ชนิดของยา Antacid
- เจล/เยลลี่
- ยาเม็ด
- ยาน้ำแขวนตะกอน
- ยายาลดกรดแบบเม็ดเคี้ยว
- ยาน้ำ
- ยาผงซองเล็กๆ
- แคปซูล
- เม็ดขนาดเล็ก
- เม็ดฟู่ละลายน้ำ
- ยาผง
การใช้ยาลดกรดไหลย้อน
ยาลดกรดใช้รับประทาน เพื่อลดอาการแสบร้อนกลางอก ปวดท้อง และกรดไหลย้อน ออกฤทธิ์โดยการลดกรดส่วนเกิน ยาบางชนิดผสม Simethicone ซึ่งช่วยลดอาการที่เกิดจากแก๊สในกระเพาะอาหารมากไป ยาลดกรดอย่างเดียวหรือผสม Simethicone มักใช้รักษาอาการของแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็ก หากใช้ปริมาณที่มากกว่าปกติ ยาลดกรดที่ผสมแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ และแมกนีเซียมออกไซด์จะมีฤทธิ์เป็นยาระบาย ข้อมูลต่อไปนี้เป็นข้อมูลของการใช้ยาเพื่อลดกรดเท่านั้น ยาลดกรดบางชนิด เช่น อลูมินั่มคาร์บอเนตและอลูมินั่มไฮดรอกไซด์ อาจให้รับประทานพร้อมกับอาหารที่มีฟอสเฟตน้อย เพื่อป้องกันภาวะฟอสเฟตในเลือดสูง และยังใช้ป้องกันการก่อตัวของนิ่วในไตด้วย อลูมินั่มไฮดรอกไซด์สามารถใช้รักษาโรคอื่นๆได้ด้วย ยาเหล่านี้ซื้อได้ตามร้านขายยา แต่อาจจำเป็นต้องกำหนดปริมาณยาที่เหมาะสมโดยแพทย์ อาหารก็สำคัญ ควรแจ้งให้แพทย์ผู้รักษาทราบ หากคุณกำลังรับประทานอาหารโซเดียมต่ำ เพราะยาลดกรดบางชนิดมักจะมีโซเดียมในปริมาณสูงก่อนเริ่มใช้ยาลดกรดในกระเพาะ
อาการแพ้
แจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณมีอาการแพ้ยาในกลุ่มนี้ หรือยาชนิดอื่น และหากคุณเคยมีอาการแพ้ชนิดใดๆ เช่น สีผสมอาหาร สารกันบูด หรือสัตว์ต่างๆ ถ้าหากซื้อยาด้วยตนเอง ควรอ่านฉลากยาให้ละเอียดเด็ก
เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ไม่ควรกินยาลดกรด ยกเว้นแพทย์จะสั่ง เพราะเด็กไม่อาจบอกอาการได้ดี แพทย์ต้องตรวจร่างกายก่อน เด็กอาจเป็นโรคอื่นซึ่งยาลดกรดไม่ช่วยให้ดีขึ้น แต่อาจมีผลทำให้เลวลงด้วย และยาที่มีส่วนประกอบของอลูมินั่มและแมกนีเซียมนั้นไม่ควรให้เด็กกินเพราะอาจเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงในเด็ก โดยเฉพาะกับเด็กที่มีโรคของไตหรืออยู่ในภาวะขาดนำ้คนชรา
คนชราที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกหรืออัลไซเมอร์ ไม่ควรใช้ยาลดกรดที่มีอลูมินั่ม เพราะจะทำให้อาการเลวลงทารกในครรภ์
มีรายงานว่ายาลดกรดมีผลข้างเคียงต่อทารกในครรภ์ที่มารดารับประทานยาลดกรดนานๆ ในปริมาณมากขณะตั้งครรภ์ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงยาลดกรดที่มีโซเดียมหากคุณกำลังตั้งครรภ์มารดาที่กำลังให้นมบุตร Breast Feeding
ยาลดกรดที่มีอลูมินั่ม แคลเซียมหรือแมกนีเซียม อาจจะซึมเข้าไปในน้ำนมแม่ได้ แต่ก็ยังไม่พบรายงานใดๆ ว่า ก่อให้เกิดปัญหาในทารกที่ดื่มนมแม่ปฏิกิริยาต่อยาอื่น
แม้ว่ายาบางชนิดไม่ควรใช้ร่วมกันเด็ดขาด แต่บางครั้งอาจจำเป็น โดยแพทย์จะปรับปริมาณยา และป้องกันด้วยวิธีอื่นๆที่จำเป็น หากคุณกำลังใช้ยาชนิดใดชนิดหนึ่งตามรายการด้านล่าง ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ เพื่อพิจารณาตามความจำเป็น ไม่ควรใช้ยาลดกรดร่วมกับยาต่อไปนี้ โปรดแจ้งแพทย์เพื่อที่จะทำการตัดสินใจ- Amantadine
