Amlodipine แอมโลดิปีน คืออะไร
แอมโลดิปีน (Amlodipine) เป็นยาที่ถูกสั่งโดยแพทย์ มีลักษณะเป็นเม็ดรับประทาน แอมโลดิปีนมีชื่อทางการค้าคือ Norvasc นอกจากนี้ยังมีจำหน่ายแบบยาสามัญ ซึ่งยาสามัญจะมีราคาที่ต่ำกว่ายาที่มีชื่อทางการค้า ในบางกรณียาที่มีชื่อทางการค้าอาจมีฤทธิ์ยาที่ไม่แรงเท่ายาสามัญ อาจรับประทานแอมโลดิปีนควบคู่ไปกับยาโรคหัวใจตัวอื่นๆได้ยาลดความดัน Amlodipine
ใช้แอมโลดิปีนเพื่อลดความดันโลหิตสูง สามารถใช้แอมโลดิปีนเพียงตัวเดียวหรือใช้ร่วมกับยาโรคหัวใจตัวอื่นๆ มักใช้แอมโลดิปีนเพื่อช่วยให้เลือดไหวเวียนไปเลี้ยงหัวใจได้ดีขึ้นกรณีที่หลอดเลือดแดงที่หัวใจถูกอุดกั้น หรือใช้แอมโลดิปีนเพื่อการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบและแจ็บแน่นหน้าอกยา Amlodipine ผลข้างเคียง
แอมโลดิปีนแบบเม็ดรับประทานอาจเป็นเหตุให้ง่วงนอนมาก นอกจากนี้ยังสามารถทำให้เกิดผลข้างเคียงอื่นๆAmlodipine ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย
ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย ที่มักเกิดเมื่อใช้ยาแอมโลดิปีน ได้แก่:- ขา หรือข้อเท้าบวม
- อ่อนเพลีย หรือง่วงนอนมาก
- ปวดท้อง
- คลื่นไส้
- วิงเวียนศีรษะ
- รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว
- อัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ
- หัวใจเต้นเร็ว
- การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อผิดปกติ
- การอาการสั่น
ผลข้างเคียงที่รุนแรง
ควรปรึกษาแพทย์หากคุณมีผลข้างเคียงที่รุนแรง หรือโทร 1669 หากอาการค่อนข้างคุกคามชีวิต โดยผลข้างเคียงที่รุนแรงและอาการของผลข้างเคียงดังกล่าวได้แก่:- ความดันโลหิตต่ำ อาการได้แก่:
- เวียนศีรษะอย่างรุนแรง
- วิงเวียนศีรษะ
- หน้ามืด
- อาจมีอาการเจ็บแน่นหน้าอก หรือหัวใจล้มเหลวเมื่อเริ่มรับประทานยาแอมโลดิปีนช่วงแรกๆ หรือเพิ่มขนาดยาขึ้น อาการเจ็บแน่นหน้าอกอาจแย่ลงหรือมีอาการหัวใจล้มเหลว อาการจะมีลักษณะดังนี้:
- เจ็บแน่นหน้าอก หรือรู้สึกไม่สบายตัว
- รู้สึกไม่สบายตัวส่วนบน
- หายใจถี่
- เหงือแตก
- รู้สึกเหนื่อยล้าผิดปกติ
- คลื่นไส้
- วิงเวียนศีรษะ
สัญญาณเตือนที่สำคัญ
- สัญญาณเตือนปัญหาเรื่องตับ: แอมโลดิปีนถูกผ่านกระบวนการสังเคราะห์ที่ตับ หากตับทำงานได้ไม่เต็มที่จะมียาแอมโลดิปีนจำนวนมากที่คั่งค้างอยู่ภายในร่างกาย ยิ่งทำให้เสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงมากขึ้น ฉะนั้นหากคุณมีปัญหาเรื่องตับควรปรึกษาแพทย์เพื่อปรับปริมาณยาให้เหมาะสม
- สัญญาณเตือนปัญหาเรื่องหัวใจ: หากคุณมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ เช่น หลอดเลือดแดงตีบ การรับประทานแอมโลดิปีนอาจเพิ่มความเสี่ยงกับปัญหาสุขภาพได้ คุณอาจมีความดันโลหิตต่ำ, อาการเจ็บแน่นหน้าอกแย่ลง หรือเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวภายหลังเริ่มยาหรือเพิ่มขนาดยาแอมโลดิปีน หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวให้รีบโทร 1669 หรือนำส่งหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน
กลไกการออกฤทธิ์
แอมโลดิปีนจัดอยู่ในกลุ่มยาที่เรียกว่า แคลเซียมแชแนลบล็อกเกอร์ (Calcium channel blockers) จะออกฤทธิ์ป้องกันไม่ให้แคลเซียมผ่านเข้าไปยังเนื้อเยื่อและหลอดเลือดแดงได้ ซึ่งกลไกนี้ทำให้หลอดเลือดคลายตัวส่งเสริมให้เลือดไหวเวียนไปเลี้ยงหัวใจได้ดีขึ้น ช่วยให้ความดันโลหิตต่ำลงและลดความเสี่ยงของภาวะหัวใจล้มเหลวได้ หากทานแอมโลดิปีนในกรณีเจ็บหน้าอก ตัวยาจะช่วยลดความเสี่ยงในการนอนโรงพยาบาลและการผ่าตัดที่เกี่ยวเนื่องจากอาการเจ็บแน่นหน้าอกได้ยาแอมโลดิปีนอาจมีปฏิกิริยาต่อกับกับยาอื่นๆ
แอมโลดิปีนแบบเม็ดรับประทานอาจเกิดปฏิกิริยาต่อกันของยากับยาตัวอื่นๆ, วิตามิน หรือสมุนไพรได้ โดยตัวยาอาจไปเสริมฤทธิ์ของยาอื่นหรือไปเปลี่ยนการออกฤทธิ์ของยาอื่นๆได้ เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดปฏิกิริยาต่อกันของยา แพทย์ควรบริหารยาอย่างระมัดระวัง เพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยคุณควรแจ้งรายการยาที่รับประทานทั้งหมดแก่แพทย์ รวมถึงวิตามิน หรือสมุนไพรต่างๆ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาของยาได้ตรงจุด ตัวอย่างยาที่เกิดปฏิกิริยาต่อกันกับแอมโลดิปีน ได้แก่ยารักษาโรคหัวใจ
Diltiazem : เมื่อทานร่วมกับแอมโลดิปีนจะไปเพิ่มระดับยาของแอมโลดิปีนในร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดผลข้างเคียงของยายาต้านเชื้อรา
รายการยาด้านล่าง เมื่อทานร่วมกับแอมโลดิปีนจะไปเพิ่มระดับยาแอมโลดิปีนในร่างกาย ก่อให้เกิดผลข้างเคียงของยา :- Ketoconazole
- Itraconazole
- Voriconazole
ยาปฏิชีวนะ
Clarithromycin รับประทานร่วมกับแอมโลดิปีนจะไปเพิ่มระดับของแอมโลดิปีนในร่างกาย เกิดผลข้างเคียงได้ยาสำหรับปัญหาการแข็งตัวของอวัยวะเพศ
ทานแอมโลดิปีนควบคู่ไปกับยาดังกล่าว ทำให้เกิดความเสี่ยงของภาวะความดันโลหิตต่ำ (Hypotension) ตัวอย่างยา- Sildenafil
- Tadalafil
- Avanafil
- Vardenafil
ยาคอเลสเตอรอล
การรับประทานยา Simvastatin คู่กับแอมโลดิปีน เป็นเหตุให้ระดับยาที่ควบคุมคอเลสเตอรอลเพิ่มสูงขึ้นในร่างกาย ทำให้เกิดผลข้างเคียงจากยาที่ตามมายาที่ควบคุมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
การทานแอมโลดิปีนร่วมกับยาที่ควบคุมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เป็นเหตุให้ระดับของยาที่ควบคุมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเพิ่มสูงขึ้นในร่างกาย ก่อเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ ตัวอย่างยาดังกล่าว ได้แก่:- Cyclosporine
- Tacrolimus
คำเตือนในการใช้แอมโลดิปีน
แอมโลดิปีนมาพร้อมกับคำเตือนหลายอย่างสัญญาณเตือนจากการแพ้
แอมโลดิปีนเป็นสาเหตุของอาการแพ้หลายอย่าง อาการได้แก่:- หายใจลำบาก
- คอหรือลิ้นบวม
- ลมพิษ
คำเตือนสำหรับกลุ่มอื่นๆ
