น้ำตาเทียม
น้ำตาเทียม (Artificial tears) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกผลิตขึ้นมาใช้เป็นสารหล่อลื่นลูกตา ใช้รักษา และบรรเทาอาการตาแห้ง ในกรณีที่ผู้ป่วยมีน้ำตาน้อย ช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองในลูกตา หรือใช้หล่อลื่นลูกตาขณะใส่คอนแทคเลนส์ น้ำตาเทียมนั้นมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำตาตามธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์น้ำยาหยอดตานั้นมีจำหน่ายด้วยกัน 3 รูปแบบ คือ สารละลาย (มีแบบ Multiple dose ที่ใส่สารกันเสีย และ Unit dose ที่ไม่ใส่สารกันเสีย) น้ำตาเทียมแบบเจล และขี้ผึ้ง ซึ่งแต่ละรูปแบบจะคุณสมบัติการใช้งานที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปน้ำตาเทียมจะในประเภทของยาแผนปัจจุบันชนิดใช้ภายนอก ไม่อยู่ในกลุ่มวัตถุออกฤทธิ์ยาเสพติด หรือยาควบคุมพิเศษ แต่การใช้น้ำตาเทียมอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการรักษา ต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้ให้การรักษาด้วย และวิธีการที่ระบุเอาไว้บนฉลากด้วยส่วนประกอบของน้ำตาเทียม
ส่วนประกอบหลักของน้ำตาเทียมในรูปแบบสารละลายและแบบเจล ประกอบด้วยสารช่วยหล่อลื่น และให้ความชุ่มชื้นแก่ดวงตา เช่น เมทิลเซลลูโลส คาร์บอกซิเมทิลเซลลูโลส, ไฮดรอกซีเอทิลเซลลูโลส, ไฮดรอกซีโพรพิลเซลลูโลส ไฮดรอกซีโพรพิลเมทิลเซลลูโลส เดกซ์แทรน โพลีไวนิลแอลกอฮอล์ โพลีเอทิลีนไกลคอล โซเดียมไฮยาลูโรเนท คาร์โบเมอร์ เป็นต้น ส่วนประกอบอื่น ๆ คือบัฟเฟอร์ ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ใช้ปรับสมดุลขององค์ประกอบอื่น ๆ ในน้ำตาเทียม และควบคุมความเป็นกรดด่างของน้ำตาเทียมให้เหมาะสมกับค่าความเป็นกรดด่างของน้ำตา ช่วยให้ไม่รู้สึกแสบตาในขณะหยอดตา และช่วยคงสภาพของน้ำตาเทียม เช่น กรดบอริก และโซเดียมบอเรต สารปรับสภาพความตึงผิว หรือปรับออสโมลาริตีของน้ำตาเทียมให้เข้ากับน้ำตา ที่นิยมใช้กันมากก็คือ โซเดียมคลอไรด์ สารอิเล็กโทรไลต์ หรือส่วนประกอบอื่น ๆ ที่ช่วยให้น้ำตาเทียมมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำตาตามธรรมชาติ เช่น ไกลซีน แคลเซียมคลอไรด์ แมกนีเซียมคลอไรด์ โพแทสเซียมคลอไรด์ โซเดียมแลคเตท ซิงค์ เป็นต้น สารกันเสียใช้เพื่อให้น้ำตาเทียมคงสภาพได้นาน และป้องกันการเติบโตของจุลชีพที่อาจปนเปื้อนกับน้ำยาที่ใช้แล้วได้นานตามระยะเวลาที่กำหนดเช่น เบนซาลโคเนียมคลอไรด์ ส่วนน้ำตาเทียมรูปแบบขี้ผึ้งนั้นจะประกอบไปด้วยสารช่วยหล่อลื่น และให้ความชุ่มชื้นแก่ดวงตา เช่น ลาโนลิน ไวท์ปิโตรลาตัม น้ำมันมิเนรัล เป็นต้น และอาจจะใส่หรือไม่ใส่สารกันเสียในผลิตภัณฑ์ก็ได้วัตถุประสงค์การใช้น้ำตาเทียม
แม้ว่าน้ำตาเทียมที่สามารถทดแทนน้ำตาตามธรรมชาติได้ ใช้เพื่อปรับปรุงภาวะขาดน้ำบริเวณดวงตา ปัจจุบันเมื่อมีจำหน่ายหลากหลายยี่ห้อ บางครั้งก็สับสนได้ว่าน้ําตาเทียมยี่ห้อไหนดีสำหรับดวงตา ซึ่งขอแนะนำว่าเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตาที่ดีที่สุด ควรพิจารณาชนิดที่มีสารไฮโดรเจลเป็นสำคัญ เพราะเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตาปัจจัยเสี่ยงที่สามารถทำให้ตาแห้ง
