ประโยชน์ของอาซาอิเบอร์รี่ (Acai Berries)

21.11.2567

อาซาอิเบอร์รี่ คือ สุดยอดผลไม้ของชาวบราซิล พวกมันเป็นผลไม้ดั้งเดิมของพื้นที่ป่าอเมซอน อย่างไรก็ตาม อาซาอิเบอร์รี่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก และมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายอย่าง ผลไม้สีม่วงเข้มชนิดนี้มีสารอาหารมากมาย และอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพด้วย

อาซาอิเบอร์รี่ หรือ Acai คืออะไร

อาวาอิเบอร์รี่เป็นผลไม้ทรงกลมมีขนาดประมาณ 2.5 เซนติเมตร เป็นผลของต้นอาซาอิในป่าฝนในตอนกลาง และตอนใต้ของทวีปอเมริกา พวกมันมีผิวสีม่วงเข้ม และเหลือง มีเมล็ดใหญ่อยู่ข้างใน ด้วยเหตุที่อาซาอิมีเมล้กคล้ายกับแอปริคอต และมะกอก โดยเทคนิคแล้ว พวกมันไม่ใช่เบอร์รี่ แต่เป็นผลไม้ที่มีเมล็ดแข็ง อย่างไรก็ตาม อาซาอิมักถูกเรียกว่าเบอร์รี่ ในป่าฝนอเมซอน อาซากิเบอร์รี่มักถูกรับประทานร่วมกับอาหาร เพื่อที่จะทำให้พวกมันกินได้ พวกมันจะถูกบีบออกจากเปลือกที่หนา และบดให้เป็นครีมสีม่วงเข้ม พวกมันมีรสชาติคล้ายแบล็กเบอร์รี่ผสมกับช็อคโกแลตแบบไม่หวาน อาซาอิเบอร์รี่สดเก็บได้ไม่นาน และไม่สามารถปลูกที่อื่นได้ ในการส่งออก อาซาอิเบอร์รี่มักถูกขายในรูปแบบของผลไม้แช่แข็ง แป้ง หรือน้ำผลไม้ บางครั้งอาซาอิเบอร์รี่ก็ใช้เป็นตัวเพิ่มรสชาติให้อาหาร เช่น เยลลี่ ถั่ว และไอศกรีม สินค้าที่ไม่ใช่อาหารก็มีอาซาอิเช่นกัน เช่น ครีมทาตัวที่มีส่วนผสมของน้ำมันอาซาอิ

1. อาซาอิมีสารอาหารสูง

อาซาอิมีสารอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ เพราะพวกมันมีไขมันสูง และน้ำตาลต่ำ อาซาอิ 100 กรัมมีสารอาหารดังนี้:

พลังงาน: 70
ไขมัน: 5 กรัม
ไขมันอิ่มตัว: 1.5 กรัม
คาร์โบไฮเดรต: 4 กรัม
น้ำตาล: 2 กรัม
ใยอาหาร 2 กรัม
วิตามิน A: 15% ของปริมาณที่ร่างการควรได้รับต่อวัน
แคลเซียม: 2% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน

อาซาอิเบอร์รี่มีไขมันชนิดดี และมีน้ำตาลต่ำ ทั้งยังมีแร่ธาตึ และสารประกอบพืช เช่น แอนโทไซยานิน acay berries

2. มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง

สารต้านอนุมูลอิสระเป็นสารที่สำคัญต่อร่างกายเพราะช่วยต่อต้านความเสียหายจากสารอนุมูลอิสระทั่วร่างกาย หากอนุมูลิสระไม่ถูกต่อต้านจากสารต้านอนุมูลอิสระ พวกมันสามารถทำลายเซลล์ และทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้มากมาย เช่น เบาหวาน มะเร็ง และโรคหัวใจ อาซาอิเบอร์รี่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก ซึ่งมากกว่าสารต้านอนุมูลอิสระที่มีในบลูเบอร์รี่ หรือแครนเบอร์รี่ สารต้านอนุมูลอิสระจะถูกคำนวนโดยความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระของอาหาร (ORAC) ในกรณีของอาซากิ อาซากิแช่แข็ง 100 กรัมวัดค่า ORAC ได้ 15,405 ในขณะที่บลูเบอร์รี่ในปริมาณเท่ากันวัดได้ 4,669 สารต้านอนุมูลอิสระนี้มาจากสารประกอบพืชในอาซากิ รวมไปถึงแอนโทไซยานินด้วย

3. อาจช่วยให้ระดับคอเลสเตอรอลดีขึ้น

การศึกษาในสัตว์แสดงให้เห็นว่าอาซากิสามารถช่วยทำให้ระดับคอเลสเตอรอลดีขึ้นได้โดยการลดระดับของคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี และเป็นไปได้ที่จะมีผลลัพท์ที่คล้ายกันในมนุษย์ ในขณะที่ยังต้องทำการวิจัยอีกมาก เป็นไปได้ว่าแอนโทไซยานินในอาซากิจะมีประโยชน์ต่อระดับคอเลสเตอรอล ทำอย่างไรเมื่อคอเลสตอรอลสูง อ่านต่อที่นี่ 4. อาจเป็นไปได้ที่อาซากิจะช่วยต้านมะเร็ง ในขณะที่ไม่มีอาหารใดมีเวทมนต์ที่จะเป็นเกราะป้องกันมะเร็งได้ อาหารบางอย่างสามารถหยุดการก่อตัวของเซลล์มะเร็ง และการแพร่กระจายได้ ทั้งในหลอดทดลอง และการศึกษาในสัตว์ได้เผยผลของการต้านมะเร็งของอาซากิ ในหนู อาซากิลดอัตราการเกิดของมะเร็งลำไส้ และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ อย่างไรก็ตาม การศึกษาที่สองพบว่าอาซาอิไม่มีผลต่อมะเร็งกระเพาะอาหาร นักวิจัยสรุปว่าอาซากิอาจมีบทบาทในการรักษามะเร็งในอนาคตได้ แต่ยังจำเป็นต้องวิจัยในมนุษย์เพิ่มเติม

5. ช่วยให้สมองทำงานดีขึ้น

สารประกอบพืชในอาซากิช่วยปกป้องสมองจากการถูกทำลายเมื่อคุณแก่ขึ้น หลายการทดลองแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการปกป้องสมองในหนู สารต้านอนุมูลอิสระจากอาซากิใช้ได้ผลกับการอักเสบ และการออกซิเดชั่นของเซลล์สมองที่สามารถส่งผลเสียต่อความจำ และการเรียนรู้ได้ อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ: การลดความเสี่ยงในการเกิดโรคสมองเสื่อมอ่านที่นี

รูปแบบการบริโภค

ผลเบอร์รี่อาซาอิเน่าเสียง่ายและมักบริโภคในรูปแบบแปรรูป เช่น น้ำซุปข้นแช่แข็ง ผงแห้ง น้ำผลไม้ หรืออาหารเสริม อาซาอิโบวล์ สมูทตี้ น้ำผลไม้ และอาหารเสริมเป็นวิธียอดนิยมในการรวมอาซาอิเบอร์รี่เข้ากับอาหาร ผลิตภัณฑ์อาซาอิมักจะผสมกับผลไม้ โยเกิร์ต กราโนล่า หรือเนยถั่วอื่นๆ เพื่อสร้างของว่างหรือมื้ออาหารที่อร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการ แม้ว่าอาซาอิเบอร์รี่จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายและเป็นอาหารเสริมที่สมดุลในการรับประทานอาหารที่สมดุล การบริโภคผลเบอร์รี่เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่หลากหลายและอุดมด้วยสารอาหาร แทนที่จะพึ่งพาผลิตภัณฑ์อาซาอิเพียงอย่างเดียวเพื่อสุขภาพ นอกจากนี้ การตอบสนองของแต่ละคนต่ออาซาอิเบอร์รี่อาจแตกต่างกันไป และสิ่งสำคัญคือต้องปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนทำการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในการรับประทานอาหารหรือไลฟ์สไตล์ของคุณ