ต้นกระเจี๊ยบคืออะไร
กระเจี๊ยบแดงหรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Hibiscus sabdariffa คือ ไม้พุ่มที่อยู่ในตระกูลพืชวงศ์ชบา ในประเทศอิหร่านรู้จักกันว่าเป็นชาเปรี้ยว ในแถบประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษในการพูด กระเจี๊ยบถูกเรียกว่า เรดซอเรล เป็นพืชดั้งเดิมมาจากประเทศแอฟริกาและประเทศแถบแคริเบียนเช่นหมู่เกาะเวสต์อินดีส ประเทศตรินิแดดและโตเบโก ซึ่งในปัจจุบันนี้ได้มีการเพาะปลูกทั่วไปในประเทศเขตร้อนและใกล้เขตร้อนของโลก โดยเฉพาะในอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กระเจี๊ยบเคยถูกใช้เป็นพืชเพื่อการรักษามานานหลายศตวรรษแล้ว สามารถรักษาอาการปวดฟัน โรคติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ โรคหวัด หรือแม้แต่อาการเมาค้าง ในประเทศเซเนกัล น้ำกระเจี๊ยบสกัดจากใบสามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคตาแดงและเมื่อนำมาบดเป็นผง จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บและบาดแผลได้ หนึ่งในเหตุผลหลักสำหรับการเพาะปลูกกระเจี๊ยบคือเพื่อผลิตเส้นใยเปลือกในซึ่งสกัดมาจากก้านและถูกนำมาทดแทนปอกระเจา Hibiscus cannabinus คือ พืชที่เพาะปลูกในแถบเอเชียใต้ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสกัดเอาเส้นใย กระเจี๊ยบเป็นไม้พุ่มที่เจริญเติบโตได้ง่าย และมีลำต้นสูง ง่ายต่อการระบุพันธุ์เพราะมีก้านสีแดงสด และยังให้ดอกที่เห็นได้ชัดและดูโดดเด่น และยิ่งกว่านั้นในปุ่มทุกๆปุ่มจะมีกลีบเลี้ยง กระเปาะทั้งแบบสดและแห้งเป็นส่วนที่สำคัญและนำไปใช้ประกอบอาหารได้สรรพคุณกระเจี๊ยบแดง
กลีบเลี้ยงของดอกกระเจี๊ยบหรือกลีบที่เหลืออยู่ที่ผลสามารถใช้เป็นยาลดไขมันในเส้นเลือดและช่วยลดน้ำหนัก ลดความดันโลหิต รักษาเส้นโลหิจให้แข็งแรงดี ช่วยย่อยอาหารเพราะไม่เพิ่มการหลั่งของกรดในกระเพาะ เพิ่มการหลั่งน้ำดี ผลของกระเจี๊ยบช่วยลดไขมันในเส้นเลือด แก้กระหายน้ำ รักษาแผลในกระเพาะ และในส่วนของเมล็ดช่วยบำรุงธาตุ บำรุงกำลังประโยชน์ของน้ำกระเจี๊ยบสรรพคุณดีต่อสุขภาพอย่างไร
น้ำกระเจี๊ยบแดงมีรสเปรี้ยว เมื่อนำมาต้มกับน้ำแล้วเติมน้ำตาล ไว้ดื่มแก้ร้อนใน กระหายน้ำ กระเจี๊ยบแดงเมื่อนำมาทำเป็นเครื่องดื่ม พบว่าน้ำกระเจี๊ยบช่วยทำให้ความเหนียวข้นของเลือดลดลง และยังมีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะ เป็นอีกทางที่สามารถช่วยลดความดันโลหหิตได้ด้วย เมื่อนำน้ำกระเจี๊ยบมาดื่มนั้นเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยสร้างความสดชื่นให้แก่ร่างกาย เพราะมีกรดซีตริคอยู่ ในน้ำกระเจี๊ยบแดงมีสีแดงเข้ม เพราะสารแอนโทไซยานิน สามารถนำไปแต่งสีอาหารได้ตามต้องการ น้ำกระเจี๊ยบช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง เพราะมีสารแอนโทไซยานินที่ช่วยยับยั้งการเกิดออกซิเดชั่นของไขมันเลสและยับยั้งการตายของมาโครฟาจ โดยมีสาร Dp3-Sam ซึ่งเป็นแอนโทไซยานินชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์ช่วยกำจัดเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวในห้องทดลองได้ จึงมีผลในการช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งและอาจช่วยชะลอการลุกลามของมะเร็งบางชนิดได้ใบกระเจี๊ยบทำอะไรได้บ้าง
