เหน็บชา (Beriberi) คือ โรคที่เกิดจากการขาดวิตามินบี 1 หรือไธอามีน สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ เหน็บชาเปียกและเหน็บชาแห้ง โรคเหน็บชาเปียกจะส่งผลต่อหัวใจและระบบไหลเวียนโลหิต หากรุนแรงอาจทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว โรคเหน็บชาแห้งจะทำลายเส้นประสาท และส่งผลกระทบต่อความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลดลง และอาจเป็นอัมพาตในที่สุด เหน็บชาหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องสามารถส่งผลถึงชีวิต
หากคุณบริโภคอาหารที่อุดมไปด้วยไธอามีนจะลดโอกาสการเป็นเหน็บชา ส่วนมากเหน็บชาจะพบในผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ โรคเหน็บชาจากสาเหตุอื่น ๆ พบได้น้อย อย่างไรก็ตามโรคนี้สามารถพบได้ในผู้หญิงระหว่างการตั้งครรภ์ (hyperemesis gravidarum) ผู้ป่วย HIV และผู้ที่ศัลยกรรมลดความอ้วน
อาการของเหน็บชา
อาการของเหน็บชาขึ้นอยู่กับประเภท เหน็บชาเปียกจะแสดงอาการดังต่อไปนี้- หายใจถี่ระหว่างการออกกำลังกาย
- หายใจไม่ออกตอนตื่นนอน
- หัวใจเต้นเร็ว
- ขาช่วงล่างบวม
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยเฉพาะที่ขาส่วนล่าง
- รู้สึกเสียวซ่า และไม่มีความรู้สึกที่เท้าและมือ
- เจ็บปวด
- อารมณ์แปรปรวน
- พูดยากลำบาก
- อาเจียน
- ควบคุมการเคลื่อนของดวงตาไม่ได้
- อัมพาต
- ความสับสน
- ความจำเสื่อม
- กล้ามเนื้อทำงานไม่สัมพันธ์กัน
- มีปัญหาในการควบคุมการเคลื่อนไหวของดวงตา
- สูญเสียความทรงจำ
- ไม่สามารถสร้างความทรงจำใหม่ได้
- เห็นภาพหลอน
สาเหตุของเหน็บชา
สาเหตุหลักของโรคเหน็บชาคือ การได้รับไธอามีนไม่เพียงพอ โรคนี้แทบจะไม่พบเลยในพื้นที่อุดมไปด้วยอาหารที่มีวิตามินแก้เหน็บชา เช่น ซีเรียลอาหารเช้า และขนมปังบางชนิด โรคเหน็บชาพบได้บ่อยในท้องถิ่นที่บริโภคข้าวขาว เนื่องจากข้าวขาวมีปริมาณไธอามีนเพียง 10% เมื่อเทียบกับข้าวกล้องใครบ้างมีความเสี่ยงเป็นเหน็บชา
สาเหตุหลักๆ ของเหน็บชา คือ การขาดไธอามีน แต่ก็ยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เป็นเหน็บชาได้เช่นกัน- การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ทำให้ร่างกายดูดซึมและเก็บไธอามีนได้ยาก
- โรคเหน็บชาที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม
- ต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไป
- คลื่นไส้ และอาเจียนมากระหว่างการตั้งครรภ์
- การศัลยกรรมความอ้วน
- HIV
- ท้องเสียเป็นเวลานานหรือใช้ยาขับปัสสาวะ
- เป็นผู้ที่อยู่ระหว่างการฟอกไต
การวินิจฉัยโรคเหน็บชา