- Atropine
- Belladonna
- Belladonna Alkaloids
- Benztropine
- Bepridil
- Biperiden
- Cisapride
- Clidinium
- Darifenacin
- Dicyclomine
- Dronedarone
- Eplerenone
- Fesoterodine
- Glycopyrrolate
- Hyoscyamine
- Mesoridazine
- Methscopolamine
- Oxybutynin
- Pimozide
- Piperaquine
- Procyclidine
- Saquinavir
- Scopolamine
- Solifenacin
- Sparfloxacin
- Terfenadine
- Thioridazine
- Tolterodine
- Trihexyphenidyl
- Trospium
- Ziprasidone
ปฏิกิริยาต่ออาหาร/ยาสูบ/ แอลกอฮอล์
ยาบางชนิดไม่ควรรับประทานร่วมกับอาหารบางชนิด เพราะอาจเกิดปฏิกิริยา รวมทั้งการดื่มแอลกอฮอล์หรือใช้ยาสูบอาจเกิดปฏิกิริยาได้เช่นกัน ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับเรื่องนี้โรคอื่นๆ
การใช้ยานี้อาจมีผลต่อโรคอื่นๆ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณมีโรคอื่นอยู่ด้วย โดยเฉพาะ โรคดังต่อไปนี้- อัลไซเมอร์( ไม่ควรใช้ยาลดกรดที่มีอลูมินั่ม)
- ไส้ติ่งอักเสบ (หรือมีอาการ)
- ริดสีดวงทวาร
- กระดูกหัก
- ลำไส้อักเสบ
- ท้องผูก(รุนแรง และต่อเนื่อง)
- ลำไส้อุดตัน
- มีเลือดออกในลำไส้หรือทวารหนัก ยาลดกรดอาจทำให้อาการแย่ลง
- ผ่าตัดลำไส้ใหญ่หรือลำไส้เล็กออกทางหน้าท้อง
- ลำไส้อักเสบ การใช้ยาลดกรดอาจทำให้ร่างกายเก็บน้ำและเกลือแร่ เช่น โซเดียมและโพแทสเซียมไว้มาก
- เท้าหรือปลายขาบวม
- โรคหัวใจ
- โรคตับ
- ครรภ์เป็นพิษ ยาลดกรดที่มีโซเดียมทำให้ร่างกายเก็บน้ำไว้
- โรคไต ยาลดกรดทำให้มีอลูมินั่ม แคลเซียมหรือแมกนีเซียมในเลือดสูง เสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง
- Sarcoidosis การใช้ยาลดกรดที่มีแคลเซียมอาจทำให้เกิดปัญหากับไต หรือมีแคลเซียมในเลือดสูง
- ต่อมพาราไทรอยด์ทำงานน้อย การใช้ยาลดกรดที่มีแคลเซียมทำไห้มีแคลเซียมในเลือดสูง
- ควรเคี้ยวยาให้ละเอียดก่อนกลืน เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ได้เร็วและมีประสิทธิภาพ
- รับประทานยาให้ตรงเวลาเสมอ เพื่อบรรเทาอาการได้ดีที่สุด
- รับประทานยา 1 หรือ 3 ชั่วโมงหลังอาหาร และก่อนนอนเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด หรือรับประทานตามคำแนะนำแพทย์
- ดื่มน้ำตามมากๆ เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด เว้นแต่แพทย์สั่งเป็นอย่างอื่น
- แพทย์อาจให้คุณรับประทานอาหารฟอสเฟตต่ำ หากมีข้อสงสัยโปรดซักถามแพทย์
ปริมาณยา
ปริมาณของยาในกลุ่มนี้อาจแตกต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละคน โปรดรับประทานยาตามแพทย์สั่งหรือตามฉลากยา นี่เป็นข้อมูลทั่วไป ไม่ควรเพิ่มหรือลดปริมาณด้วยตนเอง ต้องปรึกษาแพทย์ทุกครั้ง ปริมาณยาที่คุณรับประทานนั้นขึ้นกับความแรงของยา และจำนวนครั้งที่รับประทานต่อวัน ช่วงห่างระหว่างมื้อ และช่วงเวลาที่ใช้ยานั้นขึ้นกับโรคของคุณหากลืมรับประทานยา