ปัจจัยที่ส่งผลให้มีภาวะตาแห้งได้มากขึ้น ได้แก่ อายุ เมื่ออายุมากกว่า 50 ปี กระบวนการผลิตน้ำตาตามธรรมชาติมีแนวโน้มที่จะลดลง ภาวะตาแห้งจึงเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป ภาวะฮอร์โมนไม่ปกติ ภาวะตาแห้งพบได้บ่อยในผู้หญิงที่เกิดการเปลี่ยนแปลงของสมดุลฮอร์โมน อันเนื่องมาจากการตั้งครรภ์ การใช้ยาคุมกำเนิด หรือวัยหมดประจำเดือน การใส่คอนแทคเลนส์ การใส่คอนแทคเลนส์เป็นประจำจะทำให้ตาแห้งได้ ทั้งยังส่งผลให้เกิดอาการสายตาสั้นได้ด้วย จึงต้องใช้น้ําตาเทียม สำหรับคอนแทคเลนส์ทุกครั้งวิธีใช้น้ำตาเทียม
การใช้น้ำยาหยอดตาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ และควรคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด ไม่ควรใช้ในปริมาณที่มากหรือน้อยเกินไป และไม่ควรใช้ติดต่อกันนาน ๆ ขั้นตอนการใช้น้ำตาเทียม- ล้างมือให้สะอาด
- เงยหน้าให้อยู่ในตำแหน่งที่ถนัด ดึงเปลือกตาล่างลงมาเพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับหยอดน้ำตาเทียม
- กะตำแหน่งให้ปลายหลอดยาหยอดหรือยาป้ายอยู่ห่างจากดวงตาพอประมาณ จากนั้นค่อย ๆ หยดน้ำยาหยอดตาลงไป ใช้ปริมาณตามที่แพทย์แนะนำ โดยทั่วไปจะใช้ประมาณ 1-2 หยด กรณียาแบบป้ายจะใช้ประมาณ 6 มิลลิลิตร ในระหว่างที่หยดน้ำตาให้เหลือบตาขึ้นมองด้านบน
- กรณียาแบบขี้ผึ้งให้ถือหลอดยาไว้ใกล้ดวงตาแล้วค่อย ๆ บีบลงไปในตา ใช้ประมาณ 6 มิลลิเมตร
- เมื่อหยอดน้ำตาเทียมแล้ว ให้หลับตานิ่ง ๆ นานประมาณ 2-3 นาที ก้มหน้าลงเล็กน้อยโดยไม่หรี่ตาหรือกระพริบตา เพื่อไม่ให้น้ำตาเทียมไหลออกมาจากตาเร็วเกินไป
- ใช้นิ้วมือค่อย ๆ กดนวดเบา ๆ ที่บริเวณหัวตาประมาณ 1 นาที เพื่อให้ของเหลวในตา ระบายไปยังท่อน้ำตาได้ดีขึ้น
- เช็ดน้ำตาเทียมที่ไหลเกินออกด้วยผ้า หรือกระดาษชำระที่สะอาด
- เมื่อหยอดน้ำตาเทียมแล้ว ให้รอประมาณ 5 นาที จึงค่อยหยอดยาหยอดตาหรือยาขี้ผึ้งชนิดอื่น ๆ โดยใช้ยาหยอดตาก่อนยาขี้ผึ้งเพื่อให้ยาหยอดตาเข้าไปในตาได้สะดวกขึ้น
ข้อควรระวังในการใช้ยาหยอดตา
- เพิ่มความระมัดระวังไม่ให้ปลายหลอดน้ำตาเทียมแตะโดนบริเวณดวงตา หรือใบหน้า หรือสัมผัสกับส่วนใด ๆ ของร่างกาย
- เมื่อครบกำหนดอายุการใช้งาน ควรทิ้งน้ำยาส่วนที่เหลือทันที เนื่องจากอาจเกิดการปนเปื้อนของเชื้อโรคต่าง ๆ ได้
- หากเกิดอาการระคายเคืองตามากขึ้น หรือเกิดความผิดปกติใด ๆ หลังใช้น้ำตาเทียม ให้หยุดใช้ทันทีและรีบปรึกษาแพทย์
- ผู้ที่มีภาวะตาแห้งที่รุนแรงและเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัย และหาสาเหตุการรักษาที่แท้จริง
ผลข้างเคียงของน้ำตาเทียม
แม้ว่าน้ำตาเทียมโดยทั่วไปถือว่าปลอดภัยและมีการใช้อย่างแพร่หลายเพื่อบรรเทาอาการตาแห้ง แต่สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักว่า น้ำตาเทียมอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหรือผลข้างเคียงได้ เช่นเดียวกับยาหรือยาหยอดตาอื่นๆ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ตามคำแนะนำและปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลดวงตาหากคุณประสบปัญหาใดๆ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ต่อไปนี้เป็นภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากน้ำตาเทียม:- ปฏิกิริยาการแพ้:
