Adapalene คืออะไร
Adapalene (a DAP a leen) มีชื่อทางการค้าทั่วไปที่เรารู้จักกันดีในชื่อของ ดิฟเฟอริน (Differin Gel) เชื่อว่ามีใครหลายคนคงคุ้นเคยกันดีกับยารักษาสิวยี่ห้อนี้ และ Adapalene แพร่หลายในประเทศไทยเป็นอย่างมาก แต่อาจจะทำให้ผิวของผู้ใช้ไวต่อแสง จึงควรใช้แค่กลางคืนเท่านั้นและต้องทากันแดดที่มีค่า SPF สูง ๆ ในตอนกลางวันวิธีใช้ดิฟเฟอริน (Differin Gel)
ทาวันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน ทำความสะอาดผิวให้สะอาดก่อนเข้านอนและทา Differin Gel บาง ๆ เท่านั้น ใช้ให้ห่างจากปาก จมูก และดวงตา(เพราะอาจจะทำให้ไหม้)- หากอะดาพาลีนถูกบริเวณที่กล่าวมา ให้ล้างด้วยน้ำเปล่า
- ห้ามทาอะดาพาลีนลงบนแผลเปิด แผลถลอก โรคผิวหนัง หรือผิวหนังที่เสียหาย
- ห้ามทาลงบนผิวที่ไหม้แดด
- ผลิตภัณฑ์บางอย่างต้องใช้ตอนกลางคืน บางอย่างใช้ตอนไหนก็ได้ ปรึกษากับเภสัชกรว่าอะดาพาลีนควรใช้เวลาใด
- ล้างมือก่อนที่จะทา
- ทำความสะอาดบริเวณที่จะทาและเช็ดให้แห้งก่อน
- ทางบาง ๆ และนวดเบา ๆ ในบริเวณที่ต้องการ
- ปิดฝาเมื่อใช้งานเสร็จแล้ว
Differin สรรพคุณ
ใช้ในการรักษาสิวผด และสิวอักเสบ หากคุณแพ้อะดาพาลีน ยา อาหาร หรือสารต่าง ๆ คุณควรบอกให้แพทย์ทราบถึงการแพ้และอาการที่คุณมี ยานี้อาจมีปฏิกริยากับยาอื่นหรือปัญหาสุขภาพอื่น โปรดแจ้งแพทย์ และเภสัชกรของคุณเกี่ยวยาทั้งหมดที่คุณใช้่ (ยาที่สั่งจ่ายจากแพทย์หรือยาที่หาซื้อได้ทั่วไปหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น วิตามิน) และปัญหาสุขภาพที่คุณมีอยู่ คุณควรจะตรวจสอบก่อนเพื่อให้มั่นใจว่ามันปลอดภัยสำหรับคุณที่จะใช้อะดาพาลีนกับยาและปัญหาสุขภาพที่คุณมีอยู่ อย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนปริมาณของยาโดยที่ไม่ปรึกษากับแพทย์ข้อควรระวัง
- บอกผู้ดูแลทางการแพทยืว่าคุณใช้อะดาพาลีนอยู่ ซึ่งรวมไปถึง หมอ พยาบาล เภสัชกร และหมอฟัน
- ผิวอาจจะแย่ลงก่อนที่มันจะดีขึ้น
- ผิวของคุณอาจไวต่อแสง หลีกเลี่ยงแสงแดด โคมไฟ และการทำผิวแทน ใช้ครีมกันแดด สวมเสื้อผ้า สวมเเว่นกันแดดเพื่อปกป้องผิวของคุณจากแสงแดด
- สภาพอากาศบางอย่างอาจทำให้ผิวระคายเคือง ควรปรึกษากับแพทย์
- ไม่ควรแว็กซ์ในบริเวณที่ใช้ครีม มันอาจทำให้ผิวระคายเคืองขึ้นได้
- การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอื่น ๆ ระหว่างที่ใช้อะดาพาลีนอาจก่อให้เกิดการระคายเคือง
- ควรปรึกาากับแพทย์ก่อนที่จะใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ กับผิว
- อาจต้องใช้เวลา 2 – 3 เดือนที่จะเห็นผล
- หากกลืนกินอาจทำให้เกิดอันตราย ควรพบแพทย์โดยด่วนหากกลืนอะดาพาลีน
- ไม่ควรใช้อะดาพาลีนในเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี โดยปราศจากการปรึกษากับแพทย์
- บอกแพทย์หากคุณกำลังตั้งครรภ์อยู่ หรือวางแผนที่จะตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตรอยู่คุณควรปรึกษาเกี่ยวกับข้อดีและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับลุกของคุณ
ผลข้างเคียงที่จำเป็นต้องพบแพทย์ทันที
ข้อควรระวัง: ถึงแม้ว่ามันจะพบได้น้อย บางคนอาจพบกับผลข้างเคียงที่รุนแรงเมื่อใช้ยานี้ หากคุณมีอาการเหล่านี้ควรพบแพทย์ทันที:- สัญญาณของอาการแพ้ต่าง ๆ เช่น มีผื่น คัน แดง บวม แผลพุพอง หรือผิวหนังลอก โดยที่มีไข้และไม่มีไข้ หายใจเสียงดัง รู้สึกแน่นหน้าอกหรือคอ หายใจ กลืน หรือพูดลำบาก เสียงแหบ ปาก หน้า ลิ้น หรือ คอบวม
ผลข้างเคียงจากการใช้อะดาพาลีนอื่น ๆ
ยาทุกชนิดอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียง อย่างไรก็ตาม หลายคนก็ไม่พบอาการข้างเคียงหรือมีอาการน้อย ควรพบแพทย์หากผลข้างเคียงเหล่านี้รบกวรคุณและไม่หาย:- มันเป็นปกติที่จะเกิดการระคายเคืองผิวจากอะดาพาลีน อาการเหล่านั้นอาจมี ผิวไหม้ ผิวแห้ง คัน ลอก แดง และเป็นสะเก็ด ควรพบแพทย์หากอาการรุนแรง รบกวนการใช้ชีวิต และไม่หาย