หากลืมรับประทานยา ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าใกล้เวลารับประทานมื้อต่อไป ให้รอรับประทานมื้อต่อไปเลย ไม่ควรเพิ่มยาเป็นสองเท่าการเก็บรักษา
เก็บไว้ให้พ้นจากมือเด็ก เก็บยาในภาชนะปิดสนิทที่อุณหภูมิห้อง พ้นจากความร้อน ความชื้นและแสงแดด ไม่นำไปแช่แข็ง ไม่ควรเก็บยาที่หมดอายุ หรือยาที่ไม่ใช้แล้วไว้ข้อควรระวังเมื่อใช้ยานี้
หากแพทย์เป็นผู้สั่งยาให้ และคุณต้องรับประทานเป็นปริมาณมากหรือเป็นเวลานาน แพทย์จะนัดพบเป็นระยะ เพื่อให้แน่ใจว่ายาไม่ก่อให้เกิดผลที่ไม่ต้องการ ยาอาจมีผลต่อการตรวจบางอย่าง หากต้องมีการตรวจเกี่ยวกับกรดในกระเพาะอาหาร ควรแจ้งให้แพทย์ทราบว่าใช้ยานี้อยู่ ไม่ควรใช้ยาลดกรดในกรณีดังต่อไปนี้- หากคุณมีอาการของไส้ติ่งอักเสบ หรือลำไส้อักเสบ (เช่น ปวดท้อง ตะคริว ท้องอืด แสบท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน)
- ภายใน 1-2 ชั่วโมง หลังรับประทานยาอื่นเข้าไป เพราะอาจทำให้ยาอื่นออกฤทธิ์ได้ไม่มีประสิทธิภาพ
- ยาลดกรดบางชนิด(โดยเฉพาะที่มีโซเดียมไบคาร์บอเนต)จะมีโซเดียมสูง โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนใช้งาน
- ไม่ควรรับประทานยานี้นานเกิน 2 เดือน เว้นแต่แพทย์สั่ง ยาลดกรดควรใช้เพื่อลดอาการเป็นครั้งคราว
- หากยาลดกรดไม่ช่วยแก้ปัญหา หรืออาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์
- การใช้ยาลดกรดที่มีแมกนีเซียมหรือโซเดียมไบคาร์บอเนตบ่อยๆ หรือปริมาณมากอาจทำให้ระบายท้อง โดยขึ้นกับความไวต่อยาของบุคคลนั้น
- ก่อนที่จะตรวจโดยใช้รังสีวิทยาใดๆ โปรดแจ้งแพทย์ให้ทราบหากมีการใช้ยานี้ เพราะผลที่ได้จากการตรวจสอบอาจจะผิดพลาด
- ไม่ควรรับประทานยาพร้อมกับนมหรือผลิตภัณฑ์นมปริมาณมาก เพราะจะทำให้เกิดผลข้างเคียงได้
ผลข้างเคียงของยาลดกรดในกระเพาะอาหาร
ยามีทั้งผลดี และผลข้างเคียงที่ไม่ต้องการ แม้ว่าจะไม่เกิดผลข้างเคียงทั้งหมด แต่ถ้ามันเกิดขึ้นคุณอาจต้องได้รับการดูแล แม้ว่าผลข้างเคียงของยาเกิดได้น้อยมาก หากรับประทานตามที่กำหนดให้ แต่หากรับประทานมากไป นานไป หรือเป็นผู้ป่วยโรคไต ก็อาจเกิดผลข้างเคียงที่ไม่ต้องการได้ หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรไปพบแพทย์ทันที ยาลดกรดที่มีอลูมินั่ม- ปวดกระดูก
- ท้องผูก(รุนแรงและต่อเนื่อง)
- ไม่สบายท้องอย่างต่อเนื่อง
- เบื่ออาหารอย่างต่อเนื่อง
- อารมณ์ จิตใจเปลี่ยนแปลง
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- ข้อมือหรือข้อเท้าบวม
- น้ำหนักลดผิดปกติ
- ท้องผูก(รุนแรงและต่อเนื่อง)
- ปัสสาวะลำบากและปวด
- ปวดปัสสาวะบ่อย
- ปวดศีรษะต่อเนื่อง
- เบื่ออาหารต่อเนื่อง
- อารมณ์ จิตใจเปลี่ยนแปลง
- กล้ามเนื้อปวดหรือกระตุก
- คลื่นไส้หรืออาเจียน
- วิตกกังวล
- หายใจช้า
- รู้สึกรสชาติแปลกๆ ในปาก
- เหนื่อย อ่อนเพลียผิดปกติ
- ปัสสาวะลำบากและปวด
- มึนงง วิงเวียนศีรษะ
- รู้สึกไม่สบายต่อเนื่อง
- หัวใจเต้นผิดจังหวะ
- เบื่ออาหารต่อเนื่อง
- อารมณ์ จิตใจเปลี่ยนแปลง
