อาการเซคืออะไรกันแน่?
อาการเซ (Ataxia) คือความผิดปกติของการควบคุมหรือการประสานงานของกล้ามเนื้อ อาการนี้สามารถส่งผลต่อการเคลื่อนไหวต่างๆได้ ซึ่งไม่จำกัดเพียงแค่- การเดิน
- การรับประทานอาหาร
- การพูด
- การเขียน
ประเภทและสาเหตุของอาการ
อาการเซสามารถ :- ถ่ายทอด
- ได้รับ
- ไม่ทราบสาเหตุ
อาการเซที่ถ่ายทอดมาทางพันธุกรรม
อาการเซที่ถ่ายทอดมาจากพันธุกรรม เป็นการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่ได้รับมาจากพ่อแม่ โดยการเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้เกิดความเสียหายหรือความเสื่อมของเนื้อเยื่อประสาท ทำให้เกิดอาการเซ การถ่ายทอดทางพันธุกรรม เกิดขึ้นได้สองวิธีคือ :- ยีนเด่น : มีเพียงยีนชุดเดียวที่ได้รับการเปลี่ยนแปลง และต้องเป็นยีนที่ได้รับการสืบทอดจากพ่อหรือแม่
- ยีนด้อย : มียีนที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงสองชุด และได้รับการถ่ายทอดมาจากพ่อและแม่ อย่างละหนึ่งตัว
- โรคกล้ามเนื้อเสียการประสานงานจากสมองน้อยและไขสันหลัง (Spinocerebellar ataxia) : อาการของโรคนี้มีหลายประเภท แบ่งออกไปตามตำแหน่งของยีนที่ผิดปกติ โดยระยะเวลาของการเกิดอาการก็จะแตกต่างกันไป
- Episodic ataxia เป็นอาการที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว มีอาการทั้งหมด 7 ประเภท โดยมีระยะเวลาการเกิดอาการแตกต่างกันไป
- Friedreich’s ataxia. หรือที่รู้จักกันว่า โรคแกนสมองเสื่อม เป็นโรคที่พบได้มาก
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง นอกจากจะทำให้เกิดความลำบากในการเคลื่อนไหวหรือการพูดแล้ว ยังสามารถทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงได้ และสามารถส่งผลต่อหัวใจได้
- Ataxia telangiectasia ผู้ที่มีอาการนี้ หลอดเลือดในดวงตาและใบหน้า จะขยายตัว นอกจากนี้ ยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อและมะเร็ง
อาการเซที่เกิดจากการบาดเจ็บ
อาการเซที่เกิดจากการเสียหายของเส้นประสาท จากปัจจัยภายนอก เช่น การบาดเจ็บ ตัวอย่างของอาการเซที่ถ่ายทอดเกิดจากการบาดเจ็บ ได้แก่ :- การบาดเจ็บที่ศรีษะ
- โรคหลอดเลือดสมอง
- เนื้องอกในสมอง ที่ส่งผลต่อบริเวณ
- กาติดเชื้อบริเวณเยื้อหุ้มสมอง เช่น โรคเยื้อหุ้มสมองอักเสบ HIV อีสุกอีใส
- สมองพิการ สมองน้อย
- ภาวะภูมิแพ้ตัวเอง เช่น ระบบประสาทส่วนกลางเสื่อและโรคพาเรนโนพลาสติก
- ต่อมไทรอยด์ไม่ทำงาน
- การขาดวิตามินบี12 วิตามินอีหรือไทอามีน
- ปฏิกริยาต่อยาบางชนิด เช่น barbiturates ยาระงับประสาทและยาเคมีบำบัด
- พิษจากโลหะ เช่น ตะกั่ว ปรอท หรือทินเนอร์
- การใช้แอลกอฮอล์ระยะยาว
อาการเซแบบไม่ทราบสาเหตุ
บางครั้งอาการเดินเซก็ไม่สามารถเหตุที่แน่ชัดได้ลักษณะของอาการเซ
ลักษณะอาการที่พบได้บ่อยคือ :- ปัญหาเกี่ยวกับการควบคุมการทรงตัว รวมไปถึงความซุ่มซ่ามและล้มบ้อย
- ปัญหาเกี่ยวกับการใช้แรง เช่น การเขียน การหยิบของเล็กๆ การติดกระดุมเสื้อผ้า
- พูดไม่ชัด
- อาการสั่น หรือกล้ามเนื้อกระตุก
- ปัญหาด้านการกินและการกลืน
- ดวงตาเคลื่อนไหวช้ากว่าปกติ หรือไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของดวงตาได้
อาการชารักษาได้อย่างไร?