ในส่วนของใบกระเจี๊ยบนั้นช่วยแก้โรคพยาธิตัวจี๊ด ลดเสหมะ แก้ไอ ขับเมือกในลำคอ และสามารถนำใบมาตำพอกฝีหรือใช้ต้มน้ำเพื่อใช้ล้างแผลได้ ใบอ่อนของกระเจี๊ยบใช้รับประทานเป็นผักได้ หรือจะนำมาใช้ทำแกงส้มเพราะให้รสเปรี้ยว และมีวิตามินเอสูงช่วยบำรุงสายตาดอกกระเจี๊ยบแดง
ดอกกระเจี๊ยบมีประโยชน์มากมาย สามารถช่วยละลายไขมันในเส้นเลือด แก้อาการไอ ในส่วนของกลบดอกของกระเจี๊ยบแดงมีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนในเพศหญิงจึงมีประโยชน์ต่อสตรีในช่วงวัยทอง เราสามารถนำดอกกระเจี๊ยบไปทำอาหารต่างๆได้เช่น แกงส้มดอกกระเจี๊ยบ ยำดอกกระเจี๊ยบ แยมดอกกระเจี๊ยบ ดอกกระเจี๊ยบแช่อิ่ม กระเจี๊ยบกวนเป็นต้นโทษของกระเจี๊ยบแดง
กระเจี๊ยบแดงอาจมีโทษในบางราย เพราะอาจทำให้เกิดอาการท้องเสียเพราะมีฤทธิ์เป็นยาระบาย และเพราะมีคุณสมบัติในการขับปัสสาวะ แม้ว่จะมีความเป็นพิษต่ำมากก็ตาม ก็ไม่ควรดื่มในปริมาณเข้มข้นและติดต่อกันนานๆเพราะจะไม่ดีต่อสุขภาพใครที่ไม่ควรทานกระเจี๊ยบแดง
กระเจี๊ยบแดงเป็นไม้ดอกที่มักใช้ในการเตรียมอาหารและสมุนไพรต่างๆ แม้ว่าโดยทั่วไปแล้ว กระเจี๊ยบจะถือว่าปลอดภัยและสามารถรับประทานได้ แต่ก็มีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่ควรใช้ความระมัดระวังหรือหลีกเลี่ยงการบริโภคผลิตภัณฑ์กระเจี๊ยบ:- สตรีมีครรภ์:ดอกกระเจี๊ยบถูกนำมาใช้เป็นยาสมุนไพรเพื่อกระตุ้นการหดตัวของมดลูกและการมีประจำเดือน ดังนั้นสตรีมีครรภ์ควรระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการบริโภคกระเจี๊ยบแดงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในปริมาณมากเพราะอาจทำให้แท้งได้
- สตรีให้นมบุตร:ผลของกระเจี๊ยบแดงต่อสตรีให้นมบุตรไม่ได้รับการศึกษาอย่างดี มารดาที่ให้นมบุตรแนะนำให้บริโภคกระเจี๊ยบในปริมาณที่พอเหมาะ เนื่องจากยังไม่เป็นที่เข้าใจถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการผลิตน้ำนมแม่หรือทารก
- ผู้ที่รับประทานยา:กระเจี๊ยบแดงอาจเกิดปฏิกิริยากับยาบางชนิด โดยเฉพาะยาลดความดันโลหิต เนื่องจากมีฤทธิ์ลดความดันโลหิต ปรึกษากับแพทย์หากคุณกำลังใช้ยาเพื่อควบคุมความดันโลหิตหรืออาการอื่นๆ
- ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ:ความสามารถของกระเจี๊ยบในการลดความดันโลหิตอาจไม่เหมาะสำหรับบุคคลที่มีความดันโลหิตต่ำอยู่แล้ว การบริโภคกระเจี๊ยบแดงอาจช่วยลดความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่ไม่ดีต่อสุขภาพได้อีก
- อาการแพ้:บางคนอาจแพ้พืชที่เกี่ยวข้องในตระกูล Malvaceae ปฏิกิริยาภูมิแพ้ต่อกระเจี๊ยบแดงมีได้ตั้งแต่ผื่นที่ผิวหนังไปจนถึงอาการรุนแรง เช่น หายใจลำบากหรือภูมิแพ้
- ความผิดปกติของไต:กระเจี๊ยบมีออกซาเลตซึ่งสามารถทำให้เกิดนิ่วในไตในบางคนได้ หากคุณมีประวัตินิ่วในไตหรือโรคไต แนะนำให้ติดตามปริมาณออกซาเลตและปรึกษากับแพทย์
- ปัญหาระบบทางเดินอาหาร:รสเปรี้ยวของกระเจี๊ยบแดงอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ท้องเสียง่ายหรือกรดไหลย้อน อาจทำให้อาการไม่สบายทางเดินอาหารรุนแรงขึ้นในบางคน