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- เหนื่อยอ่อน อ่อนเพลียผิดปกติ
- น้ำหนักลดผิดปกติ
- กลั้นปัสสาวะไม่อยู่
- ปวดศีรษะต่อเนื่อง
- เบื่ออาหารต่อเนื่อง
- กล้ามเนื้อปวดหรือกระตุก
- คลื่นไส้หรืออาเจียน
- กังวล อยู่ไม่สุข
- หายใจช้า
- รู้สึกรสแปลกๆในปาก
- เหนื่อย อ่อนเพลียผิดปกติ
- ขาส่วนล่างหรือเท้าบวม
- รสชาติเหมือนมีปูนในปาก
- ท้องผูก (เล็กน้อย)
- ท้องเสียหรือระบายท้อง
- กระหายน้ำมาก
- อุจจาระมีจุดสีขาว หรือเป็นสีขาว
- ปวดเกร็งท้อง
เมื่อไหร่ที่ควรใช้ยาลดกรด
ยาลดกรดเป็นยาที่จำหน่ายทั่วไปตามร้านขายยาซึ่งใช้ในการบรรเทาอาการกรดไหลย้อน กรดไหลย้อน และอาหารไม่ย่อย ออกฤทธิ์โดยการทำให้กรดในกระเพาะเป็นกลางเพื่อบรรเทาอาการเหล่านี้ในระยะสั้น โดยทั่วไปแล้วยาลดกรดจะปลอดภัยและสามารถใช้ได้ในสถานการณ์ต่างๆ ต่อไปนี้เป็นสถานการณ์ทั่วไปที่คุณอาจใช้ยาลดกรด:- แสบร้อนกลางอก:หากคุณมีอาการแสบร้อนกลางอกหรือไม่ย่อยเป็นครั้งคราว คุณสามารถใช้ยาลดกรดเพื่อบรรเทาอาการไม่สบายและแสบร้อนได้ ยาลดกรดออกฤทธิ์เร็วและบรรเทาอาการได้ชั่วคราว
- หลังมื้ออาหารรสเผ็ดหรือเมื่อทานอิ่มเกินไป:หากคุณทานอาหารรสเผ็ด มันเยิ้ม หรือมื้อหนักเป็นพิเศษจนทำให้รู้สึกไม่สบายหรือกรดไหลย้อน การใช้ยาลดกรดสามารถช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้
- อาการอาหารไม่ย่อยที่เป็นกรด:สำหรับผู้ที่มีอาการอาหารไม่ย่อยที่เป็นกรด สามารถรับประทานยาลดกรดได้เมื่อมีอาการเพื่อทำให้กรดในกระเพาะอาหารส่วนเกินเป็นกลางและบรรเทาอาการไม่สบาย
- โรคกรดไหลย้อน:ยาลดกรดอาจใช้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการจัดการระยะสั้นสำหรับโรคกรดไหลย้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีอาการไม่รุนแรงหรือไม่บ่อยนัก อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาระยะยาวสำหรับโรคกรดไหลย้อน
- ปวดท้องเป็นครั้งคราว:ยาลดกรดสามารถช่วยบรรเทาอาการได้หากคุณมีอาการปวดท้องที่ทำให้เกิดอาการไม่สบายและมีอาการที่เกี่ยวข้องกับกรด
- อาหารและเครื่องดื่มที่เป็นกรด:สามารถใช้ยาลดกรดได้ก่อนรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่เป็นกรดซึ่งคุณรู้ว่าอาจทำให้เกิดอาการเสียดท้องหรือไม่ย่อยได้
- ปฏิบัติตามคำแนะนำในการใช้ยาที่แนะนำ
- อย่าให้เกินปริมาณที่แนะนำ เนื่องจากการใช้มากเกินไปอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น อิเล็กโทรไลต์ไม่สมดุล
- อย่าใช้ยาลดกรดเป็นวิธีแก้ปัญหาระยะยาวสำหรับภาวะที่เกี่ยวข้องกับกรดเรื้อรัง เช่น โรคกรดไหลย้อน อาการเรื้อรังจำเป็นต้องได้รับการประเมินและการจัดการทางการแพทย์ที่เหมาะสม
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.webmd.com/drugs/2/drug-76860-769/antacid-oral/aluminum-magnesium-antacid-simethicone-oral/details
- https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/2729939/
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น