วิตามินบี 3 (Vitamin B3) หรือเรารู้จักกันดีในชื่อของไนอาซิน (Niacin) เป็นหนึ่งวิตามินบีที่สำคัญมีบทบาทในการเปลี่ยนอาหารที่เรารับประทานให้กลายเป็นพลังงาน ช่วยให้ร่างกายใช้โปรตีน และไขมัน ช่วยให้ผิว ผม และระบบประสาทแข็งแรง ประโยชน์ที่อื่นๆ ของวิตามินบี 3 มาจากคุณสมบัติในการลด คอเลสเตอรอล การเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และคุณสมบัติต้านการอักเสบ ชื่ออื่นๆ สำหรับวิตามินบี 3 ได้แก่ นิโคตินาไมด์ กรดนิโคตินิก และวิตามินพีพี เป็นต้น ร่างกายขับไนอาซินที่ไม่ต้องการออกทางปัสสาวะ ร่างกายไม่ได้กักเก็บไนอาซิน ดังนั้นผู้คนจึงต้องบริโภคไนอาซินเป็นอาหารทุกๆ วัน การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายสามารถให้ทำให้ร่างกายได้รับวิตามินบี 3 อย่างพอเพียง ดังนั้นอาการขาดวิตามินบี 3 จึงเป็นเรื่องที่พบได้ยากในผู้ที่รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ แหล่งอาหารของวิตามินบี 3 อาทิเช่น ข้าวกล้องปรุงสุก สามารถช่วยป้องกันการขาดวิตามินบี 3ได้
อาการขาดวิตามินบี 3
สัญญาณของการขาดแคลนวิตามินบี 3 ได้แก่- ผื่นแดงบนผิวหนังที่สัมผัสกับแสงแดด
- ผิวหยาบกร้าน
- ลิ้นมีสีแดงสด
- ความเหนื่อยล้าอ่อนแรง
- อาเจียน
- ท้องผูก หรือท้องเสีย
- ปัญหาระบบไหลเวียนโลหิต
- ภาวะซึมเศร้า
- ปวดศีรษะ
- ความจำเสื่อม
- หากขาดรุนแรงสามารถทำให้เกิดภาพหลอนได้
ปัจจัยที่อาจทำให้ระดับวิตามินบี 3
ปัจจัยต่อไปนี้สามารถส่งผลต่อการต่ำของระดับวิตามินบี 3 ได้- รับประทานอาหารที่มีทริปโตเฟนต่ำ หรือร่างกายมีความสามารถในการเปลี่ยนทริปโตเฟนเป็นไนอาซินลดลง เช่น โรคฮาร์ตนัป หรือกลุ่มอาการคาร์ซินอยด์ เป็นต้น
- ภาวะขาดสารอาหาร เช่น ดื่มสุรามากเกินไป อาการเบื่ออาหาร และโรคลำไส้อักเสบ เป็นต้น
- การรับประทานวิตามินบี 2 บี 6 หรือธาตุเหล็กในปริมาณน้อย เนื่องจากสามารถลดปริมาณทริปโตเฟนที่เปลี่ยนเป็นไนอาซินได้
การใช้วิตามินบี 3ทางการแพทย์
ในอดีตมีการใช้วิตามินบี 3 กับการใช้สแตตินเพื่อควบคุมคอเลสเตอรอล อย่างไรก็ตาม การวิจัยเรื่องนี้ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่หลากหลาย และบางคนก็มีผลข้างเคียง ทำให้การใช้วิตามินบี 3 ในการรักษาคอเลสเตอรอลสูงค่อยๆ เลือนหายไปความเสี่ยงจากการใช้วิตามินบี 3
วิตามินบี 3 ที่ได้รับจากอาหารไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ เว้นแต่การรับประทานอาหารเสริมวิตามินบี 3 ที่มากเกินไป สามารถทำให้เกิดอาการต่อไปนี้ตามมา- ผิวแดง หรือคัน
- คลื่นไส้
- อาเจียน
- ท้องผูก
- ปวดศีรษะ
- ผื่น
- อาการวิงเวียนศีรษะ
- ลดความทนทานต่อกลูโคส
- ลดความต้านทานต่ออินซูลิน
- กระตุ้นอาการโรคเกาต์
- ปัญหาดวงตา
- ปัญหาทางเดินอาหาร
- ความเสียหายของตับ
- ความดันโลหิตต่ำ
ปริมาณวิตามินบี 3 ที่แนะนำ
หากแพทย์แนะนำผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไนอาซิน หรือวิตามินบี 3 ต้องแน่ใจว่าใช้ปริมาณที่ถูกต้อง สถาบันสุขภาพแนะนำให้รับประทานวิตามินบี 3 16 มิลลิกรัม (มก.) ต่อวันสำหรับผู้ที่มีอายุ 4 ปีขึ้นไปที่รับประทานอาหาร 2,000 แคลอรี โดยปกติถ้ารับประทานอาหารครบ 5 หมู่ ร่างกายก็จะได้รับวิตามินบี 3 อย่างเพียงพอ หากมีความจำเป็น หรือต้องการได้รับวิตามินบี 3 ในรูปแบบอาหารเสริมเพิ่มเติม ควรปรึกษาแพทย์อย่างรอบคอบแหล่งอาหารที่อุดมด้วยวิตามินบี 3
อาหารต่อไปนี้เป็นแหล่งที่ดีของวิตามินบี 3 ได้แก่- ตับ : ปริมาตร 3 ออนซ์ประกอบด้วยวิตามินบี 3 14.9 มก. หรือ 75 % ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
- อกไก่ย่าง: ปริมาตร 3 ออนซ์ประกอบด้วย 10.3 มก. หรือ 52 % ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
- อกไก่งวง: ปริมาตร 3 ออนซ์มี 10.0 มก. หรือ 50 % ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
- ปลาแซลมอน Sockeye : ปริมาตร 3 ออนซ์มี 8.6 มก. หรือ 43 % ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
- ข้าวกล้องหุงสุก: หนึ่งถ้วยให้วิตามินบี 3 5.2 มก. หรือ 26 % ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
- ถั่วลิสงคั่วแห้ง: ถั่ว 1 ออนซ์มี 4.2 มก. หรือ 21% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
ภาวะเป็นพิษ
การได้รับวิตามินบี 3 มากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรูปแบบของอาหารเสริมกรดนิโคตินิก อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น ผิวหนังแดง (ไนอาซินฟลัช) อาการคัน คลื่นไส้ อาเจียน เป็นพิษต่อตับ และระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงเหล่านี้พบได้น้อยเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไนอาซินาไมด์การเสริมวิตตามินบี 3
แม้ว่าโดยทั่วไปแล้ววิธีที่ดีที่สุดคือได้รับสารอาหารจากอาหารที่สมดุล แต่อาจแนะนำให้เสริมวิตามินบี 3 สำหรับผู้ที่มีภาวะสุขภาพบางอย่างหรือมีข้อจำกัดด้านอาหาร จำเป็นต้องปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนที่จะเริ่มแผนการเสริมใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปริมาณที่สูงโดยสรุป
วิตามินบี 3 เป็นสารอาหารสำคัญที่มีบทบาทสำคัญในกระบวนการทางสรีรวิทยาต่างๆ ภายในร่างกาย ด้วยการบริโภคอาหารที่หลากหลายและสมดุลซึ่งอุดมไปด้วยอาหารที่มีวิตามินบี 3 แต่ละบุคคลสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับวิตามินที่สำคัญนี้อย่างเพียงพอเพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีที่สุดหัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น