โรคโลหิตจาง (Anemia) คืออะไร
โรคโลหิตจาง (Anemia) คืออะไรโรคโลหิตจางจะเกิดขึ้นเมื่อเซลล์เม็ดเลือดแดงในร่างกายมีน้อยเกินไป ภายในเม็ดเลือดแดงประกอบด้วยโปรตีนชื่อ ฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) ซึ่งทำหน้าที่หลักในการลำเลียงออกซิเจนไปยังเซลล์ในร่างกาย เซลล์เม็ดเลือดแดงทำหน้าที่ส่งออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อทั้งหมดของร่างกาย ดังนั้นหากจำนวนเซลล์เม็ดเลือดแดงมีต่ำเกินไปน้อยเกินไป แสดงว่าร่างกายมีปริมาณออกซิเจนน้อยเกินไปด้วยเช่นกัน อาการโลหิตจาง ส่งผลมาจากการส่งลำเลียงออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อและอวัยวะสำคัญต่างๆ ของร่างกายน้อยลง ทำให้เลือดจางเกิดภาวะ Anemia หรือ โรคโลหิตจาง ผู้มีความเสี่ยงของโรคโลหิตจางส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและผู้ที่มีโรคมะเร็งเรื้อรังสาเหตุของโรคโลหิตจาง
ในร่างกายของคนเรา ธาตุเหล็ก วิตามินบี-12 และโฟเลต เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดงในร่างกาย โดยปกติแล้ว เซลล์เม็ดเลือดแดงในร่างกายจะผลิตเฉลี่ยแทนที่ต่อวัน 0.8 ถึง 1% ของทุกวัน และจะมีอายุได้ถึง 100-120 วัน หากร่างกายขาดความสมดุลในการสร้างเม็ดเลือดแดงหรือมีเซลล์เม็ดเลือดแดงต่ำ จะทำให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะโลหิตจาง ปัจจัยที่ทำให้การสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงลดน้อยลง สิ่งผิดปกติของร่างกายที่ทำให้เซลล์ผลิตเม็ดเลือดแดงได้น้อยลง มีดังนี้- การถูกกระตุ้นของฮอร์โมน erythropoietin เพื่อสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงจากไตลดน้อยลงโ
- ร่างกายได้รับธาตุเหล็ก วิตามินบี 12 และโฟเลต ไม่เพียงพอ
- ร่างกายอยู่ในภาวะขาดไทรอยด์
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
- อุบัติเหตุ
- เป็นแผลในทางเดินอาหาร
- มีประจำเดือน
- การคลอดบุตร
- ศัลยกรรม
- โรคตับแข็ง หรือที่มาจากการที่ตับเป็นแผล
- พังผืดในกระดูก
- ภาวะเม็ดเลือดแดงแตก, ที่มาจากอาการเม็ดเลือดแดงของทารกในครรภ์แตก ความผิดปกติของตับและม้าม
- ความผิดของตับและม้าม
- การขาดกลูโคส -6-phosphate dehydrogenase (G6PD)
- โรคธาลัสซีเมีย
- โรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียว
ความต้องการด้านโภชนาการสารอาหารในแต่ละวัน
ธาตุเหล็ก
ความต้องการของวิตามินและธาตุต่อร่างกาย ส่วนใหญ่ร่างกายของผู้หญิงจะต้องได้รับธาตุเหล็กและโฟเลตมากกว่าผู้ชาย เนื่องผู้หญิงจะสูญเสียธาตุเหล็กในช่วงเวลาของการมีรอบประจำเดือน และการตั้งครรภ์ รวมทั้งการให้นมบุตร อาจส่งผลให้อยู่ในภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก ส่วนผู้หญิงและผู้ชาย ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป ต้องได้รับธาตุเหล็กจากการบริโภคอาหารอย่างน้อย 8 มิลลิกรัม อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง ได้แก่ :- ตับไก่และตับวัว
- เนื้อไก่งวงสีเข้ม
- เนื้อแดงเช่นเนื้อวัว
- อาหารทะเล
