้าฮีสทีน

ใครที่ควรหลีกเลี่ยงยา Betahistine

บุคคลที่มีภาวะดังต่อไปนี้ควรระมัดระวังหรือหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้:
  • โรคภูมิแพ้:
      • บุคคลที่แพ้เบตาฮิสทีนหรือส่วนประกอบใดๆ ไม่ควรใช้
  • ฟีโอโครโมไซโตมา:
      • ควรใช้ Betahistine ด้วยความระมัดระวังในผู้ที่มี pheochromocytoma ซึ่งเป็นเนื้องอกที่หายากของต่อมหมวกไต เนื่องจากอาจปล่อย catecholamines ส่วนเกินและอาจนำไปสู่วิกฤตความดันโลหิตสูง
  • แผลในกระเพาะอาหาร:
      • เบทาฮิสทีนอาจเพิ่มการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร บุคคลที่มีแผลในกระเพาะอาหารหรือมีประวัติเป็นแผลในกระเพาะอาหารควรใช้เบทาฮิสทีนด้วยความระมัดระวัง
  • โรคหอบหืด:
      • ควรใช้ Betahistine ด้วยความระมัดระวังในผู้ที่เป็นโรคหอบหืดเนื่องจากอาจทำให้หลอดลมตีบได้ในบางกรณี
  • ประวัติโรคหัวใจและหลอดเลือด:
      • บุคคลที่มีประวัติโรคหลอดเลือดหัวใจ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจหรือหัวใจล้มเหลว ควรใช้เบทาฮิสทีนด้วยความระมัดระวัง อาจส่งผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิต
  • การตั้งครรภ์และให้นมบุตร:
      • ความปลอดภัยของเบทาฮิสทีนในระหว่างตั้งครรภ์และให้นมบุตรยังไม่เป็นที่แน่ชัด บุคคลที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรปรึกษากับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพเพื่อประเมินความเสี่ยงและผลประโยชน์
  • เด็ก:
      • ยังไม่มีการสร้างความปลอดภัยและประสิทธิผลของเบทาฮิสทีนในเด็ก โดยทั่วไปไม่แนะนำให้ใช้ในประชากรเด็กหากไม่มีการประเมินที่เหมาะสมโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ
  • การด้อยค่าของตับอย่างรุนแรง:
      • เบตาฮิสทีนถูกเผาผลาญในตับ และบุคคลที่มีความบกพร่องทางตับอย่างรุนแรงอาจจำเป็นต้องปรับขนาดยาหรืออาจจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงเบตาฮิสทีน
  • การด้อยค่าของไตอย่างรุนแรง:
      • แม้ว่าเบตาฮิสทีนจะไม่ได้ถูกขับออกทางไตเป็นหลัก แต่บุคคลที่มีความบกพร่องทางไตอย่างรุนแรงอาจจำเป็นต้องปรับขนาดยาหรืออาจจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงเบตาฮิสทีน
  • ผู้สูงอายุ:
    • ผู้สูงอายุอาจไวต่อผลข้างเคียงบางอย่างของเบทาฮิสทีน เช่น ความดันเลือดต่ำ อาจจำเป็นต้องมีขนาดยาเริ่มต้นที่ต่ำกว่าและการติดตามอย่างระมัดระวังในประชากรกลุ่มนี้
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแจ้งให้แพทย์ของคุณทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ที่สมบูรณ์ของคุณ รวมถึงอาการป่วยที่มีอยู่ก่อนและยาที่คุณกำลังใช้ ก่อนที่จะใช้เบทาฮิสทีน ใช้ยาเบทาฮิสทีนตามปริมาณและคำแนะนำที่แนะนำโดยผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของคุณเสมอ หากคุณพบผลข้างเคียงใดๆ หรือมีความกังวลเกี่ยวกับการใช้เบทาฮิสทีน โปรดปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพของคุณทันที
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด