ยาอะเซทิลซิสเทอีน (Acetylcysteine) เป็นยาที่ใช้เพื่อลดความเหนียวข้นของเสมหะ และยังใช้เป็นยาในการแก้พิษจากการใช้ยาพาราเซลตามอลเกินขนาด โดย Acetylcysteine ยังเป็นอนุพันธ์ของกรดอะมิโน แอลไลซีน (L-Lysine) โดยเป็นสารตั้งต้นในการผลิตกลูต้าไธโอน (Glutathion) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระภายในร่างกาย ยาละลายเสมหะมีทั้งแบบชนิดเม็ดรับประทาน เม็ดฟู่ละลายน้ำ และแบบยาฉีดเข้าหลอดเลือดดำ
ชื่อสามัญ
Acetylcysteine (N-Acetylcysteine)ชื่อทางการค้า
NAC Long, Mysoven, Fluimucil, Mucoza, Mucocilข้อบ่งใช้
- ใช้รักษาโรคทางเดินหายใจที่มีเสมหะมาก ได้แก่ โรคปอดบวม (Pneumonia), โรคหลอดลมอักเสบ (Bronchitis), วัณโรค (Tuberculosis), โรคถุงลมโป่งพองเรื้อรัง (Chronic Emphysema) และโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (Chronic Obstructive Pulmonary Disease : COPD)
- ใช้เป็นยาแก้พิษจากยาพาราเซลตามอล
กลไกการออกฤทธิ์
- ช่วยให้เสมหะที่เหนียวข้นให้เหลวขึ้น ขับมูก โดยไปทำลาย Disulfide bond ของ Mucoprotein ซึ่งเป็นตัวทำให้เกิดมูกหรือเสมหะที่เหนียวให้อ่อนลง และขับออกง่าย
- ออกฤทธิ์แก้พิษต่อตับจากการได้รับยา Acetaminophen เกินขนาด โดยช่วยให้ตับยังคงหน้าที่ทำลายพิษของยา Acetaminophen
ขนาดและวิธีใช้
ชนิดเม็ดรับประทาน สำหรับเด็กเล็ก (อายุ 1 เดือนถึง 2 ปี) ให้ใช้ยาขนาด 100 มก. 2 ครั้ง/วัน สำหรับเด็ก (อายุ 2 – 7 ปี) ให้ใช้ยาขนาด 200 มก. 2 ครั้ง/วัน สำหรับเด็กโต (อายุ 7 ปีขึ้นไป) ให้ใช้ยาขนาดเท่าผู้ใหญ่ สำหรับผู้ใหญ่ ให้ใช้ยาขนาด 600 มก. 1 ครั้ง/วัน หรืออาจเเบ่งเป็น 3 ครั้ง/วันหากลืมรับประทานยา
หากลืมรับประทานยา ให้รับประทานทันทีที่นึกขึ้นได้ หากใกล้กับเวลาของยามื้อถัดไป ให้ข้ามไปทานยาของมื้อถัดไปตามเวลาได้เลย โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่าการเก็บรักษา
เก็บยาไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 25 ℃ หากยาอยู่ในรูปแบบน้ำให้เก็บไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิระหว่า 2 – 8 ℃ และใช้ยาให้หมดภายใน 96 ชม.ผลข้างเคียง
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ผื่น ลมพิษ
- เยื่อบุปากอักเสบ
- ในผู้ที่เป็นโรคหืด อาจต้องระวังหลอดลมหดเกร็ง, อาการไข้หนาวสั่น
- ท้องผูก ท้องเสีย
ข้อควรระวัง
- ในผู้ป่วยโรคหืด อาจต้องระวังภาวะหลอดลมหดเกร็ง
- ในผู้ที่มีประวัติเป็นแผลในกระเพาะอาหาร อาจเกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร
- ระวังการใช้ยาในสตรีมีครรภ์ และคุณแม่ที่ให้นมบุตร โดยยาถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม Category B ยาค่อนข้างมีความปลอดภัยในการใช้ยาในสตรีมีครรภ์
- หากการมองเห็นเปลี่ยนไปภายหลังการใช้ยา ไม่ควรใช้ยานพาหนะ หรือเครื่องจักร
ใครที่ไม่เหมาะกับ Acetylcysteine