สตรีมีครรภ์: จากการวิจัยในสัตว์ทดลองแสดงให้เห็นผลลัพธ์ทางลบของทารกในครรภ์เมื่อคุณแม่ใช้ยาแอมโลดิปีน แม้ว่าผลการศึกษาจะยังไม่เพียงพอในมนุษย์ แต่เป็นที่แน่นอนว่ายาแอมโลดิปีนอาจส่งผลต่อสตรีมีครรภ์ แจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณกำลังตั้งครรภ์หรือกำลังวางแผนที่จะตั้งครรภ์ แอมโลดิปีนควรใช้ระหว่างตั้งครรภ์อย่างเดียวหากจะเกิดประโยชน์มากกว่าโทษ คุณแม่ที่ให้นมบุตร: บางงานวิจัยกล่าวว่าแอมโลดิปีนสามารถผ่านไปกับน้ำนมได้ อย่างไรก็ตามยังไม่ทราบผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับลูกที่ได้รับยาดังกล่าวผ่านน้ำนม การแจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณต้องให้นมบุตร คุณอาจต้องงดให้นมบุตรหรือหยุดยา ในผู้สูงอายุ: เมื่ออายุที่มากขึ้น ร่างกายก็ไม่สามารถกำจัดยาได้ดีเหมือนแต่ก่อน ฉะนั้นระดับของยาจะยังคงอยู่ในร่างกายได้เป็นเวลานาน ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ ในเด็ก: ยังไม่เคยมีการใช้ยาดังกล่าวในเด็กที่อายุต่ำกว่า 6 ปีวิธีทานยาแอมโลดิปีน
ขนาด และความถี่ในการรับประทานยา ขึ้นอยู่กับ:- อายุ
- สภาวะของโรคที่กำลังรักษา
- สภาวะความรุนแรงของโรคที่เป็นอยู่
- ยารักษาโรคอื่นๆที่กำลังใช้อยู่
- การตอบสนองของร่างกายเมื่อเริ่มยาครั้งแรก
รูปแบบและขนาดยา
ชื่อสามัญ : แอมโลดิปีน (Amlodipine)- รูปแบบ: เม็ดรับประทาน
- ขนาดยา: 2.5 มก, 5 มก, 10 มก.
- รูปแบบ: เม็ดรับประทาน
- ขนาดยา: 2.5 มก, 5 มก, 10 มก.
ขนาดยาสำหรับโรคความดันโลหิตสูง (hypertension)
ขนาดยาในผู้ใหญ่ (อายุ 18–64 ปี)- ขนาดยาทั่วไป: 5 มก รับประทาน 1 เม็ดต่อวัน
- การเพิ่มขนาดยา: แพทย์อาจทำการปรับขนาดยาตามค่าความดันโลหิตของคุณที่ควรเป็น หากค่าความดันโลหิตของคุณไม่สามารถควบคุมได้ภายหลังเริ่มรับประทานยาไป 7–14 วัน แพทย์จะเพิ่มขนาดยาขึ้น
- ขนาดยาที่สูงที่สุด: 10 มกต่อวัน
- ขนาดยาทั่วไป: 2.5–5 มก รับประทาน 1 เม็ดต่อวัน ขนาดยาที่มากกว่า 5 มก ยังไม่มีการศึกษาในเด็กและยังไม่ควรใช้
- ขนาดยาทั่วไป: 2.5 มก รับประทาน 1 เม็ดต่อวัน
- หมายเหตุ: ในผู้สูงอายุ กระบวนการสังเคราะห์ยาภายในร่างกายจะดำเนินไปอย่างช้าๆ ฉะนั้นขนาดยาที่ใช้ในผู้ใหญ่ปกติ จะมีขนาดที่สูงเมื่อนำไปใช้ในผู้สูงอายุ การจะให้ยาแก่ผู้สูงอายุจึงควรปรับลดขนาดยาก่อน
ขนาดยาสำหรับโรคหลอดเลือดหัวใจและอาการเจ็บแน่นหน้าอก
ขนาดยาในผู้ใหญ่ (อายุ 18–64 ปี)- ขนาดยาทั่วไป: 5 มก รับประทาน 1 เม็ดต่อวัน
- ขนาดยาสูงสุด: 10 มกต่อวัน
- ขนาดยาทั่วไป: 5 มก รับประทาน 1 เม็ดต่อวัน
- หมายเหตุ: ในผู้สูงอายุ กระบวนการสังเคราะห์ยาภายในร่างกายจะดำเนินไปอย่างช้าๆ ฉะนั้นขนาดยาที่ใช้ในผู้ใหญ่ปกติ จะมีขนาดที่สูงเมื่อนำไปใช้ในผู้สูงอายุ การจะให้ยาแก่ผู้สูงอายุจึงควรปรับลดขนาดยาก่อน
สิ่งที่ควรพิจารณาในการให้ยาในขนาดที่พิเศษ