- ธัญพืชเสริม
- ข้าวโอ๊ต
- ถั่ว
- ผักขม
โฟเลต
โฟเลตเป็นรูปแบบของกรดโฟลิกที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในร่างกาย เพศชายและเพศหญิงที่มีอายุเกิน 14 ปีต้องได้รับปริมาณโฟเลตเทียบเท่าอาหาร 400 ไมโครกรัม ต่อวัน สำหรับผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ต้องได้รับโฟลอย่างน้อย 600 ไมโครกรัม ต่อวัน อาหารที่อุดมไปด้วยโฟเลต ได้แก่ :- ตับวัว
- ถั่ว
- ผักขม
- ถั่วภาคเหนือที่ดี
- หน่อไม้ฝรั่ง
- ไข่
วิตามิน B-12
สำหรับผู้ใหญ่ควรได้รับวิตามิน B-12 ต่อวัน คือ 2.4 mcg สำหรับผู้หญิง และผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ควรได้รับวิตามิน B-12 อย่างน้อย 2.6 mcg ต่อวันและผู้หญิงที่ให้นมบุตรต้องได้รับวิตามิน B-12 อย่างน้อย 2.8 mcg ทุกวัน ตับเนื้อและหอยลายเป็นแหล่งวิตามิน B-12 ที่ดีที่สุด อาหารที่มีวิตามิน -12 อื่น ๆ ได้แก่ :- ปลา
- เนื้อสัตว์
- สัตว์ปีก
- ไข่
- ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมต่าง
อาการของโรคโลหิตจางเป็นอย่างไร
อาการโลหิตจางส่วนใหญ่จะมีภาวะซีด และอาจเป็นหวัดได้ง่าย อาการที่พบได้มีดังนี้ :- มีอาการมึน หรือวิงเวียนศีรษะ หากยืนหรือลุกอย่างรวดเร็ว
- มีความอยากอาหารที่ผิดปกติ เช่น ชอบของเย็น อยากกินดิน และกินของสกปรก
- ไม่ค่อยมีสมาธิและมีอาการเหนื่อยล้า
- ท้องผูก
- เล็บเปราะ
- หายใจถี่
- แน่นหน้าอก
ผู้ที่มีอาการที่อยู่ในภาวะโลหิตจาง จะมีอาการดังนี้ :
- ความดันโลหิตสูงหรือต่ำ
- ผิวเหลืองซีด
- เป็นดีซ่าน
- อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น
- เกิดเสียงดังฟู่ๆ ที่เกิดขึ้นภายในหรือภายนอกหัวใจ
- ต่อมน้ำเหลืองโต
- ม้ามหรือตับโต
- ลิ้นอักเสบ
อ่านเพิ่มเติม : High blood sugar (Hyperglycemia): symptoms, causes, treatment
การวินิจฉัยโรคโลหิตจาง (Anemia)
แพทย์จะสอบถามประวัติสุขภาพเบื้องต้นของผู้ป่วย รวมทั้งประวัติการรักษาของบุคคลในครอบครัวด้วย และตรวจร่างกาย และนำเลือดไปตรวจเช็คในห้องปฏิบัติการ วิธีการทดสอบเพื่อวินิจฉัยภาวะโลหิตจาง ได้แก่ :- Complete blood count (CBC) : ตรวจเลือดเพื่อต้องการตรวจสอบจำนวนและขนาดของเซลล์เม็ดเลือดแดง ว่ามีเม็ดเลือดผิดปกติหรือไม่ นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นค่าระดับของเซลล์เม็ดเลือดอื่น ๆ อีกด้วย เช่นเซลล์เม็ดเลือดขาว รวมทั้งดูสภาพเกล็ดเลือดว่าเป็นปกติหรือไม่
- Serum iron levels : ตรวจเลือดเพื่อดูว่าร่างกายขาดธาตุเหล็กหรือไม่
- Ferritin test : ตรวจเลือดเพื่อหาค่าเฟอร์ริตินในร่างกาย
- Vitamin B-12 test : ตรวจเลือดเพื่อดูระดับวิตามินบี 12 ในร่างกายและตรวจสอบว่าระดับน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไปหรือไม่
- Folic acid test: ตรวจเลือดเพื่อดูการทำงานของโฟเลต ว่าการทำงานของโฟเลตต่ำหรือไม่
- Stool test for occult blood : การตรวจหาเม็ดเลือดแดงในอุจจาระ หากการทดสอบเป็นบวกก็หมายความว่าการทำงานของเลือดภายในลำไส้อาจมีปัญหา เช่น แผลในกระเพาะอาหาร, ลำไส้ใหญ่บวม, และมะเร็งลำไส้ใหญ่