-
-
- บุคคลบางคนอาจมีความรู้สึกไวหรือแพ้ส่วนผสมบางอย่างในน้ำตาเทียม ปฏิกิริยาภูมิแพ้อาจปรากฏเป็นผื่นแดง คัน บวม หรือมีผื่นรอบดวงตา หากคุณพบอาการใดๆ เหล่านี้ ให้หยุดใช้และไปพบแพทย์
-
- การใช้งานมากเกินไปและการพึ่งพา:
-
-
- การใช้น้ำตาเทียมเป็นเวลานานและมากเกินไปอาจนำไปสู่การพึ่งพาอาศัยกัน โดยที่ดวงตาอาจต้องพึ่งพาหยดเพื่อความชื้น ซึ่งอาจส่งผลให้การผลิตน้ำตาตามธรรมชาติลดลง และทำให้สภาพตาแห้งแย่ลงเมื่อเวลาผ่านไป
-
- ความไวต่อสารกันบูด:
-
-
- น้ำตาเทียมบางชนิดมีสารกันบูดเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของแบคทีเรีย อย่างไรก็ตาม สารกันบูดอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและความไวต่อความรู้สึกในบางคนได้ มีสูตรปลอดสารกันบูดให้เลือกใช้และอาจแนะนำสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องความไว
-
- มองเห็นภาพซ้อน:
-
-
- การมองเห็นไม่ชัดชั่วคราวอาจเกิดขึ้นทันทีหลังจากใช้น้ำตาเทียม ซึ่งมักเกิดจากการหยดที่หนาขึ้น และโดยทั่วไปจะหายภายในไม่กี่นาที อย่างไรก็ตาม หากยังคงมองเห็นภาพไม่ชัด สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลดวงตา
-
- ความเสี่ยงในการติดเชื้อ:
-
-
- ยาหยอดตาที่ปนเปื้อนหรือใช้ไม่ถูกต้องอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ ผู้ใช้ควรปฏิบัติตามหลักสุขอนามัยที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงการสัมผัสปลายหยด และทิ้งผลิตภัณฑ์ที่หมดอายุเพื่อลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนจากแบคทีเรีย
-
- การโต้ตอบกับคอนแทคเลนส์:
-
-
- น้ำตาเทียมบางชนิดเข้ากันไม่ได้กับคอนแทคเลนส์บางประเภท สิ่งสำคัญคือต้องเลือกยาหยอดตาที่มีป้ายกำกับว่าปลอดภัยสำหรับใช้กับคอนแทคเลนส์และปฏิบัติตามคำแนะนำในการใช้ยา
-
- แสบหรือแสบร้อนชั่วคราว:
-
-
- ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะรู้สึกแสบร้อนหรือแสบร้อนเล็กน้อยเมื่อใช้น้ำตาเทียม ซึ่งมักเกิดขึ้นชั่วคราวและควรหายไปอย่างรวดเร็ว หากยังคงรู้สึกไม่สบายอยู่ แนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลดวงตา
-
- ปฏิกิริยาระหว่างยา:
-
- บุคคลที่รับประทานยาหลายชนิดควรระมัดระวังและปรึกษากับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพตา อาจมีปฏิกิริยาระหว่างน้ำตาเทียมกับยารักษาโรคตาอื่นๆ
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/dry-eyes/expert-answers/artificial-tears/faq-20058422
- https://www.webmd.com/drugs/2/drug-77616/20-20-artificial-tears/details
- https://www.drugs.com/mtm/artificial-tears.html
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น