การรักษาขึ้นอยู่กับประเภทของลักษณะอาการชาและความรุนแรง เพราะในบางครั้ง อาจะเกิดจากการติดเชื้อหรือการขาดวิตามิน ยังไม่มีการรักษาที่แน่นอนสำหรับอาการเซ แต่ก็มีวิธีหลายอย่าง ที่สามารถช่วยบรรเทาอาการให้ดีขึ้นได้ รวมไปถึง :- การใช้ยา ยาบางชนิดสามารถช่วยรักษาอาการที่เกิดขึ้นได้ เช่น : amitriptyline หรือ gabapentin สำหรับอาการเจ็บที่เส้นประสาท ; ยาคลายกล้ามเนื้อ สำหรับลดอาการเกร็งหรือตะคริว ; ยารักษาอาการโรคซึมเศร้า
- อุปกรณ์ต่างๆ เช่น เก้าอี้ รถเข็น อุปกรณ์ช่วยเดิน อุปกรณ์ที่ช่วยในการสื่อสาร
- กายภาพบำบัด สามารถช่วยมนเรื่องของการเคลื่อนไหวและการทรงตัวได้ อีกทั้งยังช่วยรักษาความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อได้อีกด้วย
- การฝึกพูด นักบำบัดจะสอนเทคนิคในการพูด เพื่อช่วยให้คุณสามารถพูดได้ชัดมากขึ้น
- กิจกรรมบำบัด จะช่วยให้คุณสามารถทำกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวันได้ดีมากขึ้น
อาการเซป้องกันได้อย่างไร
มีสาเหตุบางอย่างที่สามารถป้องกันได้ของอาการเซอย่างไรก็ตาม หลายสาเหตุเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด ดังนั้นคุณจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือป้องกันได้ ไม่สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดอาการนี้ได้เสมอไป สาเหตุของอาการเซต่อไปนี้มักจะป้องกันได้ แต่ไม่เสมอไป:- มึนเมาสุรา (เมา) คุณสามารถหลีกเลี่ยงอาการเซจากสิ่งนี้ได้โดยดื่มในปริมาณที่พอเหมาะหรือไม่ดื่มเลย บางคนอาจมีอาการเจ็บป่วย เช่นการแพ้แอลกอฮอล์ซึ่งทำให้เมาได้ง่ายขึ้นมาก ดังนั้นอาการผิดปกติจึงเป็นเรื่องยากมากสำหรับพวกเขาที่จะหลีกเลี่ยงเมื่อดื่ม
- การถูกกระทบกระแทกและ การบาดเจ็บของสมอง การสวมหมวกนิรภัยและอุปกรณ์ป้องกันภัยสามารถลดความเสี่ยงของการเกิด ataxia จากการบาดเจ็บที่สมองได้
- ยาเสพติด (ใบสั่งยาและการพักผ่อนหย่อนใจ โดยเฉพาะยารักษาโรคลมบ้าหมูและโรคซึมเศร้า ) การหลีกเลี่ยงยาเสพติดเป็นวิธีหนึ่งในการหลีกเลี่ยงอาการเซ หากคุณมีภาวะอาการเซจากยาที่คุณสั่งจ่าย คุณไม่ควรหยุดรับประทานยาโดยไม่ได้พูดคุยกับผู้ให้บริการของคุณก่อน ผลข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายอาจเกิดขึ้นได้หากคุณหยุดใช้ยาบางชนิดกะทันหัน ดังนั้นจึงปลอดภัยที่สุดที่จะพูดคุยกับผู้ให้บริการของคุณก่อนที่จะหยุดยา
- ความ เหนื่อยล้าและ ความเครียด การนอนหลับให้เพียงพอเป็นวิธีหลักในการหลีกเลี่ยงภาวะอาการเซที่เกี่ยวข้องกับความเหนื่อยล้า การจัดการความเครียดของคุณก็มีความสำคัญเช่นกัน
- สารที่ทำให้ระคายเคือง เช่น โทลูอีน น้ำมันเบนซิน กาว สีสเปรย์ และสารสูดดมอื่นๆ อาการเซเป็นเพียงหนึ่งในภาวะแทรกซ้อนที่เป็นไปได้มากมายที่เกิดขึ้นกับอาการหอบ การใช้สารสูดพ่นในทางที่ผิดเช่นนี้เป็นสิ่งที่อันตราย ดังนั้น ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการปฏิบัติเช่นนี้หรือหยุดให้เร็วที่สุด
- การติดเชื้อ (สิ่งเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้เนื่องจากแบคทีเรีย ไวรัส ปรสิต และเชื้อรา ) การรักษาโรคติดเชื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการติดเชื้อที่หู (ซึ่งอาจรบกวนการทรงตัวของคุณ) เป็นวิธีหลักในการหยุดอาการเสียสมาธิไม่ให้ส่งผลกระทบต่อหู ระบบประสาท หรือสมองของคุณ
- การเข้าถึงและรักษาน้ำหนักให้แข็งแรง สภาวะหลายอย่างที่ส่งผลต่อการไหลเวียนของสมอง โดยเฉพาะโรคหลอดเลือดสมอง มีความเชื่อมโยงกับน้ำหนักและสุขภาพร่างกายของคุณ การดูแลสุขภาพร่างกายของคุณบางครั้งสามารถป้องกัน — หรืออย่างน้อยก็ชะลอ — การพัฒนาเงื่อนไขที่อาจทำให้เกิดปัญหาดังกล่าว
- การได้รับพิษจากสารเคมี โลหะ หรือสารต่างๆ (เช่น ปรอท ตะกั่ว เป็นต้น) . การหลีกเลี่ยงสารพิษเป็นวิธีหนึ่งในการหลีกเลี่ยงภาวะ ataxia หากคุณจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงสารเหล่านี้ การปฏิบัติตามแนวทางด้านความปลอดภัยและการใช้อุปกรณ์ป้องกันเป็นสิ่งสำคัญ
- การขาดวิตามินและปัญหาโภชนาการ (เช่น ระดับวิตามินบี 12 ต่ำ ) การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์สามารถช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการขาดสารอาหารที่นำไปสู่การสูญเสียน้ำหนักได้
นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/ataxia/symptoms-causes/syc-20355652
- https://www.webmd.com/brain/ataxia-types-brain-and-nervous-system
เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น