- การดูดซึมธาตุเหล็ก:กระเจี๊ยบมีสารประกอบที่เรียกว่าโพลีฟีนอล ซึ่งอาจยับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็กที่ไม่ใช่ฮีม (ธาตุเหล็กจากพืช) เมื่อบริโภคกับอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง หากคุณพึ่งพาแหล่งธาตุเหล็กจากพืช คุณอาจต้องการจำกัดการบริโภคกระเจี๊ยบแดงควบคู่ไปกับมื้ออาหารที่มีธาตุเหล็กสูง
ประโยชน์ของกระเจี๊ยบ
กระเจี๊ยบคือพืชตัวอย่างที่นำมาใช้ประโยชน์ได้มากมาย คนที่รู้จักมันดีจะสามารถนำทุกส่วนทั้งหมดมาใช้ได้ไม่ว่าจะเป็นส่วนกระเปาะกระเจี๊ยบ ใบ ก้าน ดอก และอื่นๆเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง เช่น:ใช้ประกอบอาหาร
พืชชนิดนี้มีชื่อเสียงมากมายสำหรับกระเปาะที่อวบอิ่ม กระเปาะสดของกระเจี๊ยบสีแดงสดนี้ถูกนำมาใช้ในการผลิตสีแดงสด น้ำดื่มรสเลิศที่เรียกว่าน้ำกระเจี๊ยบหรือฟลอเดอจาไมก้า บางบ้านอาจนำใบกระเจี๊ยบมาทำสลัด ซึ่งจะทำให้มีรสชาติคล้ายผักโขมแบบเผ็ดผสมกับผลไม้รสเปรี้ยว ใบของกระเจี๊ยบจึงมักสร้างความตื่นเต้นให้รสชาติอยู่เสมอครีมบำรุงผิว
ด้วยกิตติศัพท์เรื่องคุณสมบัติด้านชะลอวัย กระเจี๊ยบจึงเป็นพืชยอดนิยมในเรื่องของความงามและครีมบำรุงผิวของโลก โดยนำมาใช้สำหรับขัดใบหน้าลำตัว อบไอน้ำ มาร์สหน้า ส่วนดอกกระเจี๊ยบมีประโยชน์เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระ -ซึ่งช่วยต่อต้านผลกระทบจากอนุมูลอิสระ12 ประโยชน์เพื่อสุขภาพจากกระเจี๊ยบ
1. ลดอาการปวดประจำเดือน
ช่วยบรรเทาอาหารปวดเกร็งและปวดประจำเดือน ช่วยฟื้นฟูความสมดุลของฮอร์โมน (ซึ่งสามารถช่วยลดอาการช่วงมีประจำเดือน เช่นอารมณ์แปรปรวน ซึมเศร้าและรับประทานมากเกินไป)2. มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและต้านเชื้อแบคทีเรีย
ชาฮิบิคัสอุดมไปด้วยกรดแอสคอร์บิก หรือที่รู้จักกันในชื่อวิตามินซีนั่นเอง วิตามินซีเป็นสารอาหารที่มีความจำเป็นที่ร่างกายต้องการเพื่อเสริมสร้างและกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ดอกกระเจี๊ยบทั้งแบบแห้งและสดนั้นมีวิตามินซีที่สูงมาก- เสริมสร้างระบบภูมิต้านทาน (ป้องกันโรคหวัดและไข้หวัด)
- มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและต้านเชื้อแบคทีเรีย
- ช่วยอาการไม่สบายตัวเนื่องจากโรคไข้หวัด (เพราะผลจากการทำให้ตัวเย็นลง)
3. ช่วยในการย่อยอาหาร
แคปซูลเมล็ดในกระเจี๊ยบเป็นที่รู้กันดีว่ามีคุณสมบัติเรื่องยาขับปัสสาวะและยาบำรุง จากนี้ไปคือประโยชน์ของแคปซูลเมล็ด:- เพิ่มการเคลื่อนไหวของลำไส้และการถ่ายปัสสาวะ (เพราะคุณสมบัติด้านการขับปัสสาวะ)
- รักษาโรคท้องผูก
- ป้องกันโรคมะเร็งลำไส้
4. ลดน้ำหนัก
ชาสมุนไพรฮิบิคัสมีประโยชน์ในการลดน้ำหนัก หากคุณบริโภคอาหารที่เต็มไปด้วยคาร์โบไฮเดรต ซึ่งนั่นหมายความว่ามันมีน้ำตาลและแป้งเป็นส่วนประกอบ จึงทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้ แต่อย่างไรก็ตามจากการศึกษาพบว่า ฮิบิคัสสกัดลดการดูดซึมแป้งและกลูโคสที่อาจช่วยในการลดน้ำหนัก ฮิบิคัสช่วยยับยั้งการผลิตอะไมเลส ซึ่งจะช่วยดูดซึมคาร์โบไฮเดรตและแป้ง ดังนั้นการดื่มชาฮิบิคัสจึงช่วยป้องกันการดูดซึมที่เกิดขึ้นได้ เราจึงพบเห็นชาฮิบิคัสในผลิตภัณฑ์เพื่อลดน้ำหนักหลายๆตัว5. มีคุณสมบัติต้านอาการซึมเศร้า