สำหรับผู้ที่เป็นโรคตับ: ขนาดยาที่แนะนำคือ 2.5 มก. รับประทาน 1 เม็ดต่อวัน โดยยาแอมโลดิปีนจะเข้าสู่กระบวนการสังเคราะห์ภายในร่างกายที่ตับ หากคุณมีตับที่ทำงานไม่ค่อยดี การรับประทานยาดังกล่าวอาจไปสะสมภายในร่างกาย ก่อให้เกิดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงของยา หรือหากตับของคุณเป็นโรคที่รุนแรง คุณควรใช้ยาในขนาดที่ต่ำหรือขนาดยาที่ต่างออกไป คำเตือน: การให้ข้อมูลในบทความนี้ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์ได้ การปรึกษาผู้ให้บริการทางการแพทย์เกี่ยวกับประสบการณ์หรืออาการที่เกิดขึ้นภายหลังการใช้ยาเป็นสิ่งที่ควรแจ้งให้พวกเขาทราบ เพื่อปรับให้เหมาะสมในผู้ใช้ยาแต่ละคนการปฏิบัติตามแพทย์สั่ง
ยาแอมโลดิปีนแบบเม็ดรับประทานถูกใช้ในการรักษาระยะยาว จึงมักมาพร้อมกับความเสี่ยงหากคุณไม่รับประทานตามที่แพทย์สั่ง หากคุณหยุดรับประทานยาเอง หรือไม่รับประทานตามคำสั่งแพทย์ ค่าความดันโลหิตของคุณหรืออาการเจ็บแน่นหน้าอกจะแย่ลง นำไปสู่ปัญหาที่รุนแรงยิ่งขึ้น เช่น โรคหลอดเลือดในสมอง (Stroke) หรือโรคหัวใจล้มเหลว หากคุณลืมรับประทานยา: การลืมรับประทานยาจะทำให้ค่าความดันโลหิตของคุณหรืออาการเจ็บแน่นหน้าอกจะแย่ลง มีลักษณะคล้ายกรณีที่คุณไม่รับประทานยาตามคำสั่งแพทย์ตามที่กล่าวมาข้างต้น จะทำอย่างไรหากคุณลืมรับประทานยา: หากลืมรับประทานยา ควรรีบทานเมื่อนึกขึ้นได้ทันที หากลืมยามากกว่า 12 ชั่วโมง ให้ข้ามไปทานยามื้อถัดไปได้เลยตามปกติ หากรับประทานยามากเกินไปหรือเกินขนาด: หากรับประทานยามากเกินไป อาจทำให้ความดันโลหิตต่ำในระดับที่อันตราย ซึ่งมีอาการดังนี้: หากคุณรับประทานยาเกินขนาด ควรปรึกษาแพทย์หรือ Hot line ศูนย์พิษวิทยารามาธิบดี โทร 1367 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือติดต่อหน่วยฉุกเฉิน โทร 1669 เพราะยาดังกล่าวไม่มียาแก้พิษ ฉะนั้นหากรับประทานยาเกินขนาดควรเข้ารับการรักษาอย่างรีบด่วน เพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์ที่จะตามมา จะทราบได้อย่างไรว่ายาออกฤทธิ์ได้ดี ความดันโลหิตจะลดต่ำลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติและคุณจะไม่มีอาการเจ็บแน่นหน้าอกสิ่งสำคัญในการรับประทานยาแอมโลดิปีน
เมื่อแพทย์สั่งให้คุณรับประทานแอมโลดิปีน คุณควรคำนึงถึงสิ่งดังต่อไปนี้ข้อมูลทั่วไป
- รับประทานยาแอมโลดิปีนในเวลาเดียวกันของทุกๆวัน
- สามารถตัดหรือเคี้ยวยาได้
การเก็บรักษา
ยาดังกล่าวควรเก็บไว้ในอุณหภูมิที่เหมาะสม:- เก็บยาแอมโลดิปีนไว้ในห้องที่อุณหภูมิ 15-30°C (59-86°F)
- เก็บยาไว้ในบรรจุภัณฑ์ดั่งเดิมของยาและเก็บให้มิดชิด
- เก็บให้พ้นแสง
- ห้ามเก็บยาไว้ในที่ที่มีความชื่น เช่น ห้องน้ำ
การรับยาต่อเนื่อง
เมื่อรักษาในระยะยาว การรับยาอย่างต่อเนื่องสามารถทำได้โดยแพทย์จะเขียนใบสั่งยาไว้เป็นที่เรียบร้อย โดยกำหนดจำนวนยาและขนาดยาไว้ให้สามารถไปซื้อยาตามคำสั่งแพทย์ได้การท่องเที่ยว
เมื่อต้องออกไปท่องเที่ยวพร้อมกับยาที่ต้องรับประทาน:- ให้นำยาติดตัวคุณไปด้วย เช่น หากต้องขึ้นเครื่องบิน ควรนำยาไว้ในกระเป๋าติดตัว ไม่ควรเอาไว้ในกระเป๋าเดินทาง