การตรวจสอบว่าเป็นโรคเหน็บชาหรือไม่ จำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบดังต่อไปนี้ การตรวจเลือด และปัสสาวะ เพื่อวัดระดับไธอามีนในร่างกาย หากร่างกายมีปัญหาในการดูดซึมไธอามีน จะพบไธอามีนในเลือดต่ำ และไธอามีนความเข้มข้นสูงในปัสสาวะ แพทย์จะทำการตรวจระบบประสาท เพื่อตรวจสอบการใช้กล้ามเนื้อในการเดินที่ลำบาก เปลือกตาหย่อนยาน และอ่อนแอ เมื่อเวลาผ่านไปผู้ป่วยเหน็บชา จะมีปัญหาสูญเสียความจำ และเห็นภาพหลอน การเต้นของหัวใจอย่างรวดเร็ว การบวมที่ขาส่วนล่าง และการหายใจลำบาก นั้นเป็นอาการของโรคเหน็บชาการรักษาเหน็บชา
โรคเหน็บชารักษาได้ง่าย เพียงการบริโภคอาหารเสริมไธอามีนเพิ่มให้เพียงพอ ในกรณีที่รุนแรงแพทย์จะทำการรักษาโดยให้ไธอามีนผ่านหลอดเลือดดำ แพทย์จะติดตามผลการรักษาของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด เพื่อติดตามว่าร่างกายดูดซึมไธอามีนได้ดีเพียงใดการป้องกันอาการเหน็บชา
การป้องกันเหน็บชาทำได้โดยรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ให้ครบถ้วน 5 หมู่ และเน้นอาหารที่อุดมไปด้วยไธอามีน ได้แก่อาหารเหล่านี้- พืชตระกูลถั่ว
- ธัญพืช
- เนื้อ
- ปลา
- นม
- ผักบางชนิดเ ช่น หน่อไม้ฝรั่ง สควอช กะหล่ำปลี ผักโขมและบีทรูท
- ซีเรียลที่อุดมด้วยวิตามินบี
ใครบ้างที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคเหน็บชา
หากเรารับประทานอาหารอย่างสมดุลก็ไม่มีอะไรต้องกังวล อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ อาจเข้ามามีส่วนทำให้คนเป็นโรคเหน็บชาได้ มีดังนี้- การใช้แอลกอฮอล์ในทางที่ผิดทำให้ร่างกายดูดซึมและเก็บไทอามีนได้ยาก
- โรคเหน็บชาทางพันธุกรรมเป็นภาวะที่หาได้ยากซึ่งทำให้ร่างกายดูดซึมไทอามีนได้ยาก
- คลื่นไส้และอาเจียนอย่างรุนแรงในระหว่างตั้งครรภ์
- การผ่าตัดลดความอ้วน
- เอดส์
- ภาวะทุพโภชนาการ
- การล้างไต
- ท้องเสียถาวรหรือใช้ยาขับปัสสาวะ
- ผู้ป่วยเบาหวาน
- ทารกที่กินนมแม่ซึ่งแม่ขาดวิตามินบี 1
- อาหารคาร์โบไฮเดรตสูง
- ผู้ที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางกายอย่างเข้มข้นและในปริมาณมาก
- ปัญหาการย่อยอาหารและระดับความเครียดสูง
ภาพรวมโรคเหน็บชา
หากมีอาการเหน็บชาและได้รับการรักษาทันเวลา เส้นประสาทและหัวใจที่ถูกทำลายจากโรคเหน็บชาสามารถฟื้นฟูกลับมาได้ เมื่อรักษาในระยะแรกของโรค หากโรคเหน็บชาพัฒนาไปเป็น Wernicke-Korsakoff เป็นสิ่งที่น่ากังวลใจ เพราะความเสียหายของสมองนั้นจะเกิดอย่างถาวรไม่สามารถฟื้นฟูได้ การรับประทานอาหารที่สมดุล และมีประโยชน์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุขภาพ โปรดเข้าพบแพทย์หามีอากาธขาดไทอามีน หรือต้องการได้รับคำแนะนำด้านโภชนาการนี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://medlineplus.gov/ency/article/000339.htm
- https://kidshealth.org/Nemours/en/parents/az-beriberi.html
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK537204/
เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น