อะซิทิลซิสเทอีนเป็นยาที่ใช้กันทั่วไปในการรักษาสภาวะที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเมือกส่วนเกิน เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) และการใช้ยาอะเซตามิโนเฟน (พาราเซตามอล) เกินขนาด แม้ว่าอะเซทิลซิสเทอีนโดยทั่วไปถือว่าปลอดภัยและทนได้ดี แต่ก็มีบางสถานการณ์ที่การใช้อะซิติลซิสเทอีนอาจมีข้อห้ามหรือต้องใช้ความระมัดระวัง บุคคลที่อยู่ในประเภทต่อไปนี้ควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนใช้อะซิติลซิสเทอีน:- ปฏิกิริยาการแพ้:
-
-
- บุคคลที่ทราบว่ามีอาการแพ้หรือแพ้อะเซทิลซิสเทอีนหรือส่วนประกอบใดๆ ควรหลีกเลี่ยงการใช้
-
- โรคหอบหืด:
-
-
- ผู้ป่วยที่เป็นโรคหอบหืดอาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะเกิดหลอดลมหดเกร็ง (ตีบของทางเดินหายใจ) เมื่อใช้อะเซทิลซิสเทอีนแบบสูดดม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหารือเกี่ยวกับความเสี่ยงและผลประโยชน์กับผู้ให้บริการด้านสุขภาพ และอาจพิจารณาการรักษาทางเลือกอื่นด้วย
-
- สภาพทางเดินหายใจที่รุนแรง:
-
-
- ผู้ที่มีอาการทางเดินหายใจรุนแรง โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติหลอดลมหดเกร็งหรือหายใจลำบาก ควรใช้อะเซทิลซิสเทอีนด้วยความระมัดระวัง อาจจำเป็นต้องมีการตรวจสอบอย่างใกล้ชิดโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ
-
- แผลในกระเพาะอาหาร:
-
-
- Acetylcysteine ที่ให้รับประทานอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร บุคคลที่เป็นแผลในกระเพาะอาหารหรือมีประวัติเลือดออกในทางเดินอาหารอาจจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงอะซิทิลซิสเทอีนในช่องปาก และอาจพิจารณาสูตรหรือแนวทางการบริหารทางเลือกอื่น
-
- การตั้งครรภ์และให้นมบุตร:
-
-
- บุคคลที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรปรึกษากับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพก่อนใช้อะซิติลซิสเทอีน แม้ว่ามักจะถือว่าปลอดภัยในระหว่างตั้งครรภ์ แต่การตัดสินใจใช้ยาจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์เฉพาะและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
-
- ปฏิกิริยาระหว่างยา:
-
-
- Acetylcysteine อาจโต้ตอบกับยาบางชนิด แจ้งผู้ให้บริการดูแลสุขภาพของคุณเกี่ยวกับยา อาหารเสริม และผลิตภัณฑ์สมุนไพรทั้งหมดที่คุณใช้อยู่ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการโต้ตอบที่อาจเกิดขึ้น
-
- การด้อยค่าของไต:
-
-
- บุคคลที่มีความบกพร่องทางไตอย่างรุนแรง (ความผิดปกติของไต) อาจจำเป็นต้องปรับขนาดยาหรือติดตามอย่างใกล้ชิดเมื่อใช้อะซิติลซิสเทอีน ในกรณีเช่นนี้ ผู้ให้บริการด้านการแพทย์ควรกำหนดแนวทางการรักษาที่เหมาะสม
-
- สภาพตับ:
-
- Acetylcysteine มักใช้ในกรณีของการใช้ยาเกินขนาด acetaminophen ซึ่งอาจส่งผลต่อตับ บุคคลที่มีภาวะตับอยู่แล้วควรใช้อะเซทิลซิสเทอีนด้วยความระมัดระวังและอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.webmd.com/drugs/2/drug-8938/acetylcysteine/details
- https://www.medicines.org.uk/emc/product/2488/smpc#gref
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น