- มีคุณสมบัติต้านซึมเศร้าเช่น ฟลาโวนอยด์
- ช่วยทำให้ระบบประสาทสงบลง
- ช่วยลดความวิตกกังวลและซึมเศร้าโดยสร้างความรู้สึกผ่อนคลายทั้งทางร่างกายและจิตใจ
6. มีคุณสมบัติต้านมะเร็ง
ชาสมุนไพรฮิบิคัสมีกรดโปรโตคาทีคูอิก ซึ่งเป็นสารต้านเซลล์มะเร็งและมีสารต้านอนุมูลอิสระ จากการศึกษาโดย ในนครไทจง ประเทศไตหวัน แนะนำว่าฮิบิคัสช่วยทำให้เซลล์มะเร็งเจริญเติบโตได้ช้าลง7. ช่วยจัดการอาการไอ หวัดและไข้หวัด
จากข้อมูลในหนังสือ “Healing Herbal Teas,” ดอกฮิบิคัสสดมีสารกรดแอสคอร์บิกเป็นส่วนประกอบประมาณ 6.7 มก. ในรูปของวิตามินซี ซึ่งเป็นหนึ่งในสารอาหารที่จำเป็นของร่างกาย ด้วยประโยชน์ที่มีมากมาย ฮิบิคัสเป็นที่รู้กันดีว่าคุณสมบัติต้านการอักเสบและต้านเชื้อแบคทีเรีย ดังนั้นชาฮิบิคัสจึงมักถูกนำมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบของอาหารเสริมเพื่อช่วยในการรักษาอาการไอหรือหวัด เพราะผลทำให้เกิดความเย็น โดยเฉพาะผลในการลดความไม่สบายตัวจากโรคไข้หวัดที่อาจเกิดร่วมกับอาการป่วย8. การจัดการความดันเลือด
จากรายงานของ AHA (American Heart Association) ที่ถูกตีพิมพ์ในเดือนพฤศจิกายน ปี2008 บอกไว้ว่าการบริโภคชาดอกไม้ฮิบิคัสช่วยลดความดันเลือดในคนที่มีภาวะก่อนความดันโลหิตสูง และปกป้องหัวใจซึ่งมีประโยชน์สำหรับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงและคนที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เพราะมีคุณสมบัติเรื่องการต้านการอักเสบ ชาฮิบิคัสจึงสามารถช่วยลดความดันเลือดได้มากถึง 10 จุด จากข้อมูลการวิจัยของ Tufts University in Boston พบว่าสามารถทำให้ดีขึ้น เมื่อมีการบริโภคชา 3 ถ้วยทุกๆวันเป็นระยะเวลาสองสามอาทิตย์ อีกทั้งชาฮิบิคัสยังมีคุณสมบัติในการขับปัสสาวะจึงช่วยเพิ่มการถ่ายปัสสาวะ และลดความดันโลหิตลงไปพร้อมๆกัน9. ปกป้องตับ
ด้วยคุณสมบัติของสารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยในการรักษาโรคตับ (สารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยปกป้องร่างกายจากโรคเพราะช่วยยับยั้งสารอนุมูลอิสระในเนื้อเยื่อและเซลล์ของร่างกาย)10.ช่วยทำให้ฟันและเหงือกมีสุขภาพที่ดี
กระเจี๊ยบแดงมีแคลเซียมอยู่มากจึงส่งผลให้เหงือกและฟันมีสุขภาพดี11. การตั้งครรภ์ที่มีสุขภาพที่ดี
หญิงตั้งครรภ์ควรบริโภคอาหารที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็กมากกว่าคนอื่นๆ กระเจี๊ยบแดงอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก12. รสชาติเยี่ยม
ชาสมุนไพรฮิบิคัสมีรสชาติที่คล้ายคลึงน้ำแครนเบอรี่ ด้วยความที่มีรสจัดดังนั้นคุณจึงสามารถเติมน้ำตาลหรือน้ำผึ้งเพื่อเพิ่มความหวานได้ อีกทั้งยัสามารถเติมเครื่องเทศเช่น ชินนามอน กานพูล ลูกจันทร์เทศและขิงขึ้นอยู่กับรสชาติตามชอบนี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.healthline.com/nutrition/hibiscus-tea-benefits
- https://www.medicalnewstoday.com/articles/318120
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น