- ไม่ต้องกังวลกับเครื่อง X-ray ของทางสนามบิน เพราะยาแอมโลดิปีนไม่ใช่ยาอันตราย
- คุณอาจต้องแสดงรายการยาทั้งหมดแก่เจ้าหน้าที่สนามบินหรือทางสายการบิน เพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้คุณจึงควรเก็บยาในบรรจุภัณฑ์ดั่งเดิมเพื่อให้เจ้าหน้าที่อ่านฉลากยาได้
- อย่าทิ้งยาไว้ในที่เก็บของในรถ หรือทิ้งไว้ในรถ เพราะอุณหภูมิในรถขณะจอดไว้อาจมีอุณหภูมิที่สูงหรือเย็นเกินไป
การดูแลตนเองที่บ้าน
เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ที่รับประทานยาลดความดันโลหิตทุกคน ที่ควรหมั่นตรวจค่าความดันโลหิตเป็นประจำและจดบันทึกไว้ เมื่ออยู่บ้าน ควรบันทึกวัน เวลา ในการวัดความดันโลหิต ทำทุกวัน และนำไปให้แพทย์ดูในการนัดตรวจครั้งถัดไปการติดตตามทางคลินิก
ก่อนและระหว่างการรักษาโดยการใช้ยา แพทย์จะทำการตรวจสิ่งเหล่านี้:- ความดันโลหิต
- การทำงานของตับ
ใครที่ไม่ควรรับประทานยาแอมโลดิปีน
ต่อไปนี้เป็นสถานการณ์บางส่วนที่อาจจำเป็นต้องมีความระมัดระวังหรือหลีกเลี่ยงการใช้ยาแอมโลดิพีน:- อาการแพ้หรือความไว:บุคคลที่ทราบว่าแพ้แอมโลดิพีนหรือส่วนผสมใดๆ ในยาไม่ควรรับประทาน ปฏิกิริยาการแพ้อาจมีตั้งแต่เล็กน้อยถึงรุนแรง และอาจรวมถึงอาการต่างๆ เช่น ผื่น คัน บวม หรือหายใจลำบาก
- ความดันโลหิตต่ำ :แอมโลดิพีนสามารถลดความดันโลหิตได้ ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำหรือผู้ที่มีอาการวิงเวียนศีรษะหรือเป็นลมอาจจำเป็นต้องใช้ยานี้ด้วยความระมัดระวัง
- โรคหลอดเลือดเอออร์ตาตีบรุนแรง:แอมโลดิพีนอาจไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือดเอออร์ตาตีบรุนแรง (การตีบของลิ้นเอออร์ติกในหัวใจ) เนื่องจากอาจส่งผลต่อการทำงานของหัวใจในกรณีเหล่านี้
- โรคตับ:ผู้ที่เป็นโรคตับอย่างรุนแรงอาจจำเป็นต้องปรับขนาดยาหรือติดตามอย่างใกล้ชิดขณะรับประทานแอมโลดิพีน เนื่องจากยาได้รับการประมวลผลโดยตับ
- การตั้งครรภ์และให้นมบุตร:โดยทั่วไปไม่แนะนำให้ใช้แอมโลดิพีนในระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เว้นแต่ประโยชน์จะมีมากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น สิ่งสำคัญคือต้องหารือเรื่องนี้กับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ
- ผู้สูงอายุ:ผู้สูงอายุอาจต้องใช้ความระมัดระวังเนื่องจากอาจมีความไวต่อผลของแอมโลดิพีนมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องควบคุมความดันโลหิต
- หัวใจล้มเหลว:ในบางกรณีของภาวะหัวใจล้มเหลว แอมโลดิพีนอาจไม่ใช่ตัวเลือกยาที่ต้องการ อาจแนะนำให้ใช้ยาอื่นในสถานการณ์เหล่านี้
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.webmd.com/drugs/2/drug-5891/amlodipine-oral/details
- https://medlineplus.gov/druginfo/meds/a692044.html
- https://www.nhs.uk/medicines/amlodipine/
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น