เราจะเก็บและทิ้งอะดาพาลีนอย่างไร
- เก็บในอุณหภูมิห้อง ไม่เก็บในตู้เย็น
- ไม่เก็บในที่ที่มีความร้อน
- เก็บไว้ในที่ปลอดภัย ให้ห่างจากเด็กและสัตว์เลี้ยง
- ทิ้งยาที่ไม่ใช้หรือหมดอายุแล้ว อย่าทิ้ลงในชักโครกหรือท่อระบายน้ำ สอบถามเภสัชกรว่าจะทิ้งยาอย่างไร
ข้อมูลสำหรับผู้ใช้
- หากอาการหรือปัญหาสุขภาพที่มีไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์
- ไม่ควรใช้ยาร่วมกับผู้อื่น
- ยาบางชนิดจะมีแผ่นพับมาด้วย ควรสอบถามเภสัชกร หากมีคำถามเกี่ยวกับอะดาพาลีน ควรปรึกษาแพทย์ พยาบาล เภสัชกร หรือผู้ให้บริการทางการแพทยือื่น ๆ
- หากคุณคิดว่าคุณใช้ยามากเกินไป ให้รีบไปพบแพทย์
อะดาพาลีนไม่สามารถใช้ร่วมกับอะไร
Adapalene เป็นยาเฉพาะที่ที่ใช้กันทั่วไปในการรักษาสิว เมื่อใช้อะดาพาลีน สิ่งสำคัญคือต้องระวังผลิตภัณฑ์และส่วนผสมที่อาจทำปฏิกิริยากับมันหรือทำให้ระคายเคืองผิวหนังมากขึ้น ต่อไปนี้เป็นผลิตภัณฑ์และส่วนผสมบางส่วนที่ควรใช้ด้วยความระมัดระวังหรือหลีกเลี่ยงเมื่อใช้อะดาพาลีน:- เรตินอยด์เฉพาะที่อื่นๆ:การใช้เรตินอยด์เฉพาะที่ที่แตกต่างกันสองชนิด เช่น adapalene และ tretinoin ร่วมกันสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการระคายเคืองผิวหนังและความแห้งกร้านได้ โดยทั่วไปทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการใช้พร้อมกัน เว้นแต่จะได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ
- กรดซาลิไซลิก:กรดซาลิไซลิกเป็นส่วนผสมในการต่อสู้กับสิวทั่วไปอีกชนิดหนึ่ง แม้ว่าบางคนใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีทั้งอะดาพาลีนและกรดซาลิไซลิก แต่ส่วนผสมนี้อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการระคายเคืองผิวหนังได้ ทางที่ดีควรใช้แยกกันและค่อยๆ แนะนำผลิตภัณฑ์เหล่านี้เข้าสู่ขั้นตอนการดูแลผิวของคุณ
- กรดอัลฟ่าไฮดรอกซี (AHAs): AHA เช่นกรดไกลโคลิกและกรดแลคติคถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหลายชนิด รวมถึงผลิตภัณฑ์ขัดผิวด้วย การผสมผสานกับอะดาพาลีนอาจทำให้ความไวและการระคายเคืองผิวหนังเพิ่มขึ้น โดยทั่วไปแนะนำให้ใช้ในเวลาที่ต่างกันหรือสลับวันกัน
- เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์:แม้ว่าการรักษาสิวบางชนิดจะรวมอะดาพาลีนกับเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ แต่ส่วนผสมนี้อาจรุนแรงต่อผิวหนังและนำไปสู่ความแห้งกร้านและระคายเคืองมากเกินไป หากคุณใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมทั้งสองอย่าง ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ผิวหนังอย่างระมัดระวัง
- การขัดผิวแบบรุนแรง:หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ขัดผิวที่มีฤทธิ์กัดกร่อน เช่น สครับหรือแปรง ขณะใช้อะดาพาลีน สิ่งเหล่านี้อาจทำให้ผิวของคุณระคายเคืองมากขึ้น
- ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์:โทนเนอร์หรือยาสมานแผลที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อาจทำให้ผิวหนังรุนแรงเกินไปเมื่อใช้กับอะดาพาลีน เลือกใช้ทางเลือกอื่นที่ไม่มีแอลกอฮอล์
- ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีกลิ่นหอมหรือระคายเคือง:ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีกลิ่นหอมหรือมีกลิ่นหอมมากบางชนิดอาจทำให้ผิวแพ้ง่ายและการระคายเคืองรุนแรงขึ้นเมื่อใช้กับอะดาพาลีน เลือกตัวเลือกที่อ่อนโยนและปราศจากน้ำหอม
- การลอกผิวด้วยสารเคมี:หลีกเลี่ยงการแว็กซ์และการลอกผิวด้วยสารเคมีในขณะที่ใช้ adapalene เนื่องจากผิวของคุณอาจเกิดการระคายเคืองและลอกได้ง่ายมากขึ้น
นี่คือที่มาในบทความของเรา
- https://www.webmd.com/drugs/2/drug-6442/adapalene-topical/details
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2374937/
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น