- Upper G.I : การตรวจกระเพาะอาหาร
- barium enema : เป็นวิธีการตรวจทางรังสีวิทยาเพื่อหาความผิดปกติของลำไส้ใหญ่ โดยการสวนแป้งแบเรียมและลมเข้าทางทวารหนัก
- Chest X-rays: เอ็กซเรย์หน้าอก
- CT scan ช่องท้อง
การพยาบาลเพื่อป้องกันอันตรายจากภาวะโลหิตจาง
- ประเมินอาการและอาการแสดงภาวะซีด ได้แก่ความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดง เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง วิงเวียนศรีษะ หายใจตื้น หอบ ง่วงซืม หัวใจเต้นเร็วมีอาการซีดตามปลายมือปลายเท้า
- ให้ผู้ป่วยผักผ่อนเพื่อลดการใช้ออกซิเจนของร่างกายโดยไม่จำเป็น
- เยื่อบุตามี Postural Hypotension
- กระตุ้นให้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ มีคุณค่าทางอาหารสูง มีธาตุเหล็ก ได้แก่ นม ไข่แดง ตับ ผักใบเขียว เป็นต้น
- แนะนำให้ปรับเปลี่ยนท่าอย่างช้าๆ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
วิธีการรักษาโรคโลหิตจาง (Anemia)
สาเหตุของโรคโลหิตจากมาจากการขาดวิตามิน B-12 ธาตุเหล็ก และโฟเลต ดังนั้นการรักษาผู้ป่วยบางรายอาจ จำเป็นต้องฉีดวิตามิน B-12 เข้าไปในร่างกาย เนื่องจากร่างกายไม่ได้ถูกดูดซึมวิตามิน B-12 จากอาหารโดยตรแพทย์อาจะให้คู่มือแนวทางการควบคุมและป้องกันโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก เพื่อให้ผู้ป่วยปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารที่มีวิตามิน แร่ธาตุและสารอาหารอื่นๆ ในปริมาณที่เหมาะสม การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารและวิตามินที่ครบถ้วน จะช่วยป้องกันการกลับมาเป็นโรคโลหิตจางได้ หากผู้ป่วยมีภาวะโลหิตจางรุนแรง มีระดับฮีโมโกลบินต่ำ หรือจำเป็นต้องถ่ายเลือด แพทย์อาจใช้วีธีฉีดฮอร์โมนอีริโธรปัวอีติน (erythropoietin) เข้าสู่ไขกระดูกเพื่อเพิ่มการสร้างเม็ดเลือดแดงให้กับผู้ป่วยคำถามที่พบบ่อย
วิธีที่เร็วที่สุดในการรักษาโรคโลหิตจางคืออะไร เลือกรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง- เนื้อแดง เนื้อหมู และสัตว์ปีก
- อาหารทะเล.
- ถั่ว.
- ผักใบเขียวเข้ม เช่น ผักโขม
- ผลไม้แห้ง เช่น ลูกเกดและแอปริคอต
- ซีเรียลเสริมธาตุเหล็ก ขนมปัง และพาสต้า
- เมล็ดถั่ว
- ชาและกาแฟ
- นมและผลิตภัณฑ์จากนมบางชนิด
- อาหารที่มีแทนนิน เช่น องุ่น ข้าวโพด และข้าวฟ่าง
- อาหารที่มีไฟเตตหรือกรดไฟติก เช่น ข้าวกล้องและผลิตภัณฑ์จากข้าวสาลีทั้งเมล็ด
- อาหารที่มีกรดออกซาลิก เช่น ถั่วลิสง ผักชีฝรั่ง และช็อกโกแลต
ลิ้งค์ด้านล่างเป็นแหล่งข้อมูลบทความของเรา
- https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/anemia/symptoms-causes/syc-20351360
- https://www.webmd.com/a-to-z-guides/understanding-anemia-basics
- https://www.niddk.nih.gov/health-information/blood-diseases/anemia-inflammation-chronic-disease
- https://www.onhealth.com/content/1/anemia_causes